หลังข่าวพบผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ที่จังหวัดเชียงใหม่และเชียงราย จนทำให้ประชาชนเริ่มกังวลว่าจะเดินทางไปท่องเที่ยวในช่วงปลายปีหรือไม่ และหากไปเที่ยวกลับมาแล้ว จำเป็นต้องกักตัวหรือไม่
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ยืนยันว่า ประชาชนสามารถเดินทางไปเที่ยว จ.เชียงใหม่ จ.เชียงราย หากไม่ได้ไปในพื้นที่เสี่ยงและสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยก็ไม่ต้องกักตัว ส่วนสถานประกอบการ โรงเรียน ห้างร้านต่างๆ ถ้าไม่พบผู้ป่วยหรือผู้ติดเชื้อ ก็ไม่จำเป็นต้องปิด แต่ขอให้ทุกคนปฎิบัติตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข นอกจากนี้ ขอให้โรงแรม สนามบิน โรงพยาบาล เคร่งครัดตามมาตรฐานการควบคุมโรคด้วย
ในขณะเดียวกัน ทางการไทยได้ประสานกับเจ้าหน้าที่ใน จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา เพื่อขอรายชื่อคนไทยและเบอร์โทรศัพท์ เพื่อติดต่อให้เดินทางเข้ามาตามช่องทางที่ถูกต้อง เพื่อจะได้เข้ากระบวนการสาธารณสุข ขณะเดียวกัน จ.เชียงราย ก็เตรียมสถานที่กักกันโรคหลายร้อยห้อง และได้รับพระราชทานรถตรวจเก็บตัวอย่างชีวนิรภัย ติดตั้งที่ จ.เชียงใหม่ และจ. เชียงราย ซึ่งสามารถคัดกรองกลุ่มเสี่ยงสงสัยได้หลายร้อยคน
ส่วนกรณีการพบหญิงสาวชาวไทยที่ลักลอบข้ามแดนมาจากท่าขี้เหล็ก 10 คน ติดเชื้อโควิด-19 หนึ่งในนั้นมีหญิงวัย 36 ปี ติดเชื้อ และอยู่ที่ราชบุรี นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวตอนหนึ่งในการแถลงข่าวสถานการณ์โควิด-19 ว่า จากการตรวจสอบพบว่ามีการเดินทางด้วยสายการบิน Thai Lion Air เที่ยวบิน SL 533 วันที่ 29 พ.ย. 2563 เวลา 10.40 น.จากเชียงรายมาที่ท่าอากาศยานดอนเมืองกรุงเทพฯ จึงขอให้ผู้ที่เดินทางร่วมเที่ยวบินดังกล่าวรายงานตัวกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในจังหวัดที่มีภูมิลำเนาอยู่