ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ศาสตราจารย์ ดร.ถวิล พึ่งมา อดีตอธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) พร้อมด้วย นายสรรพสิทธิ์ ลิ่มนรรัตน์ อดีตผู้ช่วยอธิการบดีฯ เข้าพบ พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช ผกก.1 บก.ป. พ.ต.ท.พงษ์ไสว แช่มลำเจียก พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ กก.1 บก.ป.เพื่อให้ถ้อยคำในคดียักยอกเงินกองกลางสจล.จำนวนกว่า 1,600 ล้านบาท โดยศาสตราจารย์ ดร.ถวิล กล่าวว่า เป็นการให้ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับการบริหารงาน โดยเฉพาะการนำเข้าบัญชี ซึ่งมีการนำเข้าทุกวันและแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ เงินที่ใช้ประจำวัน เงินเก็บ และส่วนที่เป็นเงินเดือนที่จะมีการใส่รหัส ในส่วนที่เป็นเงินคงคลัง ก็แล้วแต่รอบการทำบัญชี หรือดิว กับทางธนาคาร ซึ่งจะมีทั้ง 3 เดือน 6 เดือน หรือ 1 ปี ขึ้นอยู่กับอัตราดอกเบี้ย
สำหรับหน้าที่ลงนามนั้นเป็นหน้าที่ของอธิการบดีกับฝ่ายคลัง แต่ฝ่ายคลังจะมีหน้าที่เก็บบัญชีธนาคาร และเสนออนุมัติ โดยเมื่อครั้งที่อยู่ในตำแหน่งเป็นเวลา 1 ปี 2 เดือนนั้นจะมีขึ้นตอนการตรวจก่อนการอนุมัติ ซึ่งจากการตรวจสอบไม่พบว่าเงินในบัญชีธนาคารสูญหายไป แต่หากว่ามีเงินหายไปเนื่องจากการปลอมแปลงเอกสาร หรือว่ามีการทำรายการทางบัญชีธนาคารปลอม อันนี้ก็ไม่ทราบได้
อดีตอธิการบดี สจล.กล่าวด้วยว่า รู้จักกับ น.ส.อำพร น้อยสัมฤทธิ์ ผอ.ส่วนการคลังของสถาบันฯ ซึ่งเป็นผู้ต้องหาในคดี เพราะต้องทำงานร่วมกันในฐานะผู้ใต้บังคับบัญชา และเคยพบนายทรงกลด ศรีประสงค์ อดีตผู้จัดการธนาคาร แต่ก็ไม่ได้สนิทในทางส่วนตัว ส่วนบุคคลอื่นๆ ที่ปรากฏในข่าวนั้นยืนยันว่าไม่รู้จัก
....