สถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวในการแถลงข่าวว่า จากกรณีที่ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ได้มีการเก็บพลาสมาจากผู้ที่เคยติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019ในประเทศไทยรักษาหายแล้ว และมีภูมิคุ้มกันต่อโรคโควิด-19 มากกว่า 400 ถุง เพื่อเตรียมไว้สำหรับรักษาผู้ป่วยโรคโควิด-19 แต่ที่ผ่านมาด้วยความที่กระทรวงสาธารณสุข และประชาชนร่วมมือกันอย่างดีทำให้ไม่มีการระบาดของโควิด-19 ในไทย จึงไม่ได้มีการใช้พลาสมาที่เก็บไว้
แต่เมื่อราวๆ 10 วันที่ผ่านมา ได้มีการนำพลาสมาไปรักษาผู้ป่วย 1 คนใน Alternative state quarantine เป็นชาวสวิตเซอร์แลนด์ ที่มีอาการปอดบวมรุนแรง มีค่าออกซิเจนในเลือดต่ำโดยช่วงที่มีอาการหนักสุดจำเป็นต้องให้ออกซิเจนขนาดสูงถึงร้อยละ80 จึงมีการตัดสินใจให้พลาสมาโดยเร็วหลังรับเข้ารักษาในโรงพยาบาล โดยให้ 2 ครั้ง ห่างกัน 2 วัน ตอนนี้ผ่านมา 10 วันล่าสุดผู้ป่วยอาการดีขึ้น สามารถลดค่าออกซิเจนที่ให้ได้ ทั้งนี้ เชื่อว่าผู้ป่วยรายนี้ได้อานิสงส์จากการให้พลาสมาค่อนข้างเร็ว
นอกจากนั้น ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ยังได้มีการนำพลาสมาที่มีภูมิต้านทานโรคโควิด-19 ในระดับสูงไปสกัดทำเป็นเซรุ่มเพื่อใช้ในการป้องกัน และรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ได้ ขณะนี้แบ่งพลาสมาครึ่งหนึ่งของที่มีอยู่มาทำเซรุ่มได้จำนวนทั้งหมดมากกว่า 600 ขวด ขวดละ 2 ซีซี เพื่อสำรองไว้ใช้ยามจำเป็น โดยสามารถเก็บไว้ได้นาน 3 ปี แต่หากเป็นพลาสมาจะเก็บไว้ได้นาน 1 ปี ซึ่งส่วนของ พลาสมาที่ยังเหลืออยู่หากไม่ได้มีการเอามาใช้ก็จะสกัดเป็นเซรุ่มเก็บไว้ด้วย
โดยพลาสมาที่ได้รับจากผู้ที่หายจากโรคและมีภูมิต้านทานสูง จะมีแอนติบอดี้ แต่ต้องให้ระยะแรกที่ผู้ป่วยยังไม่ได้สร้างภูมิต้านทานด้วยตัวเอง และมีอาการรุนแรง การนำเอาพลาสมาทำเป็นเซรุ่ม ก็เช่นเดียวกัน ในเซรุ่มก็จะมีภูมิต้านทานต่อไวรัสก่อโรคโควิด-19 สามารถใช้ได้เช่นเดียวกับการใช้ป้องกันไวรัสตับอักเสบบี เช่น เมื่อถูกเข็มเจาะเลือดผู้ป่วยตำมือ หรือสัมผัสโรค การให้เซรุ่มจำเพาะรักษาโรคพิษสุนัขบ้า
แฟ้มภาพ