ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 07.30 น.วันพฤหัสบดีที่ 3 ธันวาคม 2563

03 ธันวาคม 2563, 07:39น.


แจ้งเตือนอพยพ 23 หมู่บ้าน 2 จังหวัด สุราษฎร์ธานี-นครศรีธรรมราช



          กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) สรุปสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำไหลหลาก และวาตภัย ในพื้นที่ภาคใต้ 9 จังหวัด 58 อำเภอ 240 ตำบล 1,480 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 67,070 ครัวเรือน ใน 7 จังหวัด ได้แก่ นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา นราธิวาส สุราษฎร์ธานี ตรัง และปัตตานี



          ห้องปฎิบัติการเฝ้าระวังและเตือนภัยน้ำหลาก-ดินถล่ม สำนักวิจัยพัฒนาและอุทกวิทยา (สวพ.) กรมทรัพยากรน้ำ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เปิดเผยข้อมูลเตือนภัยในหลายพื้นที่ของภาคใต้ ที่มีฝนตกลงมาอย่างหนัก มีปริมาณสะสมจำนวนมาก ดังนี้



-วันที่ 2 ธ.ค. 2563 เวลา 21.25 น.

แจ้งอพยพ บ้านคลองปาว ต.ตะกุกใต้ อ.วิภาวดี จ.สุราษฎร์ธานี

เวลา 20.56 น.ปริมาณน้ำฝนที่สถานีบ้านคลองปาว ต.ตะกุกใต้ อ.วิภาวดี จ.สุราษฎร์ธานี ฝนหนักมาก

หมู่บ้านครอบคลุม

1. บ้านน้ำตกคลองพาย ต.น้ำหัก อ.วิภาวดี จ.สุราษฎร์ธานี

2. บ้านวังผักแว่น ต.ตะกุกใต้ อ.วิภาวดี จ.สุราษฎร์ธานี

และหมู่บ้านใกล้เคียง หรือบริเวณใกล้เคียง



-วันที่ 2 ธ.ค. 2563 เวลา 21.28 น.

แจ้งอพยพ บ้านนบ ต.กรุงชิง อ.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช

เวลา 19.15น. ปริมาณน้ำฝน สถานีบ้านนบ ต.กรุงชิง อ.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช ฝนหนักมาก

หมู่บ้านครอบคลุม

1. บ้านหวายช่อ ต.กรุงชิง อ.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช

2. บ้านสองแพรก ต.กรุงชิง อ.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช

3. บ้านห้วยพาน ต.กรุงชิง อ.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช

และหมู่บ้านใกล้เคียง หรือบริเวณใกล้เคียง



-วันที่ 2 ธ.ค. 2563 เวลา 21.30 น.

แจ้งอพยพ บ้านไทรงาม ต.ท่าขนอน อ.คีรีรัฐนิคม จ.สุราษฎร์ธานี

เวลา 18.14 น. ปริมาณน้ำฝน สถานีบ้านไทรงาม ต.ท่าขนอน อ.คีรีรัฐนิคม จ.สุราษฎร์ธานี ฝนหนักมาก

หมู่บ้านครอบคลุม

1. บ้านยวนสาว ต.ท่าขนอน อ.คีรีรัฐนิคม จ.สุราษฎร์ธานี

2. บ้านโตนยาง ต.ท่าขนอน อ.คีรีรัฐนิคม จ.สุราษฎร์ธานี

3. บ้านบางกาบ ต.น้ำหัก อ.คีรีรัฐนิคม จ.สุราษฎร์ธานี

4. บ้านหินลาด ต.น้ำหัก อ.คีรีรัฐนิคม จ.สุราษฎร์ธานี

และหมู่บ้านใกล้เคียง หรือบริเวณใกล้เคียง



-วันที่ 2 ธ.ค. 2563 เวลา 21.28 น. เวลา 21.35 น.

แจ้งอพยพ บ้านสระบัว ต.ลำพูน อ.บ้านนาสาร จ.สุราษฎร์ธานี

เวลา 16.20 น. ปริมาณน้ำฝน สถานีบ้านสระบัว ต.ลำพูน อ.บ้านนาสาร จ.สุราษฎร์ธานี ฝนหนักมาก

หมู่บ้านครอบคลุม

1. บ้านห้วยชัน ต.ทุ่งเตาใหม่ อ.บ้านนาสาร จ.สุราษฎร์ธานี

2. บ้านคลองหาเหนือ ต.ลำพูน อ.บ้านนาสาร จ.สุราษฎร์ธานี

3. บ้านปลายน้ำ ต.ลำพูน อ.บ้านนาสาร จ.สุราษฎร์ธานี

4. บ้านเขาน้อย ต.ลำพูน อ.บ้านนาสาร จ.สุราษฎร์ธานี

5. บ้านไร่เหนือ ต.ทุ่งเตา อ.บ้านนาสาร จ.สุราษฎร์ธานี

และหมู่บ้านใกล้เคียง หรือบริเวณใกล้เคียง



-วันที่ 2 ธ.ค. 2563 เวลา 21.28 น.



แจ้งอพยพ บ้านเหนือคลอง ต.บ้านส้อง อ.เวียงสระ จ.สุราษฎร์ธานี

เวลา 15.17 น. ปริมาณน้ำฝน สถานีบ้านเหนือคลอง ต.บ้านส้อง อ.เวียงสระ จ.สุราษฎร์ธานี ฝนหนักมาก

หมู่บ้านครอบคลุม

1. บ้านคลองหินแพง ต.บ้านส้อง อ.เวียงสระ จ.สุราษฎร์ธานี

2. บ้านส้องเหนือ ต.บ้านส้อง อ.เวียงสระ จ.สุราษฎร์ธานี

3. บ้านห้วยทรายขาว ต.บ้านส้อง อ.เวียงสระ จ.สุราษฎร์ธานี

4. บ้านสวนกล้วย ต.บ้านส้อง อ.เวียงสระ จ.สุราษฎร์ธานี

และหมู่บ้านใกล้เคียง หรือบริเวณใกล้เคียง



-วันที่ 2 ธ.ค. 2563 เวลา 22.10 น.

แจ้งอพยพ บ้านเขาแก้ว ต.ประสงค์ อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี ฝนหนักมาก

หมู่บ้านครอบคลุม

1. บ้านหลังเขา ต.สมอทอง อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี

2. บ้านหนองชุมแสง ต.ประสงค์ อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี

3. บ้านนานอก ต.ประสงค์ อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี

4. บ้านเกาะมุกด์ ต.ประสงค์ อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี

5. บ้านประสงค์ ต.ประสงค์ อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี 

รวมทั้งหมู่บ้านใกล้เคียงหรือบริเวณใกล้เคียง



          จากข้อมูล พบว่า มีฝนตกสะสม 12 ชั่วโมง 143.0 มิลลิเมตร ฝนตกสะสม 24 ชั่วโมง 155.0 มิลลิเมตร ฝนตกสะสม 48 ชั่วโมง 155.0 มิลลิเมตร



เร่งนำกระสอบทรายกั้น น้ำป่าทะลักเข้า รพ.มหาราช



          ระดับน้ำไหลบ่าเข้าท่วมเขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราช เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว นายไกรศร วิศิษฎ์วงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ส่งข้อความเสียงเตือนประชาชนในเขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราช ให้ยกของขึ้นที่สูงเพิ่มจากเดิมอีกประมาณ 20-30 เซนติเมตร พร้อมชาร์จแบตเตอรี่ ความอุปกรณ์ให้แสงสว่างให้พร้อม หากระดับน้ำเพิ่มสูงถึง 140 เซนติเมตร การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดนครศรีธรรมราช จำเป็นต้องงดจ่ายกระแสไฟฟ้าเพื่อความปลอดภัย



-สถานการณ์ที่โรงพยาบาลมหาราช จ.นครศรีธรรมราช ระดับน้ำป่าในคลองคูพาย ข้างโรงพยาบาลไหลทะลักเข้าท่วมภายในโรงพยาบาล ทำให้เจ้าหน้าที่เร่งนำกระสอบทรายมาปิดกั้นทางเข้าประตูหน้า เพื่อป้องกันน้ำไหลทะลักเข้าภายใน เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมป้องกันไม่ให้น้ำไหลเข้าโรงพยาบาลได้แล้ว แต่ต้องเฝ้าระวังตลอดเวลา เนื่องจากฝนยังตกหนักหลายพื้นที่



-ขณะที่น้ำป่าจากเทือกเขาหลวง อ.ลานสกา พัดถล่มเข้าตัวเมืองนครศรีธรรมราช ทำให้ทั้งเมืองกลายเป็นเมืองบาดาลในพริบตา โดยเฉพาะย่านถนนกะโรม ย่านการค้าพืชผลทางการเกษตรที่ใหญ่ที่สุดในภาคใต้ ทั้งตลาดหัวอิฐ ตลาดรวมพืชผล ตลาดแม่พะยอม ตลาดบัวตอง และสถานีขนส่ง จ.นครศรีธรรมราช ถูกน้ำท่วมสูงเกือบ 1 เมตรเป็นระยะทางยาว กว่า 1.5 เมตร



-กระแสน้ำป่าพัดกัดเซาะสะพานข้ามคลองกลาย บริเวณบ้านโรงเหล็ก หมู่ 1 ต.นบพิตำ  อ.นบพิตำ ขาด ทำให้รถยนต์ และรถจักรยานยนต์ถูกน้ำพลัดตกลงไปในคลอง ขณะที่รถโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ สีดำ ไม่ทราบทะเบียน มีผู้ติดอยู่ภายในเจ้าหน้าที่เร่งช่วยเหลือออกมาได้ 1 คนบาดเจ็บสาหัส และอีก 1 รายเสียชีวิต ทราบชื่อ น.ส.วิภารัตน์ ไม้ค้าง อายุ 27 ปี ชาว อ.นบพิตำ



CR:ประชาสัมพันธ์ จ. นครศรีธรรมราช ,สถานีโทรทัศน์ตำรวจแห่งชาติ



กรมชลฯ เร่งผลักดันน้ำออกสู่ทะเลให้เร็วที่สุด



          ดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน รายงานว่า ระดับน้ำในคลองเพิ่มสูงขึ้นและเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำ 15 อำเภอ ของ จ.นครศรีธรรมราช สำนักงานชลประทานที่ 15 ได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำ จำนวน 25 เครื่อง ช่วยเร่งระบายน้ำในพื้นที่ อ.เมือง 5 เครื่อง อ.ชะอวด 5 เครื่อง อ.ปากพนัง 12 เครื่อง และ อ.ทุ่งใหญ่ 3 เครื่อง และติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำ จำนวน 19 เครื่อง ประกอบด้วย ในเขตพื้นที่เทศบาลนครนครศรีธรรมราช 15 เครื่อง และในเขตอ.ปากพนัง 4 เครื่อง เพื่อเร่งระบายน้ำออกจากตัวเมืองให้เร็วที่สุด เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้ประชาชน สั่งการให้เจ้าหน้าที่เข้าประจำยังจุดเสี่ยงและติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด และเตรียมพร้อมเครื่องจักร เครื่องมือ ประกอบด้วย เครื่องสูบน้ำ 40 เครื่อง เครื่องผลักดันน้ำ 30 เครื่อง และรถขุดแบคโฮ 30 คัน สำรองไว้ในพื้นที่และพร้อมเข้าให้ความช่วยเหลือประชาชนได้ทันที




ศาลสั่ง จำคุก 2 เดือน นักธุรกิจเพื่อนพ.ต.ท.บรรยิน ให้การเท็จคดีการเสียชีวิตของนายชูวงษ์



          ศาลแขวงพระนครเหนือ ศูนย์ราชการฯ ถนนแจ้งวัฒนะ ศาลอ่านคำพิพากษา คดีดำ อ.2859/63 ที่พนักงานอัยการคดีศาลแขวง และนางศิริรัตน์ แซ่ตั๊ง ภรรยา นายชูวงษ์ แซ่ตั้ง หรือเสี่ยจืด อดีตผู้รับเหมาก่อสร้างมูลค่านับหมื่นล้าน เป็นโจทก์ฟ้องนายชาญศักดิ์ ธนเตชา กรรมการผู้มีอำนาจบริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด เป็นจำเลยในความผิด ฐานแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่พนักงานพนักงานสอบสวนคดีอาญา



         กรณีนี้นายชาญศักดิ์ ให้ปากคำแก่คณะพนักงานสืบสวนสอบสวน เกี่ยวกับสาเหตุการเสียชีวิตของนายชูวงษ์ เมื่อคืนวันที่ 26 มิ.ย.58 ที่ พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีต รมช.พาณิชย์ และอดีต ส.ส.นครสวรรค์ พรรคเพื่อไทยหลายสมัย อ้างว่า ขณะขับรถกลับจากการรับประทานอาหารมากับนายชูวงษ์ รถเกิดอุบัติเหตุชนต้นไม้จนนายชูวงษ์ เสียชีวิต โดยมีการจงใจให้การเท็จช่วยเหลือพ.ต.ท.บรรยิน เพื่อให้เวลาออกจากสนามกอล์ฟ ใกล้เคียงกับเวลาเดินทางไปถึงจุดเกิดเหตุ และใกล้เคียงกับเวลาที่นายชูวงษ์เสียชีวิตมากที่สุด เพื่อให้ตำรวจไขว้เขว และสับสน โดยหากไม่สามารถหาหลักฐานอื่นมายืนยันได้ ก็จะทำให้พ.ต.ท.บรรยิน พ้นความผิดการเหตุฆาตกรรมนายชูวงษ์ได้ โดยศาลสอบคำให้การนายชาญศักดิ์ จำเลยแล้วให้การรับสารภาพ เห็นว่า จำเลยกระทำผิดตามฟ้องจริง พิพากษาจำคุก 2 เดือน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 172 (แก้ไข) จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุก 1 เดือน พิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดี ประกอบคำรับสารภาพ ไม่ปรากฏว่า จำเลยเคยต้องโทษจำคุกมาก่อน จึงเปลี่ยนโทษจำคุก เป็นการกักขังแทน 1 เดือน



          นายชาญศักดิ์ ให้การยืนยันมาตลอดว่า ออกจากสนามกอล์ฟพร้อมผู้เสียชีวิตและพ.ต.ท.บรรยิน ช่วงประมาณ 21.00 น. แล้วมาเกิดเหตุพบนายชูวงษ์ เสียชีวิต ในเวลาประมาณ 22.00 น.



          ทางการสืบสวน พบหลักฐานว่า ทั้งนายชาญศักดิ์ พ.ต.ท.บรรยิน และผู้เสียชีวิต ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทกัน เข้ารับประทานอาหารที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งตั้งแต่เวลาก่อน 20.00 น. และออกจากสนามกอล์ฟ ตั้งแต่เวลาประมาณ 20.10 น. และผู้เสียชีวิต เสียชีวิตหลังกินอาหารไม่นานทำให้เชื่อว่าให้ข้อความอันเป็นเท็จ โดยคดีนี้พนักงานอัยการสั่งไม่ฟ้องแต่พนักงานสอบสวนเห็นแย้ง อัยการสูงสุดชี้ขาดให้ฟ้องต่อศาลแขวงข้อหาให้การเท็จตาม ป.อาญามาตรา 172 ต่อศาลแขวงพระนครเหนือ



          ส่วนคดีที่พ.ต.ท.บรรยิน กับพวก ก่อเหตุอุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนคดีโอนหุ้นนายชูวงษ์  ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ถนนนครไชยศรี นัดฟังคำพิพากษาวันที่ 15 ธ.ค.เวลา 09.00น.



ตร.ตรวจสอบกล้องวงจรปิด ตามหาหญิง ยิงปืนกลางถนน ย่านเอกมัย



          เจ้าหน้าที่ตำรวจสน.คลองตัน เร่งตรวจสอบกล้องวงจรปิดเพื่อหาตัวผู้ชายและหญิงสาวที่ก่อเหตุมาสอบสวน เป็นเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่รับแจ้งว่าเมื่อช่วงกลางดึกวันที่ 2ธ.ค.2563มีคนใช้อาวุธปืนยิงหลายนัด บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี เอกมัย ถนนสุขุมวิท 63(เอกมัย) ใกล้เคียงปากซอยเอกมัย 6 บริเวณฟุตบาททางเดินพบรอยกระสุนปืนยิง 1 นัด ห่างออกไปเพียงเล็กน้อยพบเหล็กกั้นทางมีรอยกระสุนปืนอีก 1 นัด นอกจากนี้ยังพบปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มม. ตกเกลื่อนอยู่กลางถนน จำนวน 2 ปลอก เจ้าหน้าที่จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน



          ผู้เห็นเหตุการณ์ บันทึกคลิปภาพ พบว่ามีรถจักรยานยนต์สีขาว ไม่เห็นป้ายทะเบียน ติดสัญญาณไซเรนสีแดง จอดอยู่บนถนนเอกมัย และมีหญิงสาวยืนอยู่ จากนั้นจะมีชายรูปร่างผอม สวมเสื้อยืด นุ่งกางเกงยีนส์ขายาว พยายามเดินหนีห่างออกมาจากรถ



          จากการสอบถามนายสุภาพ โฉมรัมย์ อายุ 41 ปี เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ซึ่งเป็นคนที่เห็นเหตุการณ์และถ่ายคลิปวิดีโอเอาไว้ ให้การว่า ช่วงก่อนเกิดเหตุได้ยินเสียงปืนดังสนั่นขึ้น 1 นัด โดยในตอนแรกคิดว่ามีวัยรุ่นจุดประทัด จึงเดินออกมาดูก็เห็นผู้หญิงกำลังยืนถืออาวุธปืนในลักษณะส่ายไปมาและยิงปืนตรงมาหาตน 1 นัด จากนั้นผู้ชายก็พยายามเดินถอยออกและอาศัยจังหวะเผลอเข้าไปแย่งปืนจากผู้หญิงคนดังกล่าว เมื่อเหตุการณ์ทุกอย่างสงบลง ผู้ชายและหญิงสาวทั้งคู่ก็ขี่รถจักรยานยนต์ออกไปทางถนนสุขุมวิท 63



ผู้เสียหายที่ถูกแก๊งทวงหนี้เตะก้านคอ เผยไม่กล้าแจ้งความ นอนซมนาน 3วัน  



          จากภาพและคลิปที่มีการส่งต่อ คดีแก๊งทวงหนี้ เตะก้านคอ และทำร้ายร่างกายลูกน้องจนเกิดเสียงวิจารณ์ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มีรายงานว่า ชายคนที่ถูกทำร้าย อายุ 30 ปี ให้การกับเจ้าหน้าที่ว่า เหตุการณ์เกิดเมื่อเดือน ม.ค.2563 สาเหตุที่ถูกทำร้ายอย่างหนัก เพราะตนเองไม่สามารถทวงเงินลูกค้าตามกำหนดได้ จึงลักลอบตกแต่งบัญชี ด้วยการนำเงินบางส่วนของลูกค้าอีกรายมาใส่ในบัญชีของลูกค้าที่ทวงเงินไม่ได้ ต่อมาถูกบริษัทจับได้จนเกิดเหตุการณ์ตามคลิป



          ภายหลังเกิดเหตุ นอนซมอาการสาหัส เพราะร่างกายบอบช้ำถึง 3 วัน ไม่กล้าไปแจ้งความและไม่กล้าบอกใคร ก่อนที่จะรีบทำงานให้ครบเดือน เมื่อได้เงินเดือนก็รีบลาออกและหนีไปอยู่บ้านภรรยาที่ จ.เชียงใหม่ ทันที หากย้อนเวลากลับไปได้ ต่อให้มีเงินเดือนหลายแสนก็คงไม่ทำงานดังกล่าวอีกแล้ว



          คดีนี้ พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช.สอท.)  สั่งการให้ตำรวจ บช.สอท.ตรวจสอบที่มาของคลิปเหตุการณ์ พร้อมให้การช่วยเหลือผู้เสียหายและดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรม เพราะถือว่าเป็นการท้าทายกฎหมายบ้านเมือง



          จากการสอบถามผู้เสียหาย พบว่า เหตุเกิดขึ้นที่ บริษัท ที.เอ็ม.เอ็น.กรุ๊ป จำกัด 2018 ที่ประกาศรับสมัครพนักงานเก็บเงินตามเอกสารเรียกเก็บของบริษัท ติดตามทวงถามยอดค้างชำระของลูกค้า ในลักษณะธุรกิจปล่อยเงินกู้ สาเหตุเกิดจากผู้เสียหายขัดคำสั่งเจ้าของบริษัท เจ้าหน้าที่พร้อมจะพาผู้เสียหายเข้าแจ้งความกับสภ.เมืองสมุทรสาคร ในข้อหาความผิดฐานทำร้ายร่างกาย พร้อมดำเนินการคุ้มครองพยานและสืบสวนขยายผลมูลฐานความผิดที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม จากนั้นจะรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อออกหมายเรียกผู้ก่อเหตุมารับทราบข้อกล่าวหา เนื่องจากประกอบธุรกิจอาจเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.กู้ยืมเงิน




 

ข่าวทั้งหมด

X