สถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด-19ในประเทศไทย พบว่า เป็นผู้ที่ลักลอบเดินทางเข้ามาจากประเทศเมียนมา คนแรกเป็นหญิงสาวที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่จังหวัดเชียงใหม่ ล่าสุดนายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นพ.ทศเทพ บุญทอง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงราย นายแพทย์ไชยเวช ธนไพศาล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ ยืนยันผลตรวจ พบว่า หญิงสาว 2 คน อายุ 29 ปี ชาว อ.ขุนตาล จ.เชียงราย และ 23 ปี ชาว จ.พะเยา ที่ได้เดินทางข้ามพรมแดนมาพร้อมกับหญิงสาวที่ติดเชื้อที่จังหวัดเชียงใหม่ ทั้งคู่มีผลตรวจติดเชื้อไวรัสโควิด-19
จากการตรวจสอบประวัติเบื้องต้น หญิงทั้ง 2 คนได้เดินทางข้ามพรมแดนไทยเมียนมาตามช่องทางธรรมชาติ จากนั้นได้เข้าพักที่โรงแรมแม่สายอินน์ จนกระทั่งทราบว่าหญิงสาวที่เดินทางมาด้วยกันติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่เชียงใหม่ จึงได้รู้สึกไม่สบายใจและได้เดินทางมาตรวจที่โรงพยาบาลกรุงเทพ เชียงราย จากนั้นได้ส่งตัวมาที่โรงพยาบาลศูนย์เชียงรายประชานุเคราะห์เพื่อตรวจหาเชื้อและพบว่าทั้ง 2 คนติดเชื้อ และได้ทำการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ ทั้ง 2 คนอาการไม่รุนแรง
ด้านนพ.ทศเทพ กล่าวว่า ส่วนผู้ใกล้ชิดผู้ติดเชื้อ ทั้งหญิงสาวที่เดินทางไปจังหวัดเชียงใหม่ และหญิงสาวทั้ง 2 คนที่ตรวจพบเชื้อในจังหวัดเชียงราย มีผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง 21 ราย ซึ่งติดตามได้ทั้งหมดแล้ว และอยู่ในระหว่างการตรวจหาเชื้อ
นอกจากนี้ยังพบว่า ทั้ง 2 คนที่พบเชื้อในจังหวัดเชียงรายได้สั่งอาหารจากฟู้ดดิลิเวอรี่ จึงจะต้องติดตามพนักงานส่งอาหารมาตรวจโรคด้วย ซึ่งคาดว่าจะต้องติดตามตัวอีกรวมกันกับกลุ่มแรกแล้วประมาณ 30 คน
ซึ่งในกลุ่มเคสนี้ไม่น่าเป็นห่วงเพราะว่าไม่ได้เดินทางไปในแหล่งชุมชนที่ใด ซึ่งต่างจากกรณีในจังหวัดเชียงใหม่ที่เดินทางไปตามสถานที่ท่องเที่ยวและสถานบันเทิงหลายแห่ง
ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า การลักลอบเดินทางเข้ามาตามแนวชายแดนนั้นส่วนใหญ่พบว่า เป็นคนไทยที่ได้ข้ามไปทำงานตามสถานบันเทิงในพื้นที่ จ.ท่าขี้เหล็ก แต่เมื่อมีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้สถานบันเทิงปิดตัว ทำให้ไม่มีงานทำ ประกอบกับกลัวว่าจะติดเชื้อ จึงได้พยายามลักลอบกลับมาประเทศไทย แต่เนื่องจากเดินทางไปยังเมียนมาโดยผิดกฎหมาย จึงไม่สามารถกลับมาตามช่องทางปกติได้ ซึ่งตามกฎหมายของเมียนมามีโทษถึงจำคุก ทำให้บุคคลกลุ่มดังกล่าวต้องหลบหนีกลับประเทศไทยตามเส้นทางธรรมชาติ หรือติดต่อกับนายหน้าเพื่อพาข้ามพรมแดน
ในเบื้องต้นทางฝ่ายไทยก็ได้มีการติดต่อประสานงานกับเมียนมา โดยศูนย์ประสานงานชายแดนส่วนท้องถิ่นไทย-เมียนมา เพื่อหาทางให้กลุ่มบุคคลดังกล่าวกลับเข้ามาตามช่องทางที่ถูกต้องเพื่อจะได้มีการคัดกรองโรคตามขั้นต้องเพื่อป้องกันการแพร่ระบาด ในส่วนมาตรการของจังหวัดก็ได้มีการเข้มงวด และจะได้สั่งการให้นายอำเภอแต่ละอำเภอแจ้งให้ผู้นำชุมชน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ตรวจสอบบุคคลแปลกหน้า และประชาสัมพันธ์ให้บุคคลที่เดินทางกลับมาจากเมียนมาโดยไม่ผ่านการคัดกรอง ให้มารายงานตัวเพื่อจะได้เข้าสู่ระบบการตรวจหาเชื้อและคัดกรองโรค เพื่อความปลอดภัยของชุมชน หากปกปิดหรือหลบซ่อนอาจจะเป็นอันตรายต่อครอบครัวตนเอง และชุมชนได้
ส่วนขบวนการลักลอบข้ามแดนได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดตามขบวนการลักลอบข้ามแดน พบว่า ส่วนใหญ่จะเป็นการติดต่อผ่านชาวเมียนมาที่หลบซ่อนอยู่ในฝั่งประเทศไทย เพื่อนัดจุดที่จะนำผู้หลบหนีมาส่งให้และพาไปยังจุดต่างๆ โดยจะมีการนัดแนะเป็นครั้งไป ไม่ได้เป็นขบวนการ ที่ผ่านมาพบว่า มีการโพสต์ในโซเชียลว่าสามารถนำพาข้ามพรมแดนได้ ครั้งละ 3,000 -5,000 บาท นั้น เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบและโทรฯไปตามหมายเลขดังกล่าวแล้วแต่ไม่สามารถติดต่อได้ ขณะนี้ได้มีการติดตามพฤติกรรมของกลุ่มคนดังกล่าวอยู่ และมีข้อมูลบ้างแล้วอยู่ในขั้นตอนการติดตามจับกุม
ด้าน นายแพทย์ไชยเวช กล่าวว่า โรงพยาบาลเชียงรายศูนย์ประชานุเคราะห์ได้มีการซ้อมแผนเตรียมความพร้อมในการรับมือกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 หลายครั้ง ตามนโยบายของท่านผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ทำให้มีความพร้อมในการรับมือกับผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัส จึงไม่มีความกังวลหากมีผู้ป่วยเข้ามารักษาในโรงพยาบาล