ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 12.30 น.วันอังคารที่ 1 ธันวาคม 2563

01 ธันวาคม 2563, 12:19น.


กรมชลฯ ติดตั้งเครื่องสูบน้ำ จ.นครศรีธรรมราช-พัทลุง น้ำท่วมหนัก



         หลายจังหวัดในภาคใต้เกิดน้ำท่วมจากฝนตกหนัก นายสัญญา แสงพุ่มพงษ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ระดับน้ำในลำน้ำต่างๆ เพิ่มสูงขึ้น จนไหลล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ชุมชน โดยเฉพาะในพื้นที่ 2 จังหวัด



1.จังหวัดนครศรีธรรมราช : ฝนตกหนักต่อเนื่องในช่วงวันที่ 27-30 พ.ย. 2563  ทำให้ระดับน้ำในคลองธรรมชาติต่างๆเพิ่มสูงขึ้น น้ำท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำริมคลองและซอยที่มีระดับต่ำ ในเขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราช ปัจจุบันระดับน้ำในคลองที่ไหลผ่านตัวเมืองทั้ง 5 สาย ได้แก่ คลองคูพาย คลองสวนหลวง คลองป่าเหล้า คลองนครน้อย และคลองท่าชัก เพิ่มสูงขึ้น แต่ยังไม่ล้นตลิ่ง คาดว่า หากไม่มีฝนตกลงมาเพิ่ม จะสามารถระบายน้ำออกจากพื้นที่ลุ่มต่ำได้ภายใน 1-2 วันนี้



-สำนักงานชลประทานที่ 15 ได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำ 17 เครื่อง และเครื่องผลักดันน้ำ 13 เครื่อง เร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่แล้ว นอกจากนี้ ยังได้สำรองเครื่องสูบน้ำไว้ 50 เครื่อง เครื่องผลักดันน้ำ 44 เครื่อง และรถแบคโฮอีก 30 คัน พร้อมช่วยเหลือประชาชน



2.จังหวัดพัทลุง:ฝนตกหนักมากบริเวณลุ่มน้ำคลองท่าแนะ ลุ่มน้ำคลองสะพานหยี ลุ่มน้ำคลองป่าบอน ส่งผลให้น้ำไหลล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำ มีพื้นที่ได้รับผลกระทบ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเขาชัยสน อำเภอกงหรา อำเภอป่าบอน และอำเภอเมือง



-สถานีวัดน้ำบ้านคลองลำ อ.ศรีนครินทร์ ระดับน้ำต่ำกว่าตลิ่ง 3.35 เมตร แนวโน้มระดับน้ำเพิ่มขึ้น



-สถานีวัดน้ำบ้านท่าแค อ.เมือง ระดับน้ำต่ำกว่าตลิ่ง 1.83 เมตร แนวโน้มเพิ่มขึ้น



-สถานีวัดน้ำบ้านเขาปู่ อ.ศรีบรรพต ระดับน้ำสูงกว่าตลิ่ง 37 เซนติเมตร แนวโน้มเพิ่มขึ้น



-สถานีวัดน้ำบ้านพิกุลทอง อ.ควนขนุน ระดับน้ำสูงกว่าตลิ่ง 33 เซนติเมตร แนวโน้มเพิ่มขึ้น



-โครงการชลประทานพัทลุง ติดตั้งเครื่องสูบน้ำ 4 เครื่อง บริเวณชุมชนโคกเนียน ชุมชนเขาอกทะลุ และบริเวณถนนไชยบุรี และติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำอีก 10 เครื่อง บริเวณประตูระบายน้ำคลองลำเบ็ด รวมทั้งติดตั้งเครื่องสูบน้ำระบบไฮโดวโฟวล์ อีก 1 เครื่อง บริเวณประตูระบายน้ำคลองลำเบ็ด เพื่อเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่แล้ว



          นอกจากนี้ กำชับให้โครงการชลประทานทุกแห่งในพื้นที่ภาคใต้ เฝ้าระวังติดตามสภาพอากาศอย่างใกล้ชิด รวมทั้งบริหารจัดการน้ำในอ่างเก็บน้ำต่างๆ ให้อยู่ในเกณฑ์ควบคุมได้



CR:กรมชลประทาน



คลัง ระงับการใช้แอปฯและจ่ายเงินให้ร้านค้าโครงการคนละครึ่งที่ไม่ซื่อสัตย์



          หลังมีข่าวแม่ค้าในโครงการคนละครึ่งบางราย เอาเปรียบผู้บริโภค โดยขึ้นราคาสินค้าหรือลดปริมาณสินค้าลง ทำให้กระทรวงการคลัง คาดโทษผู้ค้าที่จงใจทุจริตในโครงการคนละครึ่ง นายพรชัย ฐีระเวช ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการเงิน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะรองโฆษกกระทรวงการคลัง ขอความร่วมมือประชาชนและร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง ให้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของโครงการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งขอให้ร้านค้าอย่าฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าหรือดำเนินการด้วยวิธีการอื่นๆที่ส่งผลให้ราคาสินค้าสูงขึ้น เนื่องจากเป็นการเอาเปรียบประชาชนและทำลายบรรยากาศของการจับจ่ายใช้สอยและผิดเงื่อนไขของโครงการ ซึ่งมีวัตถุประสงค์ในการช่วยบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายให้ประชาชนและช่วยให้ร้านค้ามีรายได้เพิ่มมากขึ้น 



          หากประชาชนพบพฤติกรรมการขึ้นราคาสินค้าหรือมีการใช้จ่ายที่ไม่เป็นไปตามเงื่อนไขโครงการ เช่น การรวมค่าบริการอินเทอร์เน็ตมือถือของร้านค้าอยู่ในราคาสินค้า สามารถแจ้งเบาะแสการกระทำผิดเงื่อนไขโครงการสามารถส่งข้อมูลมาที่อีเมล halfhalf@fpo.go.th หรือติดต่อสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง โทร. 02-273-9020 ต่อ 3697,3527,3548,3509 (ในเวลาราชการ) หรือธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) โทร. 02-111-1144 (24 ชั่วโมง) กระทรวงการคลังได้ประสานขอความร่วมมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการติดตามและตรวจสอบ หากพบว่ามีการกระทำที่ผิดเงื่อนไขจริง จะระงับการใช้แอปพลิเคชันและระงับการจ่ายเงินของร้านค้าทันที รวมทั้งอาจจะดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป จึงขอความร่วมมือร้านค้าให้ซื่อสัตย์ต่อประชาชน และขอให้ประชาชนรักษาสิทธิ์ของตัวเองด้วย โดยขอให้ทั้งสองฝ่ายปฏิบัติตามหลักเกณฑ์เงื่อนไขของโครงการอย่างเคร่งครัด 



          สำหรับความคืบหน้าของโครงการคนละครึ่ง วันที่ 30 พ.ย. 2563 เวลา 12.00 น. มีร้านค้าลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 870,000 ร้านค้า และผู้ใช้สิทธิ์แล้วจำนวน 9,515,956 คน โดยมียอดการใช้จ่ายสะสม 31,777 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินที่ประชาชนจ่าย 16,226 ล้านบาท และภาครัฐร่วมจ่ายอีก 15,551 ล้านบาท ยอดใช้จ่ายเฉลี่ย 184 บาทต่อครั้ง จังหวัดที่มีการใช้จ่ายสะสมมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ กรุงเทพมหานคร สงขลา นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี และชลบุรี ตามลำดับ  



นักวิเคราะห์ของสหรัฐฯ เผยจีนส่งมอบวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ให้ผู้นำเกาหลีเหนือ



          นายแฮร์รี คาเซียนิส ผู้เชี่ยวชาญเรื่องเกาหลีเหนือประจำสถาบันเดอะเนชันแนล อินเทอเรสต์ (The National Interest)ในรัฐวอชิงตัน สหรัฐฯเขียนบทความเว็บไซต์ออนไลน์ชื่อว่า 19FortyFive อ้างแหล่งข่าวกรอง 2 คนของญี่ปุ่นว่า ประเทศจีนได้ส่งมอบวัคซีนให้กับนายคิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือและครอบครัวสำหรับฉีดป้องกันโรคโควิด-19 ระบุว่านายคิม จองอึน พร้อมบุคคลในครอบครัวและเจ้าหน้าที่ระดับสูงหลายคนของเกาหลีเหนือได้ฉีดวัคซีนนั้นแล้วในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา



          เบื้องต้นยังไม่ชัดเจนว่าทางการจีนส่งมอบวัคซีนจากบริษัทใดให้กับนายคิม จองอึนและครอบครัว หรือมีความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการป้องกันโรคมากน้อยเพียงใด นอกจากนั้น นายคาเซียนิส อ้างอิงนายปีเตอร์ เจ.โฮเตซ นักวิทยาศาสตร์ด้านการแพทย์ของสหรัฐฯ ระบุว่าในปัจจุบัน บริษัทจีนอย่างน้อย 3 แห่งอยู่ระหว่างการพัฒนาวัคซีน คือบริษัทซิโนวัค ไบโอเท็ค,บริษัทแคนซิโนไบโอ และบริษัทซิโนฟาร์ม กรุ๊ป ด้านบริษัทซิโนฟาร์ม ระบุว่าที่ผ่านมาบริษัทฯได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ให้กับประชาชนเกือบหนึ่งล้านคนในประเทศจีน แม้ว่าที่ผ่านมายังไม่มีบริษัทใดของจีน ที่ทำการวิจัยวัคซีนในเฟสที่ 3 หรือเฟสสุดท้าย จนเสร็จสมบูรณ์ก็ตาม



          เกาหลีเหนือ ไม่ยืนยันว่า มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในเกาหลีเหนือหรือไม่ แต่สำนักข่าวกรองแห่งชาติของเกาหลีใต้(NIS) ระบุว่า มีความเป็นไปได้ที่โรคโควิด-19 อาจแพร่ระบาดในเกาหลีเหนือเช่นกัน เนื่องจากเกาหลีเหนือมีการติดต่อค้าขายกับประเทศจีน ซึ่งเป็นต้นตอของการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และประชาชนมีการเดินทางไปมา ก่อนที่เกาหลีเหนือสั่งปิดชายแดนเมื่อปลายเดือนม.ค.2563

ข่าวทั้งหมด

X