ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 08.30 น.วันพฤหัสบดีที่ 3 ธันวาคม 2563

เตือนอย่าตระหนก! สัตหีบ ไม่มีโควิด-19

          หลังจากที่มีการดำเนินคดีและจับกุมหญิงชาวเมียนมาที่จ่ายเงินให้นายหน้า จำนวน 13,500 บาท เพื่อพาเดินลัดเลาะมาลงเรือ และใช้ช่องทางธรรมชาติจากนั้นมีรถตู้เดินทางมารับเพื่อหลบหนีการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ไทยเข้ามาพักกับสามีที่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี รายงานข่าวยืนยันว่า ในพื้นที่ไม่มีการติดเชื้อโควิด-19 เนื่องจาก ควบคุมตัวหญิงเมียนมาไปตรวจไม่พบการติดเชื้อ และเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินคดีในข้อหาหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย และได้ผลักดันออกนอกประเทศเป็นที่เรียบร้อยแล้ว



ผลตรวจผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 5 คน ที่ จ.ราชบุรี ปลอดโควิด-19

          ข้อมูลจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดราชบุรี ระบุว่า จากการตรวจสอบกลุ่มที่มีความใกล้ชิดเสี่ยงสูง 5 คน จากกรณีพบผู้ป่วยหญิงอายุ 36 ปี ไม่มีใครติดเชื้อโควิด-19 แต่ยังคงอยู่ในช่วงของการกักตัวต่อจนครบ14วัน

          นายรณภพ เหลืองไพโรจน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี เป็นประธานประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดราชบุรี นายวิสาห์ พูลศิริรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี พร้อมทั้ง พญ.ปาจรีย์ อารีย์รบ นายแพทย์ สสจ.ราชบุรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เปิดเผยว่า อาการของผู้ป่วยหญิงคนดังกล่าว รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลราชบุรี ช่วงที่อยู่ที่ประเทศเมียนมา เริ่มไอ มีน้ำมูก เจ็บคอ ปวดกล้ามเนื้อ ซื้อยากินเอง จากนั้นลักลอบกลับเข้าไทยเมื่อวันที่ 29 พ.ย.2563 ในวันเดียวกันได้นั่งเครื่องบินจากสนามบิน จ.เชียงราย ถึงสนามบินดอนเมือง แล้วนั่งรถตู้โดยสารมาลงที่หน้าห้างสรรพสินค้าตัวเมืองราชบุรี เพื่อหาแฟนหนุ่ม จากนั้นนั่งรถจักรยานยนต์รับจ้างมาตรวจรักษาตัวที่โรงพยาบาลเอกชนในตัวเมืองราชบุรี แล้วถูกส่งต่อมายังโรงพยาบาลราชบุรี และทำการตรวจหาเชื้อวันที่ 2 ธ.ค.2563 ผลออกมาพบว่าติดเชื้อโควิด-19

          เจ้าหน้าที่ดำเนินการสอบสวนและควบคุมโรคในทันที พบว่ามีผู้ที่มีความเสี่ยงสูง 41 คน ในจำนวนนี้ 5 คนดังกล่าว ผลการตรวจที่ออกมาไม่มีใครติดเชื้อ ส่วนผู้สัมผัสที่เหลือจะทำการกักตัวที่สถานกักตัวของจังหวัดราชบุรี จากนั้นจึงจะตรวจหาเชื้อในวันที่ 7 ธ.ค.2563

CR:ข้อมูลจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดราชบุรี 

นักเที่ยวใน จ.พิจิตร กว่า 200 คน ขอตรวจหาเชื้อ-ปิดสถานบันเทิง 2 แห่ง ที่ผู้ป่วยไปเที่ยว

          การตรวจสอบบุคคลและสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับผู้ป่วยโควิด-19 หญิง ที่ จ.พิจิตร มีประวัติเดินทางมาจากท่าขี้เหล็ก เมียนมา ก่อนลักลอบกลับเข้ามาทางช่องทางธรรมชาติชายแดนแม่สาย จ.เชียงราย นายรังสรรค์ ตันเจริญ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร  นพ.กมล กัญญาประสิทธิ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพิจิตร นพ.สุรชัย แก้วหิรัญ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพิจิตร เปิดเผยว่า ผู้ป่วยขึ้นเครื่องบินจาก จ.เชียงราย เข้ากรุงเทพฯ กับเพื่อน ก่อนแยกทางมาขึ้นเครื่องบินจากกรุงเทพฯ ลงที่สนามบินพิษณุโลก จากนั้นเดินทางเข้าหอพักย่านถนนบึงสีไฟ เมื่อวันที่ 28 พ.ย. 2563 และชวนเพื่อนๆ อีก 3 คน ไปเที่ยวสถานบันเทิงในยามค่ำคืน ที่ผับเบิร์ดบาร์ และผับคร็อกโคได ร็อค พิจิตร รวม 3 คืน คือคืนวันที่ 28 -30 พ.ย.2563 ต่อมาหญิงสาวคนดังกล่าวเริ่มมีอาการ จึงขอเข้ารับการตรวจแล้วก็พบว่าติดเชื้อโควิด-19 และมีการนำตัวเข้ารักษา พร้อมกักตัวผู้สัมผัสเสี่ยงสูงที่เป็นเพื่อนที่ไปเที่ยวสถานบันเทิงด้วยกัน 3 คน ช่างทำเล็บอีก 1 คน

          จังหวัดสั่งปิดสถานบันเทิงทั้ง 2 แห่ง เป็นเวลา 3 วัน ส่วนกิจกรรมต่างๆในพิจิตร รวมถึงห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร หรือสถานที่ให้บริการอื่นๆ ยังคงให้ดำเนินธุรกิจได้ตามปกติแบบ New Normal รวมถึงได้สั่งการให้ทุกภาคส่วนและขอความร่วมมือประชาชนสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งที่ออกจากบ้านหรือไปในสถานที่ชุมชนต่างๆ

          หลังจากมีการยืนยันว่าหญิงสาวชาวพิจิตร ติดเชื้อโควิด-19 มีประวัติเดินทางไปเที่ยวสถานบันเทิงทั้ง 2 แห่งหลายคืนติดต่อกัน ทำให้กลุ่มวัยรุ่นนักท่องราตรีต่างพากันไปขอรับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ที่โรงพยาบาลพิจิตร รวมแล้วกว่า 200 คน ทีมแพทย์ พยาบาล ตรวจได้เพียง 30 คนเท่านั้น ส่วนที่เหลือได้ออกบัตรคิวให้กลับมาตรวจในวันนี้

โรงแรม 1G1 แหล่งแพร่โควิด-19 ในท่าขี้เหล็ก มีคนไทยอยู่ 180 คน

          นพ.ทศเทพ บุญทอง นพ.สาธารณสุข จ.เชียงราย เปิดเผยว่า คณะกรรมการโรคติดต่อ จ.เชียงราย โดยนายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย เป็นประธาน ประกาศให้ผู้ที่มีสัญชาติไทยและตกค้างอยู่ในท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา สามารถกลับเข้ามาตามช่องทางปกติ ตรงด่านพรมแดนไทย-เมียนมา สะพานข้ามลำน้ำสายแห่งที่ 2 ได้ ทำให้ไทยประสานผ่านคณะกรรมการชายแดนไทย-เมียนมา หรือทีบีซี ให้ช่วยประสานงาน ซึ่งเรื่องนี้จะยังไม่พูดถึงเรื่องคดีความใดๆ แต่เจ้าหน้าที่จะอำนวยความสะดวกในการเข้าเมือง ตรวจหาเชื้อ ดูแลสุขภาพให้อย่างดีด้วย

          เมื่อวันที่ 2 ธ.ค.2563  มีคนไทยแสดงตนขอกลับเข้ามาประเทศไทยแล้วจำนวน 31 คน อย่างไรก็ตามจากการประสานงานก็ได้รับทราบจากผู้จัดการโรงแรม1G1 ในท่าขี้เหล็กว่ามีคนไทยทำงานอยู่ในโรงแรมจำนวน 180 คน และต้องการจะเดินทางกลับมาอีก 17 คน

          เจ้าหน้าที่สาธารณสุขและศูนย์ปฏิบัติการควบคุมโรค (ศปก.) เตรียมความพร้อม จากนั้นทุกคนได้รับการตรวจหาเชื้อและพาไปกักดูอาการที่ศูนย์กักดูอาการ หรือ Local Quarantine ใน อ.เมืองเชียงรายต่อไป

          พล.ต.นฤทธิ์ ถาวรวงษ์ ผู้บัญชาการกองกำลังผาเมือง เดินทางไปประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ด่านพรมแดนสะพานข้ามลำน้ำสายแห่งที่ 2 และตรวจดูพื้นที่ จากนั้นสั่งการให้เพิ่มกำลังพลเข้าไปสกัดกั้นการลักลอบเข้ามาตามแนวชายแดนอีกจำนวน 80 นาย เพื่อปิดรอยต่อที่มีการลักลอบเข้ามาของกลุ่มคนไทย โดยเฉพาะที่ทำงานที่โรงแรมดังกล่าว หลายคนที่หลบหลบหนีเข้าประเทศไทยแล้วพบว่าติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ล้วนมาจากสถานที่เดียวกันดังกล่าว ขณะที่มีรายงานว่าในฝั่งท่าขี้เหล็ก พบการติดเชื้อเพิ่มเติมอีก 15 คน รวมผู้ติดเชื้อวันก่อนทำให้มีจำนวนผู้ติดเชื้อแล้วจำนวน 64 คน