น้ำท่วมหนัก! พัทลุง ประกาศเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัยทั้ง 11 อำเภอ
หลายจังหวัดในพื้นที่ภาคใต้น่าห่วง จากอิทธิพลมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังแรง ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมภาคใต้ตอนล่าง กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานว่า ภาคใต้ฝั่งตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 70 ของพื้นที่ ฝนตกหนักถึงหนักมากจังหวัดสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ส่วนภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60 ของพื้นที่ ฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณจังหวัดพังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล
-นายกู้เกียรติ วงศ์กระพันธุ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง ประกาศเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัยทั้ง 11 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมือง อำเภอควนขนุน อำเภอกงหรา อำเภอตะโหมด อำเภอป่าบอน อำเภอป่าพะยอม อำเภอศรีนครินทร์ อำเภอศรีบรรพต อำเภอบางแก้ว อำเภอเขาชัยสน และอำเภอปากพะยูน จำนวน 58 ตำบล 141 หมู่บ้าน
-นายพงศ์เทพ ประทุมสุวรรณ นายอำเภอเมืองพัทลุง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ทหารกองร้อย ตชด.434 อบต.ควนมะพร้าว เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยพัทลุง เจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เร่งอพยพประชาชนและเคลื่อนย้ายทรัพย์สิน เนื่องจากน้ำท่วมขังบ้านเรือนประมาณ 80 ครัวเรือน 261 คน ในพื้นที่บ้านควนกุฎ หมู่ที่ 15 ต.ควนมะพร้าว อ.เมือง โดยได้อพยพไปยังศาลาหมู่บ้าน 15 ครัวเรือน 50 คน โรงเรียนบ้านควนกุฎ 50 ครัวเรือน 161 คน ค่ายตำรวจตระเวนชายแดน 434 พัทลุง 15 ครัวเรือน 50 คน
-มวลน้ำป่าไหลหลากลงมาจากเทือกเขาบรรทัดเข้าท่วมถนนสายหลักสายเพชรเกษมทั้งฝั่งขาขึ้นและฝั่งขาล่องใต้บริเวณบ้านโคกยาหมู่ที่ 9 ต.เขาชัยสน หมู่ที่ 8 ต.โคกสัก อ.เขาชัยสน ระดับน้ำท่วมสูง 50 – 60 ซม.
-จ.พัทลุง ประกาศให้ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยริมเทือกเขาบรรทัดออกจากพื้นที่ เนื่องจากดินภูเขาอุ้มน้ำเป็นจำนวนมากหวั่นเกิดดินโคลนถล่ม
-ชาวบ้าน ม.8 ต.โคกชะงาย อ.เมือง จ.พัทลุง หลายครอบครัวต้องผวาและกังวล หลังบริเวณรอบบ้านเป็นฝายคันคลองชลประทานนาท่อม กระแสน้ำได้เอ่อล้นเข้าท่วมบ้านเรือนโดยรอบ เหมือนอยู่ภายในวงล้อมของน้ำ หวั่นฝายกั้นน้ำจะรับมือไม่ไหวและพังลงมา
CR:สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยพัทลุง,กรมอุตุนิยมวิทยา
ศาลรัฐธรรมนูญ อ่านคำวินิจฉัย คดีบ้านพัก นายกฯ ผ่านยูทูบชาแนล
เว็บไซต์สำนักงาน
'วิทยา คุณปลื้ม' อาการดีขึ้นหลังวูบคาเวที ที่จ.ชลบุรี
นาย
นายสรายุทธ วงษ์แสงทอง กล่าวว่า คาดว่า นายวิทยา พักผ่อนน้อย ช่วงที่พูดคุยเกี่ยวกับขั้นตอนการแสดงวิสัยทัศน์ พบว่า นายวิทยา หน้าซีด ไม่คิดว่าจะเป็นลม
นางสิริลดา คุณปลื้ม ภรรยานายวิทยา เปิดเผยว่า คงเกิดจากอาการอ่อนเพลียจากการหักโหมออกหาเสียงหนัก หามรุ่งหามค่ำทุกวันแทบไม่มีเวลาพักผ่อน อย่างไรก็ตามถึงขณะนี้ได้รับทราบจากแพทย์ที่ปฐมพยาบาลว่า นายวิทยา มีอาการดีขึ้นแล้วหลังจากได้ปฐมพยาบาล ถ้าไม่มีอาการแทรกซ้อนก็คงกลับบ้านได้
ตำรวจ 97 นาย ตั้งแต่ชั้นประทวน-นายพล เอี่ยวปมเบี้ยเลี้ยงโควิด-19
พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ (จตช.) กล่าวถึง ผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องการอมเบี้ยเลี้ยงโควิด-19 ว่า หลังจากที่กองบัญชาการต่างๆ ตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง นานกว่า 5 สัปดาห์ พบว่า มีหน่วยที่ถูกตรวจสอบตั้งแต่ระดับกองกำกับการถึงโรงพัก 41 หน่วย มีข้าราชการตำรวจชั้นประทวนถึงระดับพล.ต.ต.ที่ถูกตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง 97 นาย ส่วนจะผิดหรือไม่ต้องพิจารณากันอีกครั้ง ผบ.ตร. ยืนยันว่า เรื่องนี้มีคนทำผิดต้องถูกลงโทษ จะวินัยร้ายแรงหรือไม่ร้ายแรงก็ว่าไปตามกระบวนการ ไม่มีการช่วยเหลือใคร ทั้งนี้สำหรับรายชื่อผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดได้ส่งให้ ผบ.ตร. หมดแล้ว ล่าสุดมีการปรับย้ายระดับ รอง ผบก.-ผกก. ก็ย้ายออกนอกหน่วย ทางปกครองก็ดูว่าใครทำผิดก็มีมาตรการทางปกครองคู่ขนานไปด้วย
สำหรับผลการตรวจสอบในพื้นที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 (บช.ภ.8) มีการภาคทัณฑ์ ตำรวจ สภ.ป่าตอง ซึ่งโอนเงินผิดระเบียบ ไปที่สารวัตรการเงิน ทางการเงินก็โอนให้ตำรวจผู้มีสิทธิ์ทันที ก็เป็นการทำผิดระเบียบ แต่ไม่มีเจตนาทุจริต ส่วนที่ สภ.ทุ่งสง โอนถูกระเบียบ แต่ให้ผู้มีสิทธิ์ถอนเงินออกมา ภายหลังมีการคืนเงินกันไปหมดแล้ว โดยคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงของภาค 8 สั่ง กักยามสารวัตรการเงินทั้งหมด รวมทั้งกักยาม พ.ต.อ.สมพงศ์ ทิพย์อาภากุล ผกก.ทุ่งสง เป็นเวลา 3 วัน ตามอำนาจเต็มของผู้บังคับการ และ บช.ภ.8 อยู่ระหว่างพิจารณากักยามเพิ่มเติมอีก 15 วัน ส่วนกองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.) และ กองบัญชาการภาค 1-9 ทาง ผบ.ตร. เร่งรัดให้สืบสวนข้อเท็จจริงโดยเร็ว และรายงานผลให้ทราบภายใน 10 วัน
พล.ต.อ.วิสนุ กล่าวว่า ผบ.ตร. ได้เน้นย้ำการตรวจสอบต้องยึดหลักการ 3 ข้อ คือ
1. ต้องคืนความชอบธรรม คืนเงิน คืนเบี้ยเลี้ยง ให้ตำรวจผู้ได้รับความเสียหายอย่างครบถ้วน ถูกต้อง
2.ต้องยึดหลักถูกต้องตามระเบียบกฎหมาย รวมถึงมาตรฐานการลงโทษ และเป็นไปตามกรอบเวลาที่ไม่ล่าช้า
3.การดำเนินการทั้งหมดต้องเป็นที่พอใจของตำรวจ ของสังคม ดังนั้นการลงโทษต้องมีมาตรฐาน และตรวจสอบได้
เตือนภัย! ระวังมิจฉาชีพ หลอกทำงาน ผ่านแอปฯ มีผู้เสียหายรวม 2,000 คน
ตำรวจศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เตือนภัยประชาชนหลังพบว่ามีแก๊งมิจฉาชีพ หลอกผู้เสียหายให้ทำงานผ่านแอปพลิเคชันและเว็บไซต์ชื่อดัง โดยผู้เสียหายต้องลงทุนเสียเงินค่าสมัครทำงาน เพื่อแลกกับค่าตอบแทน หากลงทุนค่าสมัครสูงก็จะได้ค่าตอบแทนสูง แต่สุดท้ายไม่ได้เงิน พบว่ามีผู้เสียหายมากกว่า 1,000 คน หลงเชื่อและตกเป็นเหยื่อของแก๊งมิจฉาชีพนี้
แผนของแก๊งมิจฉาชีพจะปรับเปลี่ยนวิธีในการหลอกผู้เสียหาย โดยจะโฆษณาเชิญชวนลงทุนผ่านแอปพลิเคชันชื่อดัง เริ่มจากวิธีเชิญชวนเล่นเกม อ้างว่า สามารถได้รับเงินเป็นค่าตอบแทนจากการเล่นเกมบนแอปฯ ดังกล่าวมีผู้เสียหายหลงเชื่อ 500 คน เสียหายมากกว่า 50 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังหลอกให้ลงทุนเป็นตัวแทนจัดส่งพัสดุ สัญญาจ้าง 5 ปี แต่ต้องเสียค่าสมัคร 30,000 บาท และหากเชิญชวนคนมาทำงานได้ก็จะได้เงินเพิ่ม แต่สุดท้ายไม่ได้เงิน และไม่มีธุรกิจดังกล่าวจริง มีผู้หลงเชื่อกว่า 1,000 คน เสียหายรวมมูลค่า 21 ล้านบาท ตำรวจสันนิษฐานว่าผู้ก่อเหตุน่าจะเป็นเครือข่ายเดียวกันเนื่องจากช่วงที่เปิดเว็บไซต์และแอปฯเพื่อหลอกเหยื่อใกล้เคียงกัน
เบื้องต้นพบมีผู้เสียหายถูกแก๊งมิจฉาชีพหลอกในลักษณะนี้มากถึง 2,000 คน และมีความเสียหายรวมมูลค่าสูงถึงกว่า 150 ล้านบาท ขณะนี้ตำรวจยังอยู่ระหว่างเร่งติดตามตัวผู้ก่อเหตุ เพราะเกรงว่าจะมีประชาชนหลงเชื่อตกเป็นเหยื่อเพิ่ม