จ.ท่าขี้เหล็ก เมียนมา ตรวจพบผู้ติดเชื้อ 2 คน 1 ในนั้นเคยติดเชื้อมาก่อน
สถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 ที่เมียนมา ทางการท้องถิ่นท่าขี้เหล็ก ตรวจพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในศูนย์กักดูอาการในท่าขี้เหล็ก( Local Quarantine) จำนวน 2 คน อายุระหว่าง 30-25 ปี เป็นคนที่เดินทางมาจากนอกพื้นที่
-คนแรกเป็นตำรวจน้ำที่ประจำอยู่ที่ท่าเรือบ้านโป่ง จ.ท่าขี้เหล็ก ห่างสามเหลี่ยมทองคำ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย 20 กิโลเมตร มีประวัติเดินทางจาก จ.ท่าขี้เหล็ก ไปอบรมที่เมืองย่างกุ้ง และกลับมาท่าขี้เหล็กเมื่อวันที่ 17 พ.ย. 2563 ถูกกักตัวดูอาการในศูนย์ฯพบป่วยและตรวจพบติดเชื้อโควิด-19 จากการตรวจสอบ พบว่า มีประวัติติดเชื้อโควิด-19 มาแล้ว ครั้งนี้ติดเชื้อรอบที่ 2 ส่งรักษาที่โรงพยาบาลท่าขี้เหล็ก
-คนที่ 2 เป็นชายทำงานรับจ้างก่อสร้าง เดินทางมาจากเมืองมัณฑะเลย์เพื่อทำงานพัฒนาปรับปรุงถนน แต่ก่อนทำงานได้กักตัวในศูนย์ฯตามขั้นตอนและตรวจพบเชื้อโควิด-19 รักษาอยู่ที่โรงพยาบาลท่าขี้เหล็ก
จ.เชียงราย เข้มงวด จำกัดคนเข้า-ออก หมั่นตรวจหาเชื้อคนภายในด่านพรมแดน
เจ้าหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติการควบคุมโรค (ศปก.) อ.แม่สาย จ.เชียงราย ประจำด่านพรมแดนจุดผ่านแดนถาวรสะพานมิตรภาพ ไทย-เมียนมา ข้ามลำน้ำสายแห่งที่ 2 เชื่อมจ.ท่าขี้เหล็กของเมียนมา รายงานว่า มีคนไทยที่อาศัยอยู่ฝั่งเมียนมาแจ้งขอเดินทางกลับประเทศ 4 คน ผ่านด่านพรมแดนตรงจุดผ่านแดนถาวรสะพานมิตรภาพ ไทย-เมียนมา ข้ามลำน้ำสายแห่งที่ 2 เป็นแม่ชี 2 คนและเด็ก 2 คน คาดว่าอาจมีผู้ตกค้างขอเดินทางกลับเพิ่มเติมได้
น.ส.ผกายมาศ เวียร์รา รองประธานหอการค้า จ.เชียงราย เปิดเผยสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-เมียนมา ด้าน จ.เชียงรายว่าเจ้าหน้าที่ ศปก.และฝ่ายต่างๆ ยังคงเข้มงวดอย่างหนัก โดยมีการปิดชายแดนตลอดแนวโดยเหลือเพียงสะพานข้ามลำน้ำสายแห่งที่ 2 เพื่อขนส่งสินค้าเท่านั้น แต่ก็มีการจำกัดไม่ให้บุคคลภายนอกเข้าออกและมีการสับเปลี่ยนคนขับที่จะขนสินค้าเข้าไปยังอีกประเทศหนึ่ง รวมทั้งมีการตรวจหาเชื้อในบุคคลที่หมุนเวียนอยู่ภายในด่านพรมแดนอย่างต่อเนื่องและยังไม่พบเชื้อ
ผู้ป่วยเมียนมาที่ จ.ตาก คาดติดเชื้อนานแล้ว ไม่น่าแพร่เชื้อให้คนอื่น
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ รักษาการอธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผย ผลการตรวจสอบบุคคลที่สัมผัสใกล้ชิดแรงงานชาวเมียนมาวัย 48 ปี ในศูนย์อพยพบ้านอุ้มเปี้ยม อ.พบพระ จ.ตาก จำนวน 99 คน พบผลเป็นลบ
ผู้ป่วยคนนี้ เข้ามาอยู่ในประเทศไทยนานแล้ว คาดว่า น่าจะเป็นการติดเชื้อในประเทศ แต่อาจติดแนวชายแดน หรือติดจากเพื่อนชาวเมียนมา แต่ในศูนย์อพยพที่อยู่ค่อนข้างรัดกุมพอสมควร จึงประสานกระทรวงมหาดไทย องค์กรนานาชาติร่วมดูแลพื้นที่ดังกล่าวให้เข้มงวดแล้ว ส่วนอาการป่วยของแรงงานคนดังกล่าว พบอาการระบบทางเดินหายใจ มีน้อย จึงไม่น่ามีการแพร่เชื้อสู่ผู้อื่น แต่เนื่องจาก ผู้ป่วยมีอาการซีด ทำให้ผลเลือดระบบภูมิคุ้มกัน ยังไม่ชัดเจน ทั้ง IgM IgG และสอบประวัติเบื้องต้น ทราบว่าผู้ป่วยชาวเมียนมารายนี้ ส่วนใหญ่อยู่ในป่าเขา ติดต่อภายนอกน้อย ประกอบกับผลตรวจการแบ่งเซลล์ของเชื้อพบปริมาณมาก เบื้องต้นสันนิษฐานว่า น่าจะติดเชื้อมานานแล้ว และไม่แพร่สู่คนอื่น
นายพงศ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก สั่งการให้ทุกอำเภอ ฝ่ายความมั่นคงทั้งหมด ทหาร ตำรวจ ชุด ชรบ. ให้เพิ่มมาตรการต่างๆ เพื่อป้องกันการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย โดยเฉพาะแรงงานต่างด้าวที่ยังอยู่ในประเทศไทยทั้งหมด ที่เดินทางเข้าออกมาจังหวัดตากด้วย
‘อนุทิน’ ชี้แจงซื้อวัคซีนจาก บ.แอสตราเซเนกา ราคาทุนหลอดละ 151บาท
ตัวแทนบริษัท ไฟเซอร์ อิงค์ พร้อมทั้งคณะนักธุรกิจจากสหรัฐฯ ที่จะพบพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯวันที่ 25 พ.ย.2563 จะคุยเรื่องวัคซีนโควิด-19 ด้วยหรือไม่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า นายกฯ เรียกเข้าไปพบเหมือนกัน แต่ขอชี้แจงก่อนว่า เวลานี้เรามีข้อตกลงร่วมกับบริษัท แอสตราเซเนกา และมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ในการร่วมลงทุนพัฒนา ซึ่งสิ่งที่เราได้คือ ราคาอยู่บนหลักการ No Profit No Loss Principle หรือหลักการไม่แสวงหาผลกำไร เขาจะขายราคาต้นทุน อยู่ที่ราคาประมาณ 5 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 151 บาทต่อหลอด เทียบกับวัคซีนจากบริษัทอื่น เช่น บริษัทไฟเซอร์ อิงค์ หรือบริษัท ชิโนแว็ก ปรากฎว่ามีราคาสูงอยู่ ก็เข้าใจได้ว่าที่ราคาสูง เพราะเราไม่ได้ร่วมพัฒนาวิจัยกับเขา
นายอนุทิน ชี้แจงว่า ในขณะนี้ ยังไม่จำเป็นต้องไปขอวัคซีนจากบริษัทอื่นๆ ถ้าเราครอบคลุมกลุ่มเสี่ยงได้แล้ว และเรายังสนับสนุนวัคซีน mRna และการทำงานของคณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีช่องทางจัดหาวัคซีนตรงด้วย
ปลัดสธ. ยืนยัน กลุ่มนักท่องเที่ยวจากกลุ่มประเทศสีขาว กักตัว10 วัน
นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า กรมควบคุมโรค เสนอแนวโน้มความเสี่ยงของแต่ละประเทศต้นทาง
-อัตราการติดเชื้อจากประเทศจีน มีความเสี่ยง 60 คน ต่อ 1 ล้านคน
-ไต้หวัน 25 คน ต่อ 1 ล้านคน
-นิวซีแลนด์ 400 คน ต่อ 1 ล้านคน
-เกาหลีใต้ 557 ต่อ คน1 ล้านคน
-ประเทศที่มีความเสี่ยงใกล้เคียงกับไทยคือจีน มาเก๊า ไต้หวัน เวียดนาม จัดเป็นกลุ่มประเทศสีขาว จึงมีแนวคิดว่าจะเข้ามาไทยและกักตัวน้อยกว่า 14 วัน ได้หรือไม่
ปลัด สธ.กล่าวว่า ต้องมีมาตรการคัดกรองก่อนเดินทาง เมื่อกักตัวครบ 10 วัน ก็จะใช้มาตรการติดตามตัว โดยบริษัทนำเที่ยวต้องสังเกตอาการและรายงานทันที ทางคณิตศาสตร์คำนวณว่าหากเดินทางมาจากกลุ่มประเทศสีขาว 1,000,000 คน เข้าประเทศไทยกักตัว 10 วัน เราจะพบผู้ติดเชื้อรอดหลังจากวันที่ 11 ไปแล้วประมาณ 10-12 คนต่อเดือน เฉลี่ย 2-3 คนต่อสัปดาห์ ระบบเราสามารถดักจับได้ หากหลุดไปในวันที่ 11 นักวิชาการยืนยันว่าเชื้อจะน้อย โอกาสแพร่เชื้อก็จะน้อยตาม เป็นแนวคิดที่ดีว่าจะสามารถทำตรงนี้ได้ ทางวิชาการเองก็รายงานว่าการกักตัว 10 วันและ 14 วัน ไม่ต่างกันมากนัก
นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า หากเราทำได้ดีจาก 10 วันอาจเหลือ 7 วันได้ ก็จะทำให้เกิดการกักตัวรูปแบบเพื่อสุขภาพ (Wellness Quarantine) การใช้สนามกอล์ฟในการกักตัว (Golf Quarantine) แต่เบื้องต้นจะพิจารณาที่ 10 วัน อาจมีพื้นที่และเส้นทางท่องเที่ยวเฉพาะ (Area Quarantine) สำหรับช่วงสังเกตอาการ 11-14 วัน ที่ไม่ปะปนกับผู้อื่น เริ่มในจังหวัดที่มีความพร้อมทั้งการตรวจโควิด-19 ดักจับผู้ติดเชื้อและประชาชนในพื้นที่ เช่น จ.ชลบุรี ที่มีหาดพัทยา สามารถให้ผู้เดินทางเข้ากักตัวเข้าไปในระบบปิดเล็กๆ ขณะนี้มี 10 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย นนทบุรี สมุทรปราการ นครพนม บุรีรัมย์ อำนาจเจริญ กระบี่ ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี และพัทลุง สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้าประเทศได้ในรูปแบบที่เรียกว่า Exclusive Travel Area หรือพื้นที่ท่องเที่ยวพิเศษ แต่รัฐบาลให้เราเริ่มช้าลง โดยให้เริ่มในเดือนม.ค. 2564
ระหว่างนี้จะเจรจากับประเทศจีน เรื่องการทำ Safety to Safety Travel เพื่อให้เกิดการเดินทางระหว่าง 2 ประเทศปลอดภัย โดยมีแพทย์จากไทยไปอยู่ที่จีน และแพทย์จากจีนก็มาอยู่ในไทย เสนอระบบการตรวจ สร้างความไว้วางใจซึ่งกันและกัน คนจีนมีความต้องการเดินทางเข้าประเทศไทย แต่เนื่องจากรัฐบาลจีนเองก็กลัวว่าเดินทางมาอยู่ประเทศไทยแล้วจะนำเชื้อกลับไปจีน แต่หากทำข้อตกลงตามกฎหมาย เป็น Safety to Safety Travel ก็จะสามารถเป็นไปได้ เป็นสิ่งที่เราเสนอไป และในจังหวัดของไทยที่มีความพร้อมก็จะได้รับพิจารณาก่อน และมีระบบในการรองรับ
การต่อสู้กับโควิด-19 เปลี่ยนจากการปกป้อง 100% เป็นการอยู่ร่วมกับโควิด-19 และสร้างความสมดุลระหว่างเศรษฐกิจและสุขภาพ จะทำให้สังคมไทยไปได้ และต้องเกิดพฤติกรรมสุขภาพวิถีใหม่ ทั้งการใช้ชีวิตและการใช้ระบบบริการต่างๆ อย่างไรก็ต้องขอความร่วมมือจากทุกคนในการป้องกันโรค ด้วยการสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือและเว้นระยะห่าง
CR:กระทรวงสาธารณสุข