ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 19.30 น.วันศุกร์ที่ 4 ธันวาคม 2563
เชียงใหม่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 อีก 1 คน
สถานการณ์โควิด-19 ในจังหวัดเชียงใหม่ ในวันนี้ (4 ธ.ค. 63) นพ.จตุชัย มณีรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยกรณีพบผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 1 คน เป็นชายไทย อายุ 32 ปี ชาวเชียงใหม่ ทำงานในสถานบันเทิงเดียวกันกับที่พบการระบาดของโควิด-19 จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา จากการลงพื้นที่ของทีมสอบสวนโรคเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกับ สำนักควบคุมโรคที่ 1 พบว่า
-ผู้ป่วยรายนี้ เริ่มมีอาการในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2563 โดยมีอาการครั่นเนื้อครั่นตัว คัดจมูก การได้รับกลิ่นลดลง และได้เดินทางข้ามพรมแดนธรรมชาติมาในช่วงค่ำของวันที่ 30 พ.ย. พักที่ อ.แม่สาย 1 คืน และเดินทางเข้าพักใน อ.เมือง จ.เชียงรายอีก 1 คืน ก่อนที่จะเดินทางไปจังหวัดเชียงใหม่โดยรถจักรยานยนต์ส่วนตัว ในวันที่ 2 ธันวาคม 2563 เวลาประมาณ 15.00 น. เข้าพักในโรงแรมแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ (พักคนเดียว) ในเวลา 20.00 น. และได้ออกไปซื้ออาหารที่ 7-eleven ตลาดหน้า ป.พัน 7 ประมาณ 10 นาที เพื่อซื้ออาหารมารับประทาน โดยสวมหน้ากากตลอดเวลาที่ออกไปนอกที่พัก
-โดยในวันที่ 3 ธันวาคม 2563 เวลา 09.45 น. เข้ารับการตรวจที่โรงพยาบาลนครพิงค์ และเวลา 14.00 น. ผลตรวจยืนยันพบเชื้อโควิด-19 พร้อมรับตัวเข้ารักษาในห้องแยกโรคความดันลบ โรงพยาบาลนครพิงค์
-จากการติดตามกล้องวงจรปิดจากสถานที่ 2 แห่ง ไม่พบผู้สัมผัสเสี่ยงสูง แต่พบผู้สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงต่ำ จำนวน 5 คน (จากโรงแรม และร้าน 7-eleven) โดยจะนัดเก็บสิ่งส่งตรวจหาเชื้อโควิด-19 เมื่อครบ 5 วันหลังสัมผัส ในวันที่ 7 ธันวาคม 2563
สำหรับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาท่องเที่ยวเชียงใหม่ คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ ได้ดำเนินมาตรการเชิงรุก จัดทีมเจ้าหน้าที่ พร้อมด้วยรถพระราชทานชีวนิรภัย ตรวจคัดกรองเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในกลุ่มผู้ที่ประกอบอาชีพที่มีความเสี่ยงในสถานบันเทิง โดยจะตระเวนไปตามจุดต่างๆในจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นว่าจะไม่เกิดการระบาดขึ้นภายในจังหวัดเชียงใหม่
เตรียมดำเนินคดีคนไทยลักลอบเข้าประเทศและติดโควิด-19
พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 สั่งการให้ตำรวจดำเนินคดีหญิงไทยที่ลักลอบเข้าไปทำงานในประเทศเมียนมา และลักลอบข้ามแดนกลับเข้าประเทศตามช่องทางธรรมชาติ ในพื้นที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย และติดโควิด-19 เข้ามา โดยให้หญิงสาวที่ป่วยรักษาตัวจนหายหรือพ้นระยะการกักตัว จึงจะให้ทางพนักงานสอบสวนเข้าไปสอบปากคำและแจ้งข้อกล่าวหา 2 ข้อหา ทั้งลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย และเข้ามาแล้วไม่ปฏิบัติตัวตามคำสั่งคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด
ขณะนี้ผู้ป่วยยังคงนอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลนครพิงค์เชียงใหม่ 3 คน และพื้นที่จังหวัดเชียงราย และจังหวัดพะเยา อีกหลายคน พร้อมทั้งได้กำชับให้ตำรวจแต่ละพื้นที่กำชับและออกตรวจสถานบริการในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงให้ปฏิบัติตามคำสั่งของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเพื่อลดความเสี่ยงจากการแพร่เชื้อ
คนไทยกลุ่มแรกที่เมียนมา เดินทางกลับประเทศ หลังประสานกก.ชายแดน
คนไทยชุดแรก 16 คน ที่อยู่ในจังหวัดท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา เดินทางถึงด่านพรมแดนไทย-เมียนมา แห่งที่ 2 แล้วเมื่อเวลา 13.00 น.วันนี้ แบ่งเป็นหญิง 9 คน ชาย 6 คน และเด็กหญิง 1 คน ซึ่งคนไทยกลุ่มนี้เป็นคนไทยที่เดินทางไปเมียนมาอย่างถูกกฎหมาย และสมัครใจขอกลับมา ผ่านการประสานงานของคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่นไทย-เมียนมา และตามประกาศของจังหวัดเชียงราย และไม่ใช่กลุ่มคนที่เข้าไปทำงานในวันจีวัน นอกจากนั้น เพื่อให้เป็นไปตามมาตรการควบคุมโรค เจ้าหน้าที่ได้ส่ง 16 คนนี้ไปตรวจคัดกรองโควิด-19 จากรถพระราชทาน ก่อนนำไปกักตัวที่โรงแรมในตัวเมืองเชียงราย เพราะถือว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงต่ำ
มีรายงานว่ายังมีคนไทยอีกกว่า 50 คน ที่ไม่มีเอกสาร และส่วนใหญ่เป็นกลุ่มลักลอบข้ามไปทำงานที่Fi'ci,วันจีวัน จังหวัดท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา
มาเลเซียเรียกร้องให้ทั่วโลกต่อสู้กับข้อมูลเท็จเกี่ยวกับวัคซีนโควิด-19
ดาโต๊ะ สรี ฮิซามุดิน ตุน ฮุสเซน รัฐมนตรีการต่างประเทศมาเลเซีย เรียกร้องให้นานาประเทศร่วมมือกันต่อสู้กับปัญหาข้อมูลที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับวัคซีนโควิด-19 และการโฆษณาชวนเชื่อต่อต้านการฉีดวัคซีน ในขณะที่หลายประเทศทั่วโลกกำลังเตรียมแผนการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับบุคคลกลุ่มต่างๆ เพื่อควบคุมโรคระบาด
คำกล่าวของรัฐมนตรีการต่างประเทศมาเลเซียมีขึ้นในระหว่างการประชุมทางไกลของสมัชชาสหประชาชาติวาระพิเศษครั้งที่ 31 ว่าด้วยการรับมือโควิด-19 ซึ่งเขากล่าวว่า ข้อมูลข่าวสารที่ไม่ถูกต้องจะทำให้สถานการณ์โรคระบาดมีความรุนแรงกว่าเดิม และจะเกิดขึ้นยาวนานออกไป การปฏิเสธวัคซีนด้วยการอ้างถึงการโฆษณาชวนเชื่อจะต้องได้รับการแก้ไข เพราะเป็นการกระทำที่จะสร้างความเสียหายให้กับมวลชนและคุกคามชีวิตอีกนับล้าน
นายฮิซามุดิน ยังได้ย้ำจุดยืนของมาเลเซียว่าวัคซีนโควิด-19 จะต้องสามารถเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียมกันและมีราคาไม่แพงสำหรับทุกคน มาเลเซียยังคงมุ่งมั่นที่จะทำงานร่วมกันกับองค์การสหประชาชาติและประเทศสมาชิกในการเผชิญกับความท้าทายร่วมกันเพื่อเอาชนะไวรัสโคโรนาที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้วมากกว่า 1,500,000 รายและทั่วโลกต้องตกอยู่ในภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจ ส่งผลให้เกิดวิกฤตด้านสุขภาพ เศรษฐกิจและสังคม ซึ่งหากไม่มีการจัดการที่ดีจะทำให้โลกต้องย้อนกลับไปหลายทศวรรษของความก้าวหน้าที่เราประสบความสำเร็จร่วมกันในสหประชาชาติ
อิตาลีห้ามประชาชนเดินทางข้ามแคว้นตั้งแต่คริสต์มาสถึงปีใหม่
นายกรัฐมนตรีจูเซปเป คอนเต ของอิตาลี แถลงต่อประชาชนทั่วประเทศผ่านสถานีโทรทัศน์ของรัฐ ห้ามประชาชนเดินทางข้ามเขตแคว้นต่างๆตั้งแต่สัปดาห์เริ่มต้นเทศกาลคริสต์มาส 21 ธันวาคมนี้จนถึงวันที่ 6 มกราคมปีหน้า ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการที่เข้มข้นเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระบุว่า รัฐบาลขอรณรงค์ให้ทุกคนร่วมมือกันทำตามมาตรการควบคุมโรคของภาครัฐอย่างเข้มข้น อย่าปล่อยให้การ์ดตก เพิ่มเติมว่า รัฐบาลจะยกระดับการควบคุมโรคให้เข้มข้นมากขึ้นเพื่อลดความเสี่ยงที่โรคโควิด-19 อาจจะกลับมาระบาดระลอกที่ 3 ในเดือนมกราคมปีหน้า
นอกจากนี้ รัฐบาลประกาศมาตรการเคอร์ฟิว ห้ามประชาชนออกจากเคหะสถานระหว่างเวลา 22.00 น.-05.00 น.ในช่วงเวลาดังกล่าวด้วย สำหรับร้านอาหารในบางพื้นที่สามารถจะเปิดให้บริการจนถึงเวลา 18.00 น. แต่ในหลายท้องที่รัฐบาลท้องถิ่นเข้มงวดในเรื่องนี้มากขึ้นอนุญาตให้ร้านอาหารเปิดให้บริการเฉพาะแบบซื้ออาหารไปรับประทานที่บ้านเท่านั้น ขณะเดียวกัน สถานที่เล่นสกีสำหรับนักท่องเที่ยวในอิตาลีจะปิดให้บริการไปจนถึงวันที่ 7 มกราคมปีหน้า
มาตรการดังกล่าวมีขึ้นหลังอิตาลีมีผู้เสียชีวิต 993 รายในรอบ 24 ชม.มากที่สุดนับแต่โรคโควิด-19 เริ่มระบาดในอิตาลีครั้งแรกเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ในปัจจุบันอิตาลีมีผู้ป่วยสะสม 1,664,829 คน เสียชีวิต 58,038 ราย
“ฮู”พิจารณาออกใบรับรอง คนฉีดวัคซีนโควิด-19
นายสิทธารถะ ทัตตะ ผู้เชี่ยวชาญขององค์การอนามัยโลก(WHO)ประจำยุโรป เปิดเผยว่า WHO อยู่ระหว่างพิจารณาแนวทางการออกใบรับรองการฉีดวัคซีนด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-certificates) ที่ผ่านมาหลายฝ่ายเริ่มมีความหวังว่าการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จะสิ้นสุดลงในอนาคตอันใกล้ หลังสหราชอาณาจักรเป็นประเทศแรกที่อนุมัติวัคซีนของกลุ่มบริษัทไฟเซอร์-ไบโอเอ็นเท็ค ผู้ผลิตวัคซีนสัญชาติอเมริกัน-เยอรมันเมื่อวาน สำหรับป้องกันโรคโควิด-19 ระบุว่า WHO อยู่ระหว่างศึกษาเรื่องการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในเรื่องนี้ และจะหารือกับประเทศสมาชิก WHO อย่างใกล้ชิด
นายทัตตะ กล่าวว่า การออกใบรับรองการฉีดวัคซีนด้วยระบบอิเล็คทรอนิกส์ จะทำให้มีความสะดวกสำหรับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในการตรวจสอบข้อมูลและติดตามกลุ่มคนไข้ที่ฉีดวัคซีนแล้ว ระบุว่า WHO ยังไม่ได้สรุปรายละเอียดในเรื่องนี้ จะหารือกับประเทศสมาชิก WHO ต่อไป เนื่องจากการจัดทำกฎระเบียบต่างๆจะต้องจัดทำให้สอดคล้องกับกฎหมายภายในของแต่ละประเทศ
ด้านนางแคทเธอรีน สมอลวูด เจ้าหน้าที่ระดับสูงประจำโครงการฉุกเฉินด้านสาธารณสุขของ WHO เพิ่มเติมว่า WHO ไม่แนะนำให้มีการออกใบรับรอง เช่น พาสปอร์ตภูมิคุ้มกัน (Immunity passports) ระบุว่า การถือพาสปอร์ตภูมิคุ้มกันไม่สามารถยืนยันถึงขั้นที่ว่าพวกเขาไม่มีความเสี่ยงต่อการติดโรคโควิด-19 แต่อย่างใด
หุ้นไทยเพิ่ม 11 จุด รับนักลงทุนต่างชาติ
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยปิดวันนี้ที่ระดับ 1,449.83 จุด เพิ่มขึ้น 11.51 จุด มูลค่าการซื้อขาย 82,776.88 ล้านบาท ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวขึ้นได้ในทิศทางเดียวกับตลาดต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียต่างบวกกันเป็นส่วนใหญ่ และยังได้รับแรงหนุนจาก Fund Flow ที่ยังไหลเข้าอยู่ ส่งผลทำให้หุ้นขนาดใหญ่ปรับตัวขึ้น ทั้งหุ้นในกลุ่มพลังงาน, กลุ่มปิโตรเคมี และกลุ่มแบงก์ ที่ขึ้นนำตลาดในวันนี้ โดยเฉพาะกลุ่มพลังงานได้รับปัจจัยหนุนจากผลประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและชาติพันธมิตร (โอเปกพลัส) ที่มีมติปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน 7.2 ล้านบาร์เรล/วัน จากปัจจุบันที่ระดับ 7.7 ล้านบาร์เรล/วัน โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เดือนม.ค.ปีหน้า และยังมีปัจจัยการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในประเทศถ่วงด้วย รวมถึงตลาดบ้านเราก็จะปิดทำการหลายวัน
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดวันนี้ลดลง เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับข่าวที่ว่าบริษัทไฟเซอร์ อิงค์มีปัญหาเรื่องซัพพลายเชน ซึ่งจะทำให้ไม่สามารถส่งมอบวัคซีนต้านโรคโควิด-19 ในปีนี้ได้ตามปริมาณที่สัญญาไว้ ดัชนีนิกเกอิปิดที่ระดับ 26,751.24 จุด ลดลง 58.13 จุด
ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดวันนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากนักลงทุนได้เข้าช้อนซื้อหุ้นหลังจากตลาดเคลื่อนไหวในแดนลบเมื่อช่วงเช้า เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลหลังจากบริษัทไฟเซอร์ อิงค์ ประกาศลดเป้าหมายการจัดส่งวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ในปีนี้ ดัชนีฮั่งเส็งปิดวันนี้ที่ 26,835.92 จุด เพิ่มขึ้น 107.42 จุด
นายกฯเตรียมลงพื้นที่ภาคใต้ วันจันทร์ 7 ธ.ค.นี้ รฟท.งดขบวนเดินรถพรุ่งนี้อีก 6 ขบวน
สถานการณ์น้ำท่วมหนักในพื้นที่ภาคใต้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธีมอบเงินช่วยเหลือแก่เจ้าหน้าที่ที่ได้รับผลกระทบจากการปฏิบัติหน้าที่ด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พร้อมกล่าวตอนหนึ่ง ปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้ว่า วันนี้นอกจากสถานการณ์โควิด-19 แล้วเรายังประสบสถานการณ์ที่ถือว่าหนักหนาสาหัสคือน้ำท่วมภาคใต้ จึงได้สั่งการและย้ำเตือนเสมอว่าเจ้าหน้าที่และหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรง และตัวของตนเองจะต้องลงพื้นที่ไปตรวจเยี่ยมในเร็วๆนี้ แต่เนื่องจากสถานการณ์ยังไม่คลี่คลาย จึงไม่อยากไปเป็นภาระให้กับเจ้าหน้าที่ที่กำลังช่วยเหลือประชาชนจึงได้มอบแนวทางการทำงานลงไป อย่างไรก็ตาม ในวันจันทร์นี้ ( 7 ธ.ค.) จะลงไปดูด้วยตัวเอง ถือเป็นอีกสถานการณ์หนึ่งที่คนไทยทุกคนกำลังเผชิญอยู่โดยเฉพาะเรื่องของภัยพิบัติน้ำท่วมและปัญหาแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เราจะต้องอยู่กับมันให้ได้ ภาครัฐเองพยายามหาวิธีการช่วยเหลือประชาชนให้กับทุกกลุ่ม ทุกฝ่ายที่ได้รับผลกระทบ
ด้านฝ่ายประชาสัมพันธ์ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) แจ้งว่าในวัน 5 ธ.ค.63 ได้ทำการปรับเปลี่ยนการเดินรถและงดเดินขบวนรถเพิ่มเติม เพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์และความปลอดภัยในการเดินทางของผู้โดยสารดังนี้ ขบวนรถที่งดให้บริการ จำนวน 6 ขบวน ประกอบด้วย
1.ขบวนรถเร็วที่ 171/172 กรุงเทพ-สุไหงโกลก-กรุงเทพ
2.ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 31/32 กรุงเทพ-ชุมทางหาดใหญ่-กรุงเทพ และ
3.ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 37/38 กรุงเทพ-สุไหงโกลก-กรุงเทพ
ส่วนขบวนรถที่ปรับเปลี่ยน ต้นทาง-ปลายทาง ที่สถานีชุมทางทุ่งสง และทำการขนถ่ายผู้โดยสารทางรถยนต์ 6 ขบวน ประกอบด้วย
1.ขบวนรถด่วนที่ 83/84 กรุงเทพ-ตรัง-กรุงเทพ
2.ขบวนรถเร็วที่ 167/168 กรุงเทพ-กันตัง-กรุงเทพ และ
3.ขบวนรถด่วนที่ 85/86 กรุงเทพ-นครศรีธรรมราช-กรุงเทพ
สำหรับ ประชาชนที่ซื้อตั๋วโดยสารเดินทางกับขบวนรถข้างต้น หากไม่ประสงค์จะเดินทางสามารถติดต่อขอคืนเงินได้ที่ช่องจำหน่ายตั๋วสถานีรถไฟทุกแห่งทั่วประเทศ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ โทร.1690 ตลอด 24 ชม.
นอกจากนั้น กรมอุตุนิยมวิทยายังคงพยากรณ์อากาศว่า ภาคใต้ยังคงมีฝนตกอย่างต่อเนื่อง จึงขอให้ผู้โดยสารที่มีความประสงค์จะเดินทางในเส้นทางรถไฟสายใต้ ตรวจสอบและติดต่อสอบถามรายละเอียดก่อนเดินทาง
ไทย หนุนคณะกรรมาธิการยาเสพติด ยูเอ็น ถอดกัญชา-ยางกัญชา ออกจากยาเสพติดอันตรายร้ายแรง –ใช้ประโยชน์การแพทย์
คณะกรรมาธิการยาเสพติด หรือซีเอ็นดี ของสหประชาชาติ มีมติ 27 ต่อ 25 เสียง และงดออก เสียง 1 เสียง อนุมัติข้อเสนอขององค์การอนามัยโลก ให้ถอดกัญชาและยางกัญชาออกจากตารางที่ 4 ของอนุสัญญาเดี่ยวว่าด้วยยาเสพติดให้โทษ ค.ศ. 1961 ที่จัดกัญชาให้เป็นยาเสพติดอันตรายร้ายแรง ประเภทเดียวกับเฮโรอีน พร้อมรับรองให้กัญชาเป็นพืชที่มีประโยชน์ด้านการแพทย์ แต่ยังคงมีข้อจำกัดในการใช้งาน คือเป็นสารที่มีการเสพติดสูง เป็นอันตราย และมีข้อจำกัด ทางการแพทย์และการบำบัด หมายความว่า ชาติสมาชิกอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยยาเสพติดให้ โทษ ยังคงไม่สามารถทำให้กัญชาเป็นสิ่งที่ถูกกฎหมายได้ และกัญชายังคงต้องถูกควบคุมต่อไป ภายใต้ระบบควบคุมยาเสพติดระหว่างประเทศ
สำหรับชาติที่โหวตเห็นชอบให้ถอดกัญชาและยางกัญชาออกจากบัญชียาเสพติดอันตราย ร้ายแรง เช่น สหรัฐ อังกฤษ เยอรมนี และไทย ขณะที่ชาติที่ไม่เห็นชอบ อาทิ บราซิล จีน รัสเซีย และญี่ปุ่น ด้านองค์กรด้านนโยบายสนับสนุนยาเสพติด ยินดีต่อข่าวนี้สำหรับประชาชนหลายล้านคนที่ใช้ กัญชาเพื่อการบำบัด และจะส่งผลดีต่อการผ่อนคลายการควบคุมการใช้กัญชาเพื่อการแพทย์ทั่วโลก
พระราชทานอภัยโทษ-ลดโทษ กรมราชทัณฑ์เตรียมปล่อยตัว
หลังเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่พระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ พ.ศ.2563 ปรากฏว่าในครั้งนี้จะมีผู้ต้องขังได้รับการปล่อยตัวออกจากเรือนจำทั่วประเทศ 30,000 ราย ตามมาตรา 6 และยังมีนักโทษเด็ดขาดที่เข้าหลักเกณฑ์ได้ลดวันต้องโทษ ตามพระราชกฤษฎีกา ฉบับดังกล่าวอีกกว่า 200,000 ราย
สำหรับกลุ่มผู้ต้องขังซึ่งเป็นนักการเมืองส่วนใหญ่ไม่อยู่ในเกณฑ์ได้รับการพระราชทานอภัยโทษปล่อยตัวออกจากเรือนจำ เนื่องจากกระทำความผิดตามบัญชีแนบท้าย แต่จะได้รับการลดวันต้องโทษตามสัดส่วน เพื่อเข้าสู่กระบวนการพักการลงโทษปล่อยตัวก่อนครบกำหนดโทษ ได้แก่ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ซึ่งถูกศาลฎีกาพิพากษาจำคุก 2 ปี 8 เดือน ในคดีชุมนุมปิดล้อมบ้านพักสี่เสาเทเวศร์ของพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อดีตประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เมื่อปี 2550 คาดจะได้รับการพักโทษหลังปีใหม่ 2564 แต่หลังได้รับการปล่อยตัวแล้ว นายณัฐวุฒิยังคงมีคดีอื่นที่อยู่ระหว่างการสอบสวนของตำรวจกองปราบ ซึ่งอาจถูกอายัดตัวและขออำนาจศาลฝากขังได้
นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ ถูกศาลฎีกาฯ พิพากษาจำคุก 48 ปี ในคดีจีทูจี ได้รับการลดโทษตามสัดส่วน นอกจากนี้ยังมีชื่อของนายสำเริง ประจำเรือ และนายสิงห์ทอง บัวชุม ผู้ต้องหาคดีล้มประชุมอาเซียนที่จะได้รับการพระราชทานอภัยโทษด้วย
นอกจากนี้ยังมีนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ถูกศาลพิพากษาจำคุก 6 ปี 24 เดือน เมื่อวันที่ 21 ม.ค.ที่ผ่านมา จะได้รับการลดโทษตามสัดส่วน โดยก่อนหน้านี้เมื่อเดือนส.ค. นายสรยุทธได้รับการลดโทษมาแล้ว คาดว่าเดือนมี.ค.64 จะครบกำหนดเวลาที่ถูกจำคุกและได้รับการปล่อยตัว
ผู้ที่ได้รับการปล่อยตัวจะต้องเข้าอบรมในโครงการโคกหนองนาโมเดล เป็นเวลา 15 วัน โดยคาดว่าจะเริ่มอบรมรุ่นแรกวันที่ 12 ธ.ค. ปัจจุบันกรมราชทัณฑ์มีผู้ต้องขังเด็ดขาดที่ควบคุมอยู่ประมาณรวม 247,557 ราย จากผู้ต้องขังทั้งหมด 344,161 ราย จากข้อมูลกรมราชทัณฑ์วันที่ 1 ธ.ค. 63