ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 19.30 น.วันอังคารที่ 1 ธันวาคม 2563

01 ธันวาคม 2563, 19:41น.


ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 19.30 น.วันอังคารที่ 1 ธันวาคม 2563



ศาลรัฐธรรมนูญ เตรียมพื้นที่ อ่านคำวินิจฉัยคดีบ้านพักฯ นายกรัฐมนตรีพรุ่งนี้



          การรักษาความปลอดภัยรอบศาลรัฐธรรมนูญ กรณีที่จะมีการอ่านคำวินิจฉัยกรณีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม อาศัยบ้านพักทหารหลังเกษียณ ขัดต่อรัฐธรรมนูญทำให้ขาดคุณสมบัติการเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ ในวันพรุ่งนี้



          โดยการอ่านคำวินิจฉัยในวันพรุ่งนี้ จะมีเพียงการถ่ายทอดเสียงลงมาจากห้องบัลลังก์ให้ฟังเท่านั้น โดยเจ้าหน้าที่จะติดตั้งลำโพงให้ภายนอกเขตศาล จะไม่ถ่ายทอดภาพและติดตั้งโทรทัศน์วงจรปิด เหมือนเช่นทุกครั้ง แต่สามารถดูได้ผ่านทางยูทูปของศาลที่จะส่งลิงค์ให้ และไม่อนุญาตให้บุคคลภายนอกรวมทั้งสื่อมวลชนเข้ามาภายในบริเวณศาล และโถงในอาคาร  



          เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มาตรวจสถานที่โดยรอบศาล เพื่อวางแผนกำหนดจุดผู้ที่จะมาฟังคำวินิจฉัย และกลุ่มผู้ชุมนุม รวมทั้งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจส่วนหนึ่งมาดูแลความปลอดภัยภายในที่ทำการศาล โดยจะแจ้งเป็นการภายในให้เจ้าหน้าที่ที่ไม่เกี่ยวข้องไม่ต้องมาปฏิบัติงานในวันพรุ่งนี้ด้วย



          พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้ลงพื้นที่มาตรวจดูความเรียบร้อยโดยรอบศาลรัฐธรรมนูญ ถนนแจ้งวัฒนะ พร้อมเปิดเผยว่า  ตำรวจมีการเตรียมแผนรองรับในการดูแลความสงบเรียบร้อย ส่วนมาตรการที่จะใช้กับกลุ่มผู้ชุมนุมจะพิจารณาตามความจำเป็นและวางเครื่องกีดขวางหรือแบริเออร์ตามความเหมาะสม ซึ่งจนถึงขณะนี้ผู้ชุมนุมยังไม่มีการแจ้งขออนุญาตจัดการชุมนุมแต่อย่างใด เบื้องต้นจะใช้กำลังผลัดละ 3 กองร้อย สลับสับเปลี่ยน 4 ผลัดตลอด 24 ชั่วโมง โดยใช้กำลังตำรวจจากกองบังคับการตำรวจนครบาล 2 เป็นหลัก



          รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ยอมรับว่า มีความเป็นห่วงว่าการรวมตัวกันของกลุ่มผู้ชุมนุม อาจจะมีการกระทำผิดกฎหมายและละเมิดอำนาจศาล ซึ่งการกระทำความผิดทุกกรณีจะต้องถูกดำเนินคดีย้อนหลัง ส่วนเรื่องการจราจรบริเวณถนนแจ้งวัฒนะ รอยต่อถนนรามอินทราที่มีการก่อสร้างรถไฟฟ้าตลอดเส้นทาง ซึ่งปกติการจราจรจะหนาแน่นอยู่แล้ว หากผู้ชุมนุมลงไปชุมนุมบนพื้นผิวการจราจรจะทำให้เกิดปัญหาจราจร



นายกฯ ย้ำเคารพคำวินิจฉัยศาลรธน.-จ่อดำเนินคดีคนติดโควิด-19 ลักลอบเข้าเมือง



          พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมคณะรัฐมนตรีถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญนัดวินิจฉัยคดีบ้านพักทหาร ในวันพรุ่งนี้ (2 ธ.ค.63) โดยระบุว่า ยังไม่ทราบว่าจะส่งใครไปฟังคำวินิจฉัยแทนหรืออาจจะเป็นฝ่ายกฏหมาย แต่ยืนยันว่าจะยอมรับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ หากผิดก็ว่าไปตามผิด หากไม่ผิดเรื่องก็จบ ส่วนการลงพื้นที่ปฏิบัติภารกิจในต่างจังหวัด ไม่เกี่ยวกับการสร้างกำลังใจ แต่เป็นภารกิจที่กำหนดไว้ล่วงหน้าแล้ว 



          ส่วนกรณีคนไทยไปทำงานที่ประเทศเพื่อนบ้านติดโควิด-19 แล้วลักลอบเข้าประเทศ จะทำให้รัฐบาลต้องทบทวนการผ่อนผันเกี่ยวกับกิจกรรมต่างๆ ของคนต่างด้าวในไทยหรือไม่ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ก่อนหน้านี้เคยย้ำเตือนแล้วว่าอย่าลักลอบเข้าประเทศให้ติดต่อกับทางการเพื่อเดินทางเข้ามาตามกระบวนการและกักตัวตามมาตรการด้านสาธารณสุข ดังนั้นบุคคลที่ลักลอบเข้ามาจะต้องถูกดำเนินคดี ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังเร่งตรวจสอบขยายผลไปยังกลุ่มเสี่ยงต่างๆ แต่ยังไม่พบว่ามีใครติดเชื้อเพิ่ม พร้อมวอนขอให้สังคม ท้องถิ่นและชุมชน ช่วยกันสอดส่องว่าภายในหมู่บ้านมีใครที่กลับมาจากต่างประเทศบ้างหรือไม่ เพื่อจะได้ช่วยกันควบคุมการแพร่ระบาด เพราะเมื่อเกิดปัญหา ประชาชนคือคนที่เดือดร้อน ยิ่งตอนนี้จังหวัดเชียงรายและเชียงใหม่กำลังเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นของการท่องเที่ยว จึงไม่อยากให้ตื่นตระหนก พร้อมกับขอให้เข้าใจการทำงานของเจ้าหน้าที่ชายแดนที่พยายามควบคุมอย่างเต็มที่แล้วหรือใครจะทดลองลงไปติดตามดูการทำงานของเจ้าหน้าที่ที่ชายแดนก็ได้ 



          ส่วนการส่งตัวแทนเข้าร่วมคณะกรรมการสมานฉันท์ ฝ่ายรัฐบาลยังไม่ได้พิจารณาว่าจะเป็นใคร แต่รัฐบาลยืนยันสนับสนุนเวทีที่ร่วมกันแสวงหาทางออกให้ประเทศ เพียงแต่ต้องมีความเป็นกลาง คำนึงถึงประเทศ ไม่ใช้อารมณ์หรือความรู้สึกส่วนตัว ไม่เอาชนะกันสิ่งใดที่รัฐบาลสามารถทำได้ก็จะให้ความร่วมมือเต็มที่



          นอกจากนี้ ในช่วงท้ายการประชุม นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ได้แซวนายกฯ ถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสินคดีบ้านพักหลวง โดยนายกฯได้กล่าวอย่างอารมณ์ดีว่า เป็นเรื่องของศาล เป็นเรื่องของอนาคต ซึ่งทำให้รัฐมนตรีหลายคนที่ได้ยินต่างพากันหัวเราะ



          ในวันพรุ่งนี้ นายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปตรวจราชการจังหวัดสมุทรสงคราม เพื่อขับเคลื่อนภาคธุรกิจการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ของชุมชนในท้องถิ่น



รัฐสภาผ่านวาระแรก ร่างพ.ร.บ.ออกเสียงประชามติ



          ผลการประชุมร่วมรัฐสภา โดยมีนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา เป็นประธานในการประชุม เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ.... ซึ่งคณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ชี้แจงต่อที่ประชุมรัฐสภาว่า กรณีที่ให้บทบาทคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เผยแพร่และรณรงค์ข้อมูลเรื่องที่ทำประชามติ คือกำหนดให้เป็นหน้าที่ส่วนบุคคลที่จะรณรงค์ไม่ห้ามให้กระทำเพราะถือเป็นสิทธิที่จะเชิญชวนให้บุคคลแสดงความเห็น และไม่ถือเป็นความผิดตามมาตรา 60 เว้นแต่เป็นพฤติกรรมที่ห้ามไว้ หากเนื้อหายังไม่ชัดเจน และคลุมเครือสามารถแก้ไขให้ชัดเจนได้ รวมถึงการกำหนดให้ออกเสียงประชามติทางไปรษณีย์หรือออนไลน์หากมีความเห็นให้ทำประชามติ จากสมาชิกรัฐสภาหรือประชาชน สามารถเสนอไปยังรัฐบาลได้ และหากไม่สามารถทำประชามติได้ กฎหมายกำหนดให้ทำในรูปแบบประชาพิจารณ์



          ส่วนช่วงท้ายของการอภิปรายก่อนการลงมติ มีเหตุวุ่นวายเล็กน้อย ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากที่นายเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว. อภิปรายต่อกรณีการปฏิบัติตามกฎหมาย ไม่ใช่กระทำผิดกฎหมาย แล้วถูกดำเนินคดี กลับระบุว่า กฎหมายไม่ถูกต้อง ขณะเดียวกันการดำรงตำแหน่งของ ส.ว.นั้นมาโดยรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน เหมือนกับ ส.ส.ที่มาตามรัฐธรรมนูญ แม้จะพบการซื้อเสียงหรือทุจริตเลือกตั้ง ทำให้นายขจิตร ชัยนิคม ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย ประท้วงต่อประเด็นที่ส.ว.กล่าวหา ส.ส.ซื้อเสียงเลือกตั้งและขอให้ประกาศชื่อชัดเจน รวมถึงขอให้ถอนคำพูด ทำให้นายชวน ประธานรัฐสภา ประธานในที่ประชุมวินิจฉัยว่า ไม่ต้องถอน และมองว่าเป็นการชี้แจงหลังจากที่ ส.ส.กล่าวหา ส.ว. ทำให้นายขจิตรไม่พอใจและโวยวายแม้จะถูกปิดเสียงไมโครโฟน และนายชวน ร้องขอให้สงบสติอารมณ์



“ผมตัดสินแล้วก็จบ คนไม่เป็นแบบนั้นอย่าทุกข์ร้อน เว้นเป็นอย่างนั้น ซื้อเสียง โกงเลือกตั้ง ก็จะทุกข์ ร้อน เราวิจารณ์เขาเยอะพอสมควร ขอให้จบและอย่าสร้างประเด็นให้เป็นเรื่อง”



          ภายหลังการอภิปรายกว่า 5 ชม. ท้ายที่สุดที่ประชุมมีมติรับหลักการร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ...  ด้วยคะแนนเห็นด้วย 561  ไม่เห็นด้วย 2 เสียง งดออกเสียง 50  เสียง จากนั้นตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ จำนวน 49 คน  กำหนดการแปรญัตติ 15 วันตามข้อบังคับ ไม่กำหนดระยะเวลาในการพิจารณา  โดยเริ่มประชุมนัดแรกวันที่ 3 ธ.ค. ที่รัฐสภา เวลา 13.30 น.



รองนายกฯ-รมว.สธ. ชะลอ ลดวันกักตัวโควิด เหลือ 10 วัน



          การลดวันกักตัวเหลือเพียง 10 วัน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ยืนยันว่า ในวันพรุ่งนี้ (2 ธ.ค.) จะมีการประชุมศูนย์บริหารสถานการเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 (ศบศ.) เพื่อพิจารณามาตรการทางเศรษฐกิจเพิ่มเติม ส่วนการดูแลความปลอดภัยบริเวณชายแดน มีการกำชับความเข้มงวดมาโดยตลอด แต่จำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากประชาชนเรื่องการรักษาพยาบาลและการควบคุมเฝ้าระวัง พร้อมยอมรับว่า การลดระยะเวลากักตัว 10 วันคงต้องชะลอและต้องหามาตรการป้องกันในมาตรการผ่อนคลายต่าง ๆ ใหม่ เนื่องจากเกิดกรณีการลักลอบเข้า-ออกไทยผ่านช่องทางธรรมชาติจังหวัดเชียงราย และตรวจพบเชื้อโควิด-19 ที่จ.เชียงใหม่



ไฟเซอร์ เสนอวัคซีน ให้ยุโรปพิจารณาวันนี้



          ไฟเซอร์ อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทยาใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ และ BioNTech ซึ่งเป็นบริษัทยาของเยอรมนี แถลงว่า ทางบริษัทได้ยื่นเรื่องต่อสำนักงานยาแห่งยุโรป (EMA) ในวันนี้ เพื่อขออนุมัติการจำหน่ายวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ของทางบริษัทเป็นกรณีฉุกเฉิน หาก EMA ให้การอนุมัติ ก็จะส่งผลให้ไฟเซอร์สามารถใช้วัคซีนดังกล่าวในยุโรปก่อนปลายปีนี้ โดยข้อมูลจากบริษัทยาจะต้องพิสูจน์ให้เห็นว่ายาหรือวัคซีนดังกล่าวมีประโยชน์มากกว่าความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น และบริษัทจะต้องพร้อมให้ข้อมูลการทดสอบทางคลินิกอย่างครบถ้วนในอนาคต



หุ้นไทยกลับมาปิดบวกได้ หลังมีความคืบหน้าวัคซีนโควิด-19



          ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,420.87 จุด เพิ่มขึ้น 12.56 จุด มูลค่าการซื้อขาย 78,416.50 ล้านบาท ตลาดหุ้นไทยวันนี้ฟื้นตัวขึ้นเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดต่างประเทศ  หลังจากที่มีความคืบหน้าวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ทำให้คาดหวังการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ อย่างไรก็ดี ให้จับตาวันพรุ่งนี้ที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดวินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กรณีที่ใช้บ้านพักทหารหลังจากเกษียณอายุราชการแล้ว และในวันที่ 3 ธ.ค.ก็ติดตามการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส  



          ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดพุ่งขึ้นในวันนี้แตะระดับสูงสุดใหม่ในรอบ 29 ปี โดยได้แรงหนุนกรณีบริษัทโมเดอร์นาของสหรัฐฯได้ยื่นขออนุมัติใช้วัคซีนต้านโรคโควิด-19 ในกรณีฉุกเฉินแล้ว ขณะที่เงินเยนที่อ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯได้ช่วยหนุนหุ้นกลุ่มส่งออก ดัชนีนิกเกอิ ปิดที่ระดับ 26,787.54 จุด เพิ่มขึ้น 353.92 จุด



          ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดวันนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้น จากปัจจัยเดียวกัน นอกจากนี้ นักลงทุนยังขานรับดัชนีภาคการผลิตจีนที่ขยายตัวได้ดีเกินคาด ชี้ว่าเศรษฐกิจจีนซึ่งใหญ่เป็นอันดับสองของโลก ยังคงฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ดัชนีฮั่งเส็งปิดวันนี้ที่ 26,567.68 จุด เพิ่มขึ้น 226.19 จุด



ยังไม่ได้ข้อยุติ โครงการรถเก่าแลกรถใหม่



          โครงการ "รถเก่าแลกรถใหม่" นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน กล่าวว่า เป็นโครงการที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ แต่ยังต้องมีการหารือในรายละเอียดอีกมากและยังไม่ได้ข้อสรุปเร็วๆนี้อย่างแน่นอน เพราะมีทั้งเรื่องภาษีและเรื่องรายละเอียดเกี่ยวกับรถที่จะเข้าโครงการ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระหว่างที่นายสุพัฒนพงษ์กำลังให้สัมภาษณ์เรื่องโครงการรถเก่าแลกรถใหม่กับผู้สื่อข่าวนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้โทรศัพท์เข้ามาหานายสุพัฒนพงษ์พอดีเพื่อหารือประเด็นเกี่ยวกับโครงการนี้พอดี  นายสุพัฒนพงษ์กล่าวย้ำกับนายอาคมว่าเมื่อยังไม่ได้ข้อสรุปก็ให้ยกเลิกไปก่อน 



นายกฯเตือนพวกโกง'คนละครึ่ง' สั่งคลังเช็คบิล ผิดซ้ำซากเลิกโครงการ



          ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็นประธาน นายกฯได้กล่าวถึงโครงการคนละครึ่ง ที่มีข่าวว่าผู้ประกอบการเอาเปรียบลูกค้าในรูปแบบต่างๆ ทั้งการฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าให้สูงกว่าราคาป้ายตามปกติ รวมถึงการบวกราคาสินค้าเพิ่มโดยอ้างว่าเป็นค่าอินเตอร์เน็ต ซึ่งนายกฯขอเตือนไปยังร้านค้าที่มีพฤติกรรมเหล่านี้ว่าขอให้กระทรวงการคลังดำเนินการตรวจสอบ และเอาผิด และถ้าหากยังพบว่ามีการทุจริตเช่นนี้อีกจะพิจารณายกเลิกโครงการนี้ทันที เพราะถือเป็นการฉวยโอกาสโกงประชาชน



จเรตำรวจยอมรับ โอนเงินผิดระเบียบ เบี้ยเลี้ยงด่านโควิด



          การตรวจสอบกรณีทุจริตเบี้ยเลี้ยงด่านตรวจโควิด-19 พลตำรวจเอกวิสนุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า เบื้องต้นตรวจสอบเสร็จสิ้นแล้ว 1 หน่วย คือ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 พบความผิดใน 2 พื้นที่ คือ สถานีตำรวจภูธรป่าตอง จ.ภูเก็ต ซึ่งพบมีการโอนเงินผิดระเบียบ คือ ไม่ได้โอนเงินไปยังผู้ที่มีสิทธิโดยตรง แต่โอนให้สารวัตรการเงิน ก่อนโอนให้ผู้มีสิทธิอีกที ซึ่งไม่มีเจตนาทุจริต จึงได้สั่งลงโทษภาคทัณฑ์ไปแล้ว และสถานีตำรวจภูธรทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช พบว่ามีการโอนเงินเบี้ยเลี้ยงถูกต้องตามระเบียบ ไปที่ผู้มีสิทธิโดยตรง แต่มีการถอนเงินในลักษณะเงินทอน ซึ่งได้สั่งกักยามผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด ตั้งแต่ผู้กำกับการ ถึงสารวัตรการเงิน รวม 3 วัน และทางผู้บังคับการตำรวจภูธรภาค 8 สั่งกักเพิ่มอีก 15 วัน ส่วนการเลื่อนตำแหน่งผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรทุ่งสง เป็นไปตามหลักเกณฑ์อาวุโสร้อยละ 33 ไม่เกี่ยวข้องกับการพิจารณาลงโทษทางวินัย ส่วนกองบัญชาการอื่น ๆ ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบ



          เบื้องต้น พบว่ามีหน่วยงานในระดับกองกำกับการ ถึงสถานีตำรวจ รวม 41 หน่วย ถูกตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง เนื่องจากพบความผิดปกติในการเบิกจ่ายเงินเบี้ยเลี้ยง โดยมีข้าราชการตำรวจ ตั้งแต่ระดับผู้บังคับการ ถึงผู้บังคับหมู่ 97 นาย เกี่ยวข้อง ซึ่งได้เร่งรัดการตรวจสอบ พร้อมให้รายงานผลภายใน 10 วัน



          ส่วนการทุจริตเบี้ยเลี้ยงของกองร้อยควบคุมฝูงชนที่ปฏิบัติหน้าที่ดูแลการชุมนุมในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จเรตำรวจแห่งชาติ ระบุว่าเป็นเรื่องการสื่อสารที่คลาดเคลื่อน ระหว่างผู้บังคับบัญชา กับผู้ใต้บังคับบัญชา ในเรื่องการเบิกจ่าย หรือการใช้เงินทดลองจ่ายเชื่อว่าไม่มีการทุจริตในเรื่องนี้ ยืนยันตำรวจที่มาปฏิบัติหน้าที่ทุกนาย ต้องได้รับเบี้ยเลี้ยงเต็มจำนวน แต่หากผู้ใดมีปัญหา สามารถมาแจ้งได้โดยตรง



ทบ.ชี้ทหารต้องรู้เท่าทัน IO



          หลังมีการนำภาพทหารกับการใช้โซเชียลมีเดีย ภาพการใช้โทรศัพท์ของทหาร และภาพการอบรมความรู้ทางทหารมาวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆนานา บางภาพก็ตั้งข้อสังเกตเชื่อมโยงไปถึงการทำปฏิบัติการข่าวสารสร้างความสับสนให้กับสังคมนั้น พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก ชี้แจงว่า เป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน ในบทบาทของกองทัพต่อการนำเข้าข้อมูลข่าวสารในโซเชียลมีเดีย



          ส่วนที่ปรากฏภาพทหารนั่งเรียนเรื่องพื้นฐานการปฏิบัติการข่าวสารหรือ IO นั้น ขอเรียนเพื่อความเข้าใจว่าภาพดังกล่าวเป็นการเรียนการสอนตามปกติของหน่วยทหาร ที่จะต้องเรียนรู้เกี่ยวกับหลักการพื้นฐานของวิชาการปฏิบัติการข่าวสาร(Information Operation : IO) เป็นไปตามหลักนิยมทางทหาร และเรื่องการปฏิบัติการข่าวสาร ถือเป็นปฏิบัติการทางทหารรูปแบบหนึ่งที่มีใช้อยู่ในกองทัพหลายประเทศทั่วโลก จึงจำเป็นที่ทหารไทยจะต้องเรียนรู้ให้เท่าทันกับต่างประเทศ เพื่อสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการป้องกันประเทศได้ ขอขอบคุณทุกฝ่ายที่ให้ความสนใจติดตาม วิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องนี้ และเชื่อว่าสังคมส่วนใหญ่มีความเข้าใจ เชื่อมั่นในบทบาทหน้าที่ของกองทัพบก

ข่าวทั้งหมด

X