*นายกฯย้ำให้ความเป็นธรรม ประเด็นถอดถอนนักการเมือง *

การถอดถอนนาย นิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา นาย สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์  อดีตประธานรัฐสภา และนางสาว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่จะมีขึ้นในวันที่ 8 และ 9 มกราคม 2558 นั้น พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ระบุว่า การถอดถอนเป็นไปตามกฎหมาย ต้องดูว่าทั้ง 3 คนกระทำผิดจริงหรือไม่ ส่วนตัวไม่มีหน้าที่ตัดสิน โดยเป็นเรื่องของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือสนช.ที่จะเป็นผู้ให้คำตอบ ยืนยันว่าการถอดถอนไม่ใช่เกมการเมือง ส่วนที่ระบุว่ายกเลิกกฎหมายรัฐธรรมนูญฉบับ 2550 ไปแล้ว การถอดถอนคงไม่สามารถทำได้ นายกฯระบุว่า ตัวเองยกเลิกแค่รัฐธรรมนูญ กฎหมายลูกอื่นๆรวมทั้งปปช.ยังมีผลบังคับใช้ปกติ ดังนั้นต้องดูไปตามข้อกฎหมายและกระบวนการ ยืนยันว่าตัวเองให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ทั้งนี้หากมีกลุ่มที่ไม่พอใจและออกมาประท้วง ตัวเองจะใช้กฎอัยการศึกขั้นเด็ดขาดจัดการทันที เพราะถือว่าเป็นเรื่องความมั่นคงที่ต้องดูแล

นอกจากนี้ได้รับทราบการทำงานของสภาปฎิรูปแห่งชาติและสภานิติบัญญัติแห่งชาติแล้ว โดยตัวเองได้กำชับให้เร่งทำงานมากขึ้น และจะมีการประเมินผลทุก 3 เดือน นายกฯ ยังระบุด้วยว่า ไม่อยากให้ทุกฝ่ายมองไปที่คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญเพียงฝ่ายเดียว  แต่ขอให้มองไปที่สปช.และสนช.ที่สามารถผ่านร่างกฎหมายต่างๆออกมาได้ ซี่งบางกฎหมายไม่สามารถออกได้ในภาวะปกติ รวมทั้งอยากให้ประชาชนศึกษากฎหมายต่างๆว่าได้รับผลกระทบอย่างไร เพราะเชื่อว่าทุกกฎหมายย่อมส่งผลต่อการดำรงชีวิตของประชาชน หากมีผู้ใดเสียประโยชน์ก็ต้องเข้าใจว่าเป็นการเสียสละเพื่อส่วนร่วม เพราะไม่มีใครที่จะได้ประโยชน์หมด ส่วนการปฎิรูปประเทศ ต้องได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่ายทั้งประชาชน สภาและรัฐบาล จึงจะสามารถพัฒนาไปได้ ส่วนของขวัญสปช.ที่จะคิดค่ามือถือเป็นวินาทีนั้น เป็นเรื่องของสปช. ไม่ใช่หน้าที่ตัวเอง

ขณะที่บันทึกความเข้าใจโครงการก่อสร้างรถไฟรางคู่ขนาดมาตรฐานระหว่างไทย-จีนที่เพิ่งมีการลงนามไปนั้น นายกฯ ระบุว่า กำลังรอคณะทำงานฝ่ายจีนมาเจรจาและศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม โดยไทยได้ตั้งคณะทำงานแล้ว ซึ่งมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเป็นประธาน ทั้งนี้ได้มีการตั้งคณะทำงานขึ้นทาอีกกว่าสามชุดเพื่อร่วมกันทำงานเพิ่มเติม ทั้งนี้คาดว่าจะมีการหารือกันในอีกไม่นานนี้ โดยจีนจะให้งบประมาณเป็นหลัก

สำหรับการจัดงานวันเด็กก็จะจัดเหมือนทุกปี ส่วนตัวจะเดินทางมาเป็นประธานเปิดงาน โดยจะอนุญาตให้เด็กนั่งเก้าอี้นายกฯได้ พร้อมระบุว่าต้องสอนเด็กให้รู้จักการเมืองและความมั่นคง เพราะเป็นอนาคตของชาติ