ความคืบหน้าการติดตามผู้สัมผัสผู้ป่วยหญิงไทยอายุ 29 ปีที่จังหวัดเชียงใหม่ มีการติดตามได้เกือบครบแล้ว นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ ครั้งที่ 66/2563 โดยมี นายวีระพันธ์ ดีอ่อน รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ นพ.จตุชัย มณีรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วยคณะกรรมการร่วมประชุม โดยมีวาระสำคัญคือการติดตามความคืบหน้าการติดตามและควบคุมโรคโควิด-19 กรณีหญิงไทยที่จากประเทศเมียนมาตรวจพบว่าติดโควิด-19 เมื่อวันที่ 26 พ.ย.2563
นายวีระพันธ์ ดีอ่อน รอง ผวจ.เชียงใหม่ กล่าวว่า จังหวัดเชียงใหม่ได้มีการยกระดับมาตรการการป้องกันโรค ให้มีความเข้มข้นมากขึ้น เน้นย้ำให้สถานบริการ ร้านขาย ห้างสรรพสินค้า โรงแรม สถานที่ท่องเที่ยว ตลาด รวมถึงแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ให้เข้มงวดในมาตรการการป้องกันโรค ทั้งการคัดกรอกไข้ การล้างมือ การสวมหน้ากากอนามัย 100% การลงทะเบียนด้วยแอปพลิเคชั่น “ไทยชนะ” การเว้นระยะห่าง (Social distancing) การจำกัดจำนวนผู้เข้ารับบริการ ซึ่งในขณะนี้ผู้ป่วยมีอาการดีขึ้น ไม่มีไข้ ไม่มีหอบเหนื่อย จมูกเริ่มได้กลิ่น แต่มีความเครียดอยู่ในระดับสูง ยังคงอยู่ในการดูแลอย่างใกล้ชิดที่โรงพยาบาลนครพิงค์
นพ.กิตติพันธุ์ ฉลอม ผู้ช่วยนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวถึง ความคืบหน้าของทีมสอบสวนโรคและค้นหาผู้สัมผัส พบผู้สัมผัสทั้งหมด จำนวน 306 คน ผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ จำนวน 149 คน และผู้สัมผัสอื่นๆ จำนวน 72 คน ได้รับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 แล้ว จำนวน 88 คน ผลตรวจเป็นลบทั้งหมด สำหรับผู้สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงสูง จำนวน 85 คน ผลการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ยืนยันไม่พบเชื้อ จำนวน 82 คน แต่ยังคงต้องติดตามตัวผู้สัมผัสเสี่ยงสูงอีก 3 คน คือ ผู้ที่โดยสารรถประจำทางบริษัทกรีนบัส เชียงราย-เชียงใหม่ ในวันที่ 24 พฤศจิกายน 2563 เวลา 11.00 – 15.00 น. จำนวน 2 คน และคนขับรถ Grab Car รับจากดีคอนโด ไปส่งที่ คิงส์เวย์ โฮสต์แอนด์คาราโอเกะ ในคืนวันที่ 24 พฤศจิกายน 2563 ขอให้ติดต่อสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ที่โทร 084-8053131 , 084-8052121
ผู้สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงสูงที่ไม่มีอาการจะต้องกักตัวทุกคน หากไม่สามารถกักตัวที่บ้านได้ คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ได้จัดสถานที่กักกันผู้สัมผัสใกล้เสี่ยงสูงไว้แล้ว และมีผู้เข้ากักกันตนจำนวน 5 คน ทุกคนจะต้องสังเกตอาการผิดปกติอย่างใกล้ชิด หากมีอาการผิดปกติจะถูกตรวจหาเชื้อซ้ำและแยกกักในโรงพยาบาล ผู้สัมผัสที่กักกันตนที่บ้านจะมีการประสานงานให้ทางโควิดหมู่บ้านเข้าไปดูแลและตรวจประเมินจนครบ 14 วันหลังสัมผัสผู้ป่วย
สำหรับผู้ที่ไปในสถานที่เดียวกับผู้ป่วย ขอให้กักกันตนเองจนกระทั่งครบ 14 วันหลังวันสัมผัส สำหรับผู้ที่ไม่มีอาการ ให้โทรนัดหมายเพื่อตรวจในวันที่ 1 ธันวาคม 2563 (ตามระยะฟักตัวเฉลี่ย) โดยหากพบอาการผิดปกติระหว่างการกักกันให้รีบพบแพทย์และแจ้งประวัติความเสี่ยงต่อบุคลากรทางการแพทย์ เพื่อขอรับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ได้ที่โรงพยาบาลทุกแห่งในจังหวัดเชียงใหม่ หากมีข้อสงสัยให้ติดต่อทีมตระหนักรู้สถานการณ์ (SAT) สสจ.เชียงใหม่ โทร 084-8053131, 084-8052121
ทั้งนี้ รอง ผวจ.เชียงใหม่ ยังได้สร้างความมั่นใจต่อชาวเชียงใหม่ และผู้ที่มาท่องเที่ยว ว่าทุกฝ่ายได้ร่วมกันทำงานอ่างเต็มที่ โดยเฉพาะสถานที่ที่ผู้ป่วยให้ข้อมูลว่าเดินทางไป เจ้าของสถานที่เหล่านั้นได้มีการทำความสะอาด ฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อทั้งหมดแล้วในทุกจุดที่สัมผัส ช่วงต่อไปก็จะมีการตรวจสอบโดย ศปก.พื้นที่ และ ศปก.จังหวัด อย่างเข้มข้น โดยจะตรวจสอบถึงการปฏิบัติว่ามีการละเลยในการคัดกรองโรค มีการปฏิบัติตามมาตรการควบคุมโรคหากละเลยไม่ปฏิบัติก็จะถูกสั่งให้งดใช้สถานที่ ก็จะใช้อำนาจตามกฎหมายโดยเคร่งครัด
นอกจากนี้คณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อได้เชิญผู้ประกอบการหลายแห่งมาทำบันทึกข้อตกลงและทำความเข้าใจในเรื่องของการปฏิบัติให้ชัดเจนเข้มข้นมากยิ่งขึ้น รวมถึงการประชุมวันนี้ได้มีมติให้อำเภอดอยสะเก็ดและอำเภอแม่อายตั้งด่านตรวจคัดกรองโรคโควิด-19 เพื่อตรวจสอบผู้ที่จะเดินทางผ่านเข้าจังหวัดเชียงใหม่ด้วย
....
PR Chiangmai