ญี่ปุ่นมีผู้เสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายเมื่อเดือนที่แล้วมากกว่าผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ในปีนี้

          สำนักงานตำรวจญี่ปุ่น รายงานว่า ในเดือนตุลาคมของปีนี้ (2563) มีผู้เสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายมากถึง 2,153 ราย ซึ่งเป็นจำนวนมากกว่าผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ตลอดทั้งปีซึ่งมีจำนวน 2,042 รายและเป็นไปตามที่ผู้เชี่ยวชาญเตือนไว้ก่อนหน้านี้ว่าวิกฤตโรคระบาดอาจนำไปสู่วิกฤตสุขภาพจิต เมื่อบุคคลต้องกลายเป็นผู้ว่างงาน ทั้งต้องเผชิญกับสภาพสังคมที่มีความห่างเหิน และความวิตกกังวล ซึ่งเป็นปัญหาที่กำลังส่งผลกระทบต่อผู้คนทั่วโลก

          ญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในประเทศเศรษฐกิจหลักไม่กี่แห่งที่เปิดเผยข้อมูลการฆ่าตัวตาย และปัจจัยแวดล้อม ซึ่งทำให้ประเทศอื่น ๆ สามารถไปใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาเพื่อออกมาตรการทางสังคมได้ โดยในสถานการณ์ของโควิด-19 นี้          นางมิจิโกะ อุเอดะ รองศาสตราจารย์ จากมหาวิทยาลัยวาเซดะ กล่าวว่า ญี่ปุ่นไม่มีมาตรการล็อกดาวน์ที่เข้มงวดและมีผลกระทบจากโควิด-19 เพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ แต่กลับมีอัตราการฆ่าตัวตายเพิ่มขึ้นอย่างมาก นั่นแสดงให้เห็นว่าประเทศอื่น ๆ อาจเห็นจำนวนการฆ่าตัวตายที่ใกล้เคียงกันหรือมากกว่านี้ในอนาคต

          ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีอัตราการฆ่าตัวตายที่สูงที่สุดในโลกมานานแล้วตามรายงานขององค์การอนามัยโลก โดยในปี 2559 ญี่ปุ่นมีอัตราการเสียชีวิตจากการฆ่าตัวตาย 18.5 ต่อ 100,000 คน ขณะที่ค่าเฉลี่ยทั่วโลกอยู่ที่ 10.6 ต่อ 100,000 คน โดยมีสาเหตุมาจากความซับซ้อนทางสังคม ชั่วโมงการทำงานที่ยาวนาน ความกดดันในโรงเรียน การเหินห่างทางสังคมและปัญหาสุขภาพจิตล้วนถูกอ้างว่าเป็นปัจจัยร่วม ทั้งพบว่าผู้หญิงฆ่าตัวตายมากกว่าผู้ชาย

          กลุ่ม CARE ซึ่งให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ที่พยายามฆ่าตัวตายเปิดเผยว่า ผู้หญิงส่วนใหญ่จะทำงานพาร์ทไทม์ซึ่งเป็นกลุ่มแรกๆ ที่ถูกปลดออกจากงานเมื่อมีสถานการณ์โควิด-19 ทำให้เกิดความเครียดสูง ทั้งมักจะไม่ได้รับค่าตอบแทนที่เพิ่มสูงขึ้นตามระดับการศึกษา หรือหากเป็นแม่บ้านก็จะมีความกังวลเกี่ยวกับสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของเด็ก ๆ ตลอดเวลา

          นอกจากนี้ศูนย์สุขภาพเด็กและการพัฒนาการแห่งชาติของญี่ปุ่นยังรายงานด้วยว่า เด็กชาวญี่ปุ่นซึ่งเดิมมีระดับความเครียดที่สูงอยู่แล้ว ยิ่งมีความเครียดมากขึ้นเมื่อปิดโรงเรียน โดยมีกรณีที่เด็กอายุเพียง 5 ปีแจ้งขอความช่วยเหลือผ่านสายด่วนของกลุ่มองค์กรเอกชน

....