นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 10 คน ที่มาจากการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฏหมาย ขณะนี้ทุกคนได้รับการรักษาในโรงพยาบาลแต่ละจังหวัด ส่วนการติดตามตัวผู้สัมผัสเสี่ยง จะแบ่งเป็นระดับ คือ คนที่มีความเสี่ยงสูง ใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อมาก ขณะนี้ควบคุมได้มากแล้ว และจากที่ตรวจหาเชื้อก็ยังไม่พบผลบวก แต่ยังต้องเฝ้าระวังอย่างเข้มงวด
นายอนุทิน ยังระบุว่า กลุ่มคนเหล่านี้เดินทางเข้าประเทศไทยเพราะรู้ว่าตัวเองป่วยจากการติดเชื้อในฝั่งประเทศเมียนมา แทนที่กลับเข้ามาแล้วจะมาพบแพทย์และกักตัว "มีหน้าไปเที่ยว ไร้ความรับผิดชอบ" คนเหล่านี้สร้างความสูญเสียให้กับบ้านเมืองอย่างมหาศาล เมื่อเกิดปัญหาแล้วหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ต้องตามล้างตามเช็ด พอจะดำเนินคดีก็จะมีการอ้างว่า เดี๋ยวจะมีคนหลบหนีเข้ามาแล้วไม่มารายงานตัวอีก จึงไม่รู้ว่าจุดลงตัวควรจะอยู่ตรงไหน แต่ในส่วนของกระทรวงสาธารณสุข จะพยายามที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทั้งในเรื่องการสอบสวนโรค การนำตัวผู้ป่วยมารักษา การทำความเข้าใจกับประชาชนในชุมชน รวมทั้งต้องขอความร่วมมือไปยังหน่วยงานด้านความมั่นคงและฝ่ายปกครอง ว่าต้องช่วยกันปิดโอกาสในการลักลอบเข้าประเทศให้มากที่สุด ส่วนประชาชนก็ต้องช่วยกันสอดส่อง หากมีคนที่อยู่ดีๆก็โผล่หน้ามา ก็ต้องช่วยกันสอบถามว่ามาจากไหน มาจากท่าขี้เหล็กหรือลักลอบเข้ามาหรือไม่ ไม่เช่นนั้นจะเข้าข่าย "ปลาเน่าตัวเดียวทำให้เหม็นหมดทั้งข้อง"
นายอนุทิน ยังขอให้ผู้ที่เดินทางเข้ามาจากท่าขี้เหล็ก ให้แสดงสปิริตมาพบแพทย์ที่โรงพยาบาลทุกคน เพื่อจะได้สอบสวนโรคว่าไปไหนมาบ้าง ไปพบใครมาบ้าง จะได้นำผู้ที่มีความเสี่ยงมาตรวจสอบขยายผล ซึ่งแน่นอนว่าเป็นการสิ้นเปลืองทรัพยากรของชาติเยอะมาก แต่ในเมื่อเกิดเหตุขึ้นแล้ว ก็ไม่มีอะไรดีไปกว่าการรีบมาแสดงตัวและแจ้งข้อมูลที่เป็นจริง อย่าเพิ่งกังวลในเรื่องของการดำเนินคดี เพราะยิ่งเข้ามาแสดงตน ก็ถือว่ายิ่งเข้ามาแสดงประโยชน์ เจ้าหน้าที่ก็จะช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ไม่นำไปดำเนินคดีไปเข้าคุก เปลืองคุกเปล่าๆ
ส่วนจะต้องเพิ่มกำลังหน่วยแพทย์และพยาบาล บริเวณชายแดนให้มากขึ้นหรือไม่ นายอนุทิน ระบุว่า ขณะนี้เตรียมความพร้อมหมดแล้ว กรมควบคุมโรค ได้ตั้งศูนย์ปฏิบัติการที่จังหวัดเชียงรายและเชียงใหม่ รวมทั้งโรงพยาบาลในพื้นที่ใกล้เคียงก็เตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่ ซึ่งความจริงเตรียมพร้อมมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้ ไม่ได้เตรียมเพื่อรักษาคนเห็นแก่ตัวที่รู้ว่าตัวเองติดเชื้อก็ยังจะเดินทาง แต่เป็นการเตรียมเพื่อรักษาคนที่โชคไม่ดี ติดเชื้อด้วยภาวะการณ์ปกติ
นายอนุทิน ให้ความมั่นใจว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้น ยังอยู่ในจุดที่ควบคุมได้ และไม่ต้องใช้มาตรการปิดจังหวัด แต่ขอให้ประชาชน ยกการ์ด ใส่หน้ากาก หมั่นล้างมือ สำหรับผู้ประกอบการที่หวังรายได้จากการท่องเที่ยว อย่าเพิ่งเสียกำลังใจ เหตุที่เกิดขึ้นต่างจาก เคสสนามมวย ส่วนตัว ตื่นตัว แต่ไม่ตื่นกลัว ถ้าสวมหน้ากาก หมั่นล่างมือ เท่ากับปลอดภัยจากโรค และพร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ เร็วๆนี้ อาจจะเดินทางไปพักผ่อนที่เชียงใหม่ หรือเชียงราย