อิหร่านพร้อมตอบโต้อิสราเอลที่สังหารนักวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์

          ประธานาธิบดีฮัสซัน รูฮานี ของอิหร่านกล่าวโทษอิสราเอลว่าเป็นผู้สังหารนายโมห์เซน ฟาครีซาเดห์ นักวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์ชั้นนำของประเทศ และหัวหน้าองค์กรวิจัยและนวัตกรรมของกระทรวงกลาโหม เมื่อวันศุกร์ (27 พ.ย.) ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งประธานาธิบดียืนยันว่าเหตุการณ์นี้จะไม่เป็นเหตุให้อิหร่านต้องชะลอโครงการนิวเคลียร์ของประเทศ ทั้งจะตอบโต้การสังหาร โดยในแถลงการณ์ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดี ระบุว่าการลอบสังหารนักวิทยาศาสตร์ คือการแสดงให้เห็นถึงความสิ้นหวังของศัตรูและความเกลียดชัง

          ด้านอยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน ทวีตข้อความเรียกร้องให้มีการลงโทษผู้โจมตี และผู้ที่สั่งการ

          และนายโมฮัมหมัด จาวัด ซารีฟ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของอิหร่าน เรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศร่วมกันประณามการกระทำที่เป็นการก่อการร้ายต่อรัฐ

          นายมาจิด ทักฮ์ต ราวานชี เอกอัครราชทูตอิหร่านประจำสหประชาชาติ ส่งจดหมายถึงนายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ ระบุว่าสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านมีอำนาจที่จะใช้มาตรการที่จำเป็นทุกอย่างในการปกป้องประชาชนและผลประโยชน์ของอิหร่าน ซึ่งทำให้นายกูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติเรียกร้องคู่กรณีมีความยับยั้งชั่งใจเพื่อไม่ให้สถานการณ์เพิ่มความรุนแรง

          โดยเมื่อวานนี้ (28 พ.ย.) สถานทูตอิสราเอลทั่วโลกยังได้รับการแจ้งเตือนภัยในระดับสูง

          เดอะ นิวยอร์ค ไทมส์ สื่อในสหรัฐฯ รายงานโดยอ้างคำพูดของเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ 3 คนรวมถึงเจ้าหน้าที่ข่าวกรอง 2 คนว่าอิสราเอลอยู่เบื้องหลังการโจมตี โดยก่อนหน้านี้อิสราเอลกล่าวหาว่านายฟาครีซาเดห์ เป็นกุญแจสำคัญในโครงการอาวุธนิวเคลียร์แอบแฝง และนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ยังเคยกล่าวย้ำชื่อของนายฟาครีซาเดห์ในระหว่างการแถลงข่าวเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านในเดือนเมษายน 2561

          ข่าวการลอบสังหารยังเกิดขึ้นท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับการที่อิหร่านครอบครองยูเรเนียมเสริมสมรรถนะเพิ่มขึ้นซึ่งเป็นส่วนประกอบที่สำคัญสำหรับการผลิตพลังงานนิวเคลียร์พลเรือนและอาวุธนิวเคลียร์ทางทหาร

          ด้านนายจอห์น เบรนแนน อดีตหัวหน้าสำนักงานข่าวกรองกลางสหรัฐฯ (ซีไอเอ) กล่าวว่าการสังหารนักวิทยาศาสตร์เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายและประมาทอย่างยิ่ง ทำให้เกิดความเสี่ยงว่าความขัดแย้งในภูมิภาคจะรุนแรงขึ้น

          และกระทรวงการต่างประเทศของเยอรมนีได้เรียกร้องให้ทุกฝ่ายละเว้นจากการกระทำใด ๆ ที่อาจทำให้สถานการณ์บานปลายต่อไป ทั้งแนะนำคณะบริหารชุดใหม่ของสหรัฐฯที่จะเข้ารับตำแหน่งในเดือนมกราคมว่า สิ่งสำคัญคือต้องรักษาขอบเขตการเจรจากับอิหร่านเพื่อให้ข้อพิพาทเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านสามารถแก้ไขได้ด้วยการเจรจา

....