นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า
เห็นชอบปรับปรุงโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ประกอบด้วย
-ขยายขอบเขตการใช้สิทธิ จำนวนการจองห้องพัก จากเดิมประชาชนจองที่พักได้ไม่เกิน 10 คืน (Room night) ต่อ 1 สิทธิ เพิ่มเป็น 15 คืนต่อ 1 สิทธิ
-ขยายช่วงเวลาการจองที่พัก จากเวลา 06.00-21.00 น. เป็นเวลา 06.00-24.00 น.
-เพิ่มจำนวนห้องพักในโครงการอีก 1,000,000 คืน จากเดิม 5,000,000 คืน เป็น 6,000,000 คืน โดยปัจจุบันเหลืออยู่ 900,000 คืน
-ขยายเวลาการใช้สิทธิโครงการถึงวันที่ 30 เม.ย.2564 จากเดิมสิ้นสุด 31 ม.ค. 2564
-เพิ่มโรงแรมที่ไม่มีใบอนุญาต แต่มีหมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษี, มีการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) เข้าร่วมโครงการได้
-ขยายการใช้อี-วอลเชอร์ที่รัฐให้วันละ 600-900 บาท สำหรับธุรกิจการขนส่งภาคท่องเที่ยว รถเช่า เรือเช่า ธุรกิจสปาหรือนวดเพื่อสุขภาพ
-ปรับปรุงเกณฑ์สนับสนุนค่าบัตรโดยสารเครื่องบิน จากเดิมรัฐสนับสนุนร้อยละ 40 สูงสุดไม่เกิน 2,000 บาทต่อ 1 สิทธิ เป็นสูงสุดไม่เกิน 3,000 บาทต่อ 1 สิทธิ เฉพาะการเดินทางไปท่องเที่ยวในจังหวัดที่ภาคท่องเที่ยวพึ่งพารายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติสูง คือ ภูเก็ต พังงา กระบี่ สุราษฎร์ธานี สงขลา เชียงใหม่ เชียงราย
-กำหนดหลักเกณฑ์การลา สำหรับข้าราชการ พนักงาน ลูกจ้าง พนักงานรัฐวิสาหกิจ สามารถลาพักร้อนในวันธรรมดาเพิ่มได้ 2 วัน โดยไม่ถือเป็นวันลา เมื่อใช้สิทธิในโครงการเราเที่ยวด้วยกัน
ที่ประชุมยังเห็นชอบโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวกลุ่มผู้สูงอายุ (เที่ยวไทยวัยเก๋า) สำหรับผู้มีอายุ 55 ปีขึ้นไป แต่ต้องเดินทางท่องเที่ยวผ่านบริษัทนำเที่ยว ไม่น้อยกว่า 3 วัน 2 คืน และเดินทางได้เฉพาะวันธรรมดา (เข้าพักในวันอาทิตย์ถึงวันพฤหัสบดี) มีค่าใช้จ่ายต่อโปรแกรมไม่น้อยกว่า 12,500 บาทต่อคนต่อโปรแกรม ซึ่งรัฐบาลจะสนับสนุนค่าใช้จ่ายผ่านบริษัทนำเที่ยว ในลักษณะร่วมจ่ายคนละ 5,000 บาท บริษัทนำเที่ยวที่จะเข้าร่วมโครงการ ต้องจดทะเบียนดำเนินธุรกิจก่อนวันที่ 1 ม.ค.2563 และสามารถรับนักท่องเที่ยวผ่านโครงการได้ไม่เกิน 3,000 คนต่อบริษัท มีเวลาดำเนินการ 3 เดือน นับตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรี(ครม.) อนุมัติ คาดว่ามีผู้เข้าร่วม 1,000,000 คน ใช้วงเงิน 5,000 ล้านบาท โดยไม่ของบประมาณเพิ่มเติม
ส่วนโครงการกำลังใจ เปิดให้บริษัทนำเที่ยวที่ยังไม่ได้ลงทะเบียน สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการได้
แฟ้มภาพ