การควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือโควิด-19 ของประเทศไทย ล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ชี้แจงผ่านเฟซบุ๊ก ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha เรื่องโควิด-19 และความสำเร็จของประเทศไทย ตอนหนึ่งระบุว่า ไทยกำลังเตรียมตัวสำหรับเฟสถัดไป ในการบริหารจัดการกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เพื่อไม่ให้โรคร้ายนี้สร้างปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง และสร้างความยากลำบากในความเป็นอยู่ของประชาชนคนไทยไปมากกว่านี้
วิธีจัดการกับวิกฤตโควิด-19ในระยะยาว คือ การมีวัคซีนป้องกัน และจะต้องกระจายไปยังประชาชนให้ได้อย่างทั่วถึง ซึ่งในวันพรุ่งนี้ จะมีการลงนามเพิ่มเติมในอีกหนึ่งข้อตกลง เพื่อสั่งซื้อวัคซีนนี้ โดยเมื่อ 2-3 วันก่อนมีข่าวดี ที่มหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด และบริษัทแอสตราเซเนกา ได้ประกาศถึงความสำเร็จในการพัฒนาวัคซีนแล้ว ซึ่งมีประสิทธิภาพในการป้องกันโควิด-19ได้ถึงร้อยละ70-90 อยู่ในระดับที่ “ดีมาก”
นอกจากนั้น วัคซีนที่มหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด และบริษัทแอสตราเซเนกา พัฒนาขึ้นจะสามารถผลิตออกมาได้ในราคาที่ถูกกว่า หากเทียบกับวัคซีนของที่อื่นๆ และสำคัญมากกว่านั้น คือวัคซีนนี้ มีความเหมาะสมกับประเทศไทยมากกว่า เพราะในขณะที่วัคซีนของที่อื่นๆจำเป็นต้องเก็บรักษาในอุณหภูมิ -20 ถึง -70 องศาเซลเซียส ตลอดเวลา ต้องใช้ตู้แช่เย็นที่ออกแบบพิเศษโดยเฉพาะ ทำให้มีข้อจำกัดทางด้านการขนส่งที่จะทำได้อย่างยากลำบากมาก แต่วัคซีนนี้ สามารถเก็บรักษาได้ไม่ยาก ในตู้เย็นธรรมดา ณ อุณหภูมิ 2 ถึง 8 องศาเซลเซียส สามารถขนส่งเพื่อกระจายวัคซีนไปสู่พื้นที่ต่างๆทั่วทุกจังหวัดของไทยเราได้อย่างทั่วถึงและไม่ยุ่งยาก
นายกรัฐมนตรี คาดว่า วัคซีนนี้ น่าจะได้รับการอนุญาตให้ใช้ได้ และผลิตได้ในช่วงกลางปีหน้า ซึ่งถ้าเราเร่งขั้นตอนต่างๆได้ ยิ่งเร็วเท่าไหร่ ก็จะยิ่งทำให้เราสามารถเปิดรับคนจำนวนมากเข้าประเทศได้ และสามารถเริ่มสร้างฟื้นฟูเศรษฐกิจให้กลับมาอีกครั้ง โดยอยู่ระหว่างการวางแผนกระบวนการ และขั้นตอนต่างๆ เพื่อเตรียมการสำหรับการกระจายวัคซีนไปให้ทั่วถึงทุกพื้นที่ของประเทศ ให้ได้อย่างรวดเร็ว ทันทีที่เรา ได้วัคซีน
นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า เพื่อป้องกันไม่เกิดการแพร่ระบาดก่อนที่จะมีวัคซีน ในช่วงเทศกาลเฉลิมฉลองสิ้นปีนี้ จึงขอให้คนไทยทุกคนผู้ที่ได้ร่วมมือ ร่วมใจ เสียสละความสะดวกสบายส่วนตัว ในการยับยั้งและป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 มาตลอดระยะเวลาเกือบหนึ่งปี ได้ช่วยกันอีกครั้งด้วยการสวมหน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือ และรักษาระยะห่างทางสังคม เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการระบาดในประเทศไทย