*1ใน3นายพลรู้ตัวคนปล่อยข่าวลาออกก่อนเกษียณ/ลดราคาแอลพีจี/เด็กๆได้นั่งเก้าอี้นายกฯ

05 มกราคม 2558, 19:54น.


สรุปข่าว 19.35 น



+++พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม เผยรู้ตัวคนปล่อยข่าว 3 นายพล ใน ครม.จะลาออกก่อนเกษียณอายุราชการ เเต่ยังไม่มั่นใจ ขอตรวจสอบให้ชัด  ระบุไม่อยากสร้างปัญหาให้นายกฯ ในเรื่องนี้ เเม้ประเมินข่าวนี้ว่า น่าจะมาจากไหน เเต่ไม่ขอตอบ  เมื่อถามว่า คนให้ข่าวนี้ยังให้ข่าวว่า คสช.จะทำงานเลยโรดเเมปจึงต้องจัดทัพล่วงหน้า พล.อ.ไพบูลย์ ตอบว่า ควรถามนายกฯ เอง

สำหรับ 3 นายพล ได้แก่ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์ และรองผู้บัญชาการทหารบก (รองผบ.ทบ.) พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด และรมว.ยุติธรรม พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ หัวหน้าคณะนายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำผู้บังคับบัญชา และรมช.ศึกษาธิการ ซึ่งเป็น 1 ใน 3 นายพลทหารที่เป็นข่าว



+++ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจ กล่าวถึงกรณีที่บริษัทเค วอเตอร์ของเกาหลีใต้ผ่านการประมูลโครงการบริหารจัดการน้ำของรัฐบาลชุดก่อน แต่ยังไม่สามารถดำเนินการได้เพราะติดปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อมที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญว่า รัฐบาลและคสช.พร้อมทำสัญญาต่อเนื่องจากรัฐบาลชุดก่อน แต่ทางบริษัทจะต้องแก้ปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อมและการทำประชามติของคนในพื้นที่ก่อน หากเปิดประมูลเมื่อใด พร้อมจะเชิญเข้าร่วมการประมูล ซึ่งทางเกาหลีก็เข้าใจและพร้อมข้าร่วมการประมูลในครั้งต่อไป ส่วนเงินเฟ้อต่ำสุดในรอบ 10 เดือน ว่าสืบเนื่องมาจากการจ่ายเงินเยียวยาให้กับชาวนาและชาวสวนยาง รวมถึงการกระตุ้นการท่องเที่ยวในช่วงนี้ ส่วนกรณีนักวิชาการแสดงความเป็นห่วงเศรษฐกิจในปี 2558 นั้น โดยรวมแล้วเศรษฐกิจมีแนวโน้มดีขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง เพราะโรงงานเปิดตัวมากขึ้น สะท้อนถึงการลงทุนของไทยที่ดีขึ้น แต่ยอมรับว่าในช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมาเศรษฐกิจซบเซา แต่หลังจากนั้นขยับตัวดีขึ้นเรื่อยๆ



+++นายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา กล่าวกรณีที่ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เตรียมพิจารณาถอดถอนกรณีแก้ไขรัฐธรรมนูญในประเด็นที่มาของ ส.ว.โดยมิชอบด้วยกฎหมาย โดยมีการแถลงเปิดคดีในวันที่ 8 ม.ค.นี้ ว่า ส่วนตัวไม่รู้สึกวิตกกังวลในเรื่องนี้  พร้อมสู้คดีไปตามข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายในทุกประเด็น โดยแนวทางการต่อสู้คดีส่วนใหญ่จะใช้หลักฐานและเอกสารต่างๆ แบบที่เคยใช้ต่อสู้คดีในชั้นของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และในวันที่ 8 ม.ค.ตนก็พร้อมจะเดินทางมาชี้แจงกับทาง สนช.ด้วยตัวเอง เพื่อจะได้อธิบายเหตุผลทุกเรื่องให้ สนช.ได้รับทราบในทุกประเด็นด้วย



+++นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงความคืบหน้าของคณะทำงานร่วมพิจารณาข้อไม่สมบูรณ์ในสำนวนคดีอาญา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กรณีไม่ระงับยับยั้งความเสียหายโครงการรับจำนำข้าว ระหว่างฝ่ายอัยการสูงสุด (อสส.) และฝ่าย ป.ป.ช. ว่า หลังการสอบพยานบุคคล เสร็จสิ้นแล้ว ดังนั้นจะเหลือแค่เรื่องรายการเอกสารเพิ่มเติมอีก 4 รายการ โดยคณะทำงานฝ่าย ป.ป.ช. ได้ติดต่อไปยังหน่วยงานต้นสังกัดแล้ว คาดว่าในสัปดาห์นี้คงจะได้เอกสารมา ซึ่งต้องดูรายละเอียดในเอกสารก่อนว่าจำเป็นต้องสอบบุคคลเพิ่มเติมยืนยันข้อเท็จจริงในเอกสารดังกล่าวหรือไม่ แต่คาดว่าในอีก 2สัปดาห์ คงจะสามารถนำเข้าสู่ที่ประชุมร่วมกันว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป และมีความเป็นไปได้ที่จะเสร็จสิ้นภายในเดือนมกราคมนี้



+++นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นหนังสือถึงประธานและคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) เพื่อขอให้ตรวจสอบการกำหนดราคากลางที่แพงเกินเหตุ และเอาผิดกระบวนการใช้จ่ายงบประมาณในการจัดทำหรือจัดซื้อจัดจ้าง หรือการดำเนินโครงการจ้างเหมาจัดทำสติ๊กเกอร์ไลน์ เพื่อเผยแพร่ค่านิยมหลักคนไทย 12 ประการ โดยใช้วงเงินงบประมาณ 7,117,400 บาท กำหนดราคากลาง 7,117,353.24 บาท โดยมีการระบุรายชื่อผู้กำหนดราคากลาง ซึ่งเป็นนักวิชาการคอมพิวเตอร์ชำนาญการ 5 คน ซึ่งการกำหนดราคากลางขึ้นมาเองนั้นถือว่าเป็นประเด็นปัญหา เนื่องจากไม่เปิดเผยข้อมูลรายละเอียดใดๆถึงที่มาและเหตุผลของการกำหนดราคากลางที่แพงกว่าการดำเนินธุรกิจการค้าในลักษณะเดียวกันของเอกชนทั่วไปน่าจะมิชอบด้วยกฎหมายป.ป.ช. อีกทั้งไม่คุ้มค่ากับสิ่งที่จะได้รับและไม่ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย สิ้นเปลือง ขัดหลักคุณธรรมจริยธรรมและนโยบายเศรษฐกิจพอเพียง



+++เรื่องป้ายไฟโฆษณาบนป้อมจราจร พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รอง ผบ.ตร. ในฐานะคณะกรรมการการกำหนดนโยบาย การใช้อาคาร สถานที่ และที่ดินของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า  หลังสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มีการยื่นหนังสือถึงกรมธนารักษ์ เพื่อสอบถามในกรณีนี้ โดยกรมธนารักษ์ได้มีหนังสือตอบกลับ ยืนยันกลับมาแล้วว่า ป้ายโฆษณาส่วนใหญ่เกือบ 100% ที่ตั้งอยู่บนป้อมจราจร ที่มีรั้วรอบขอบชิดนั้น เป็นที่ของราชพัสดุ ซึ่งมีความผิดอย่างแน่นอน แต่อีกส่วนคือ เป็นที่ของเอกชนซึ่งอยู่ระหว่างการสอบสวน ในวันพรุ่งนี้ เวลา 09.30 น. จะมีการประชุมเพื่อให้ได้ข้อสรุปอย่างชัดเจนว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป



+++ความคืบหน้าคดียักยองเงินสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) นายถวิล พึ่งมา อดีตอธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง เข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนกองปราบปราม ในคดียักยอกเงินสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบังกว่า 1,600 ล้านบาท นานกว่า 5 ชั่วโมง โดยพนักงานสอบสวนได้ซักถามข้อมูลการเงินของสถาบันในยุคที่ตนดำรงตำแหน่งเป็นอธิการบดีระหว่างปี 2555-2556 เบื้องต้นได้ชี้แจงรายละเอียดเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ พร้อมนำหลักฐานเอกสารที่มีลายเซ็นของตนมาตรวจเปรียบเทียบว่ามีการปลอมแปลงหรือไม่ ส่วนตัวจำไม่ได้ว่าเซ็นเช็คไปกี่ฉบับ



+++แต่เชื่อว่ามากกว่า 100ฉบับ และก่อนที่ตนจะเป็นอธิการบดีเมื่อปี 2555 นางสาวอำพร น้อยสัมฤทธิ์ ก็ดำรงตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการส่วนคลังของสถาบันฯ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้มีอำนาจลงนามในการอนุมัติเบิกจ่ายเงินของสถาบัน  ส่วนการโอนเงินไปยังบัญชีธนาคารที่ให้ดอกเบี้ยสูงกว่านั้น ถือเป็นเรื่องปกติของสถาบัน ที่ผ่านมาไม่เคยติดใจสงสัยพฤติกรรมของนางสาวอำพร อีกทั้งนางสาวอำพรเคยมีความพยายามจะขอลาออกตั้งแต่ช่วงกลางปี 2556 เนื่องจากปัญหาสุขภาพ ส่วนนายทรงกลด ศรีประสงค์ อดีตผู้จัดการธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาบิ๊กซี ศรีนครินทร์ นั้นไม่ได้สนิทสนม รู้จักเพียงในฐานะลูกค้าที่เคยฝากถอนเงินเท่านั้น   ขณะที่ รศ.ดร.กิตติ ตีรเศรษฐ อดีตอธิการบดี สจล.รวมทั้ง ผศ.สมศักดิ์ คูหาสวรรค์เวช อดีตผู้ช่วยอธิการบดี สจล.ซึ่งดำรงตำแหน่งเมื่อปี 2555 ยังไม่เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน บก.ป.โดยอ้างว่าติดภารกิจ และยังไม่ได้รับการประสานติดต่อจากพนักงานสอบสวน แต่หากมีการเชิญตัวเข้าให้ข้อมูลก็พร้อมจะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่     



+++อุบัติเหตุทางถนนสะสม 6 วัน (30 ธ.ค.57 – 4 ม.ค. 58) เกิดอุบัติเหตุรวม 2,733 ครั้ง ผู้เสียชีวิตรวม 302 ราย ผู้บาดเจ็บรวม 2,843 คน จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต (ตายเป็นศูนย์) มี 4 จังหวัด ได้แก่ ตรัง นราธิวาส สิงห์บุรี และนครพนม จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ 122 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ 15 ราย จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ 119 คน



+++ราคาก๊าซหุงต้มตลาดโลกร่วงเหลือ 425 ดอลลาร์สหัฐ/ตัน กระทรวงพลังงานเตรียมประกาศราคาแนะนำใหม่คาดลดลงจากราคาขายปลีก 24.16 บาท/กก. คาดว่า การประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน หรือ กบง.ในวันที่ 7 ม.ค.นี้ ซึ่งคาดจะมีการเปลี่ยนแปลงเรื่องเงินกองทุนน้ำมันทั้งเก็บจากน้ำมันและแอลพีจี อาจะส่งผลให้ราคาแอลพีจีประกาศราคาลดลง



+++วิกฤตกรีซ กลับมาบั่นทอนความเชื่อมั่นของนักลงทุน ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดลดลง42.06 จุด ที่ 17,408.71 จุด



+++เช่นเดียวกับ ตลาดหุ้นไทยปิดช่วงบ่ายที่ระดับ 1,483.25 จุด ลดลง 14.42 จุด มูลค่าการซื้อขาย  29,721.99 ล้านบาท



+++ดัชนีฮั่งเส็งลดลง 136.50 จุด ปิดที่ 23,721.32 จุด



+++รัฐบาลเตรียมจัดงานวันเด็กปีนี้ โดยเปิดทำเนียบฯ ต้อนรับ  ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันที่ 6 ม.ค.หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะประชุมเตรียมจัดงานวันเด็กที่ทำเนียบรัฐบาล โดยในปีนี้จะโอกาสให้ผู้ปกครองและเด็กเยี่ยมชมตึกไทยคู่ฟ้า และเปิดห้องทำงานนายกรัฐมนตรีให้นั่งเก้าอี้นายกฯ ได้ด้วย ส่วนนายกฯ จะเดินทางมาร่วมกิจกรรมกับเด็กๆ ที่ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังเป็นประธานพิธีเปิดงานวันเด็ก ในเวลา 09.00 น. ที่สนามเสือป่า  



+++เจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นกล่าวแนะนำประชาชนเคี้ยวโมจิให้ช้าลง หลังมีรายงานผู้เสียชีวิต 3 คนเนื่องจากกินโมจิติดคอในกรุงโตเกียว และยอดผู้เสียชีวิตมีอย่างน้อย 9 คนทั่วประเทศ แป้งโมจิของญี่ปุ่นซึ่งทำจากแป้งข้าวเหนียว เป็นอาหารพื้นบ้านของชาวญี่ปุ่นที่นิยมรับประทานในวันสำคัญ เช่น เทศกาลปีใหม่ โดยนำแป้งโมจิย่างมาประกอบอาหารได้ทั้งคาวและหวาน เช่น ใส่ในซุปอาหาร หรือขนมถั่วแดง แต่ด้วยความที่เป็นแป้งเหนียวอาจทำให้ติดคอและหายใจไม่ออกจนถึงขั้นเสียชีวิตได้ เจ้าหน้าที่จึงแนะนำประชาชนให้ตัดแป้งโมจิเป็นชิ้นเล็กก่อนแล้วค่อยเคี้ยวอย่างช้าๆ และเรียนรู้วิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้น 

ข่าวทั้งหมด

X