ผลศึกษาพบชาวอเมริกันส่วนใหญ่มีสารภูมิต้านทานต่ำ เสี่ยงติดโรคโควิด-19

27 พฤศจิกายน 2563, 18:14น.


          ผลการศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสาร จามา อินเตอร์นัล เมดิซีน (JAMA Internal Medicine) โดยสมาคมแพทย์อเมริกันระบุว่า ยังคงไม่มีใครรู้แน่ชัดว่า ในปัจจุบันมีประชาชนกี่คนในสหรัฐฯที่มีเชื้อโรคโควิด-19 ในร่างกาย พร้อมนำเสนอผลศึกษาใหม่โดยทีมนักวิจัยจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ ร่วมกับนักวิจัยจากเควสท์ ไดแอกนอสติกส์ บริษัทตรวจโรคโควิด-19 รายใหญ่ของสหรัฐฯ, บริษัทไบโอเรเฟอเรนซ์ ลาบอไรทส์และบริษัทไอซีเอฟ อิงค์ พบว่า ชาวอเมริกันส่วนใหญ่ไม่มีสารภูมิต้านทาน (แอนติบอดี)ในร่างกาย ทำให้เป็นกลุ่มเสี่ยงต่อการติดโรคโควิด-19



          ทั้งนี้ ผลการตรวจน้ำเหลืองของเลือดจากกลุ่มประชากรตัวอย่าง 178,000 คนจาก 50 รัฐทั่วประเทศสหรัฐฯ รวมทั้งเขตโคลัมเบียในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.และเครือรัฐเปอร์โตริโก ของสหรัฐฯ แบ่งช่วงเวลาการเก็บรวบรวมข้อมูล 4 ระยะ ระยะแรก ระหว่าง 27 ก.ค.-13 ส.ค. ระยะที่ 2 ระหว่างวันที่ 10-27 ส.ค. ระยะที่ 3 ระหว่างวันที่ 24 ส.ค.-10 ก.ย.และระยะที่ 4 ระหว่างวันที่ 7-24 ก.ย.ทีมวิจัยพบสารภูมิต้านทานในร่างกายของชาวอเมริกันในระดับต่ำคือ ระหว่างร้อยละ 0-23.3



          ทีมวิจัยพบว่า ร้อยละ 9 ของชาวอเมริกัน เสี่ยงกลับมาป่วยโควิด-19 อีกครั้ง แม้จะหายป่วยจากโรคโควิด-19 แล้วก็ตาม แต่ทีมนักวิจัยยังเชื่อว่า พลาสมาของผู้ป่วยกลุ่มนี้จะมีสารภูมิต้านทานในร่างกาย ซึ่งช่วยยับยั้งโรคโควิด-19



          นอกจากนี้ ทีมวิจัยพบว่าระดับภูมิคุ้มกันของชาวอเมริกันในแต่ละพื้นที่จะไม่เท่ากัน เช่นระดับภูมิคุ้มกันโรคอยู่ในระดับต่ำที่สุดสำหรับประชาชนในรัฐนิวยอร์กและรัฐนอร์ทดาโกตา แต่ระดับภูมิคุ้มกันโรคโดยเฉลี่ยอยู่ในระดับค่อนข้างสูงสำหรับประชาชนในรัฐจอร์เจียและรัฐมินนิโซตา ในปัจจุบัน สหรัฐฯมีผู้ป่วยสะสม 13,249,447 คน เสียชีวิต 269,597 ราย



Cr: CNN, Washington Post

ข่าวทั้งหมด

X