ทันสถานการณ์โลก 06.30 น. วันอังคารที่ 24 พฤศจิกายน 2563

24 พฤศจิกายน 2563, 06:14น.


จีน กร้าวจะตอบโต้กรณีนายทหารเรือสหรัฐฯเยือนไต้หวัน



          ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ มีความตึงเครียดขึ้นอีกครั้ง หลังจาก พล.ร.ต.นายหนึ่งของสหรัฐฯที่ดูแลเรื่องข่าวกรองทหารในเอเชียแปซิฟิกเดินทางไปเยือนไต้หวัน โดยไม่มีการประกาศข่าวอย่างเป็นทางการ ขณะที่ทั้งสหรัฐฯและไต้หวันไม่ยืนยันข่าวนี้ ทำให้ โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีน แถลงว่า จะตอบโต้กรณีนายทหารเรือสหรัฐฯเยือนไต้หวัน และขอคัดค้านอย่างแข็งขันเรื่องที่สหรัฐฯและไต้หวันมีความสัมพันธ์ทางการทหาร ขอให้สหรัฐฯตระหนักอย่างเต็มที่เรื่องความอ่อนไหวอย่างยิ่งในประเด็นไต้หวัน จีนจะตอบโต้อย่างชอบธรรมและจำเป็น ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ว่าเป็นไปในทิศทางใด



          โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวถึงเรื่องที่เจ้าหน้าที่ไต้หวันและสหรัฐฯลงนามบันทึกความเข้าใจเรื่องการแลกเปลี่ยนทางเศรษฐกิจที่กรุงวอชิงตันว่า จีนได้ยื่นหนังสือแสดงความไม่พอใจต่อสหรัฐฯแล้ว



          รัฐบาลนายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ เพิ่มการสนับสนุนไต้หวัน รวมถึงการจำหน่ายอาวุธครั้งใหม่ ทำให้จีนยิ่งไม่พอใจ เพราะถือว่าไต้หวันเป็นมณฑลหนึ่งของจีน ไม่มีสิทธิมีความสัมพันธ์ระดับรัฐกับประเทศอื่น



          เมื่อเดือนส.ค. 2563 จีนส่งเครื่องบินรบบินโฉบใกล้เกาะไต้หวันเมื่อนายอเล็กซ์ อาซาร์ รัฐมนตรีสาธารณสุขสหรัฐฯเยือนไต้หวัน และเมื่อเดือนก.ย. 2563 นายคีธ แครช ปลัดกระทรวงต่างประเทศฝ่ายการเติบโตทางเศรษฐกิจ พลังงาน และสิ่งแวดล้อมสหรัฐฯเยือนไต้หวัน



สหรัฐฯ เตรียมประกาศรายชื่อธุรกิจจีน 89 แห่ง มีความสัมพันธ์กับกองทัพจีน



          รอยเตอร์ รายงานว่า รัฐบาลสหรัฐฯเตรียมประกาศรายชื่อธุรกิจจีน 89 แห่งว่ามีความสัมพันธ์กับกองทัพจีน ซึ่งจะถูกจำกัดไม่ให้ซื้อสินค้าและเทคโนโลยีของสหรัฐฯ หากสหรัฐฯเผยแพร่รายชื่อนี้จริงจะยิ่งทำให้ความตึงเครียดทางการค้าของทั้งสองประเทศรุนแรงยิ่งขึ้น และเป็นผลเสียต่อธุรกิจสหรัฐฯที่จำหน่ายชิ้นส่วนและส่วนประกอบเครื่องบินพลเรือนให้จีน เพราะมีชื่อบริษัทใหญ่ของจีนอย่างบรรษัทเครื่องบินพาณิชย์ที่พยายามแข่งขันกับโบอิ้งและแอร์บัส บรรษัทอุตสาหกรรมการบินแห่งจีนและบริษัทในเครือ 10 แห่ง



          ก่อนหน้านี้เมื่อ 10 วันที่แล้วนายทรัมป์ เพิ่งประกาศคำสั่งบริหารห้ามสหรัฐฯลงทุนในธุรกิจจีนที่รัฐบาลระบุว่าเป็นของกองทัพจีนหรือถูกควบคุมโดยกองทัพจีน 



ราคาน้ำมันขยับขึ้น 2% ความหวังทดลองวัคซีนโควิด-19 ของแอสตราเซเนกา



          นักลงทุนในตลาดน้ำมัน ตลาดหุ้นวอลล์สตรีท ขานรับข่าวเรื่องการทดลองวิจัยวัคซีนต้านโควิด-19

บริษัทแอสตราเซเนกา บริษัทอังกฤษ แถลงว่า วัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่พัฒนาร่วมกับมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด มีศักยภาพที่จะเป็น “วัคซีนสำหรับโลก”เพราะนอกจากจะมีประสิทธิภาพในระดับน่าพอใจถึงราวร้อยละ 90 การผลิตมีราคาถูก และมีความสะดวกในการเก็บรักษาและในการแจกจ่าย รวมทั้งสามารถผลิตได้จำนวนมากและรวดเร็วกว่าเมื่อเทียบกับพวกผลิตภัณฑ์ของคู่แข่งรายสำคัญๆ



          แนวโน้มความต้องการพลังงานเริ่มดีขึ้น เนื่องจากมีความคืบหน้าในการพัฒนาวัคซีนของหลายบริษัท ขณะที่เจ้าหน้าที่สหรัฐฯบอกว่าโครงการฉีดวัคซีนชุดแรกๆในสหรัฐฯ น่าจะเริ่มได้ทันที 1 หรือ 2 วันหลังจากได้รับอนุมัติจากคณะผู้ควบคุมกฎระเบียบประมาณกลางเดือนธ.ค.2563 ทำให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกปิดตลาดวันที่ 23 พ.ย. 2563 เพิ่มขึ้น



-สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนธ.ค.2563 เพิ่มขึ้น 64 เซนต์ ปิดที่ 43.06 ดอลลาร์สหรัฐฯ



-เบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนม.ค.2564 เพิ่มขึ้น 1.10 ดอลลาร์สหรัฐฯ ปิดที่ 46.06 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล

          ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดตลาดเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีความหวังเกี่ยวกับวัคซีนโควิด-19 เป็นตัวหนุนภาคภาคพลังงานและอุตสาหกรรม



-ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 327.79 จุด หรือร้อยละ 1.12 ปิดที่ 29,591.27 จุด



-เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 20.05 จุด หรือร้อยละ 0.56 ปิดที่ 3,577.59 จุด



-แนสแดค เพิ่มขึ้น 25.66 จุด หรือร้อยละ 0.22 ปิดที่ 11,880.63 จุด



          หุ้นกลุ่มพลังงาน ขยับขึ้นมากกว่าร้อยละ 6 ส่วนภาคอุตสาหกรรมและภาคการเงิน ปรับขึ้นมากกว่าร้อยละ 1



          ส่วนราคาทองคำ ปิดต่ำสุดในรอบเกือบ 2 สัปดาห์ ราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนธ.ค.2563ลดลง 34.60 ดอลลาร์สหรัฐฯ ปิดที่ 1,837.80 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์



อังกฤษ กำลังทดลองการตรวจหาเชื้อแบบใหม่ ตรวจได้ทุกวัน



          นายแมตต์ แฮนค็อก รัฐมนตรีสาธารณสุขอังกฤษ ให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์สกายนิวส์ว่า ทางการกำลังอยู่ในระหว่างทดลองขั้นตอนการตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนาแบบใหม่ เพื่อให้ชาวอังกฤษสามารถเข้ารับการตรวจได้ทุกวัน แทนการกักตัวอยู่ในบ้าน ซึ่งจะช่วยให้รู้ว่าติดโรคโควิด-19 ได้ก่อนที่จะแสดงอาการ และคาดว่าจะนำวิธีดังกล่าวมาใช้กับกลุ่มเจ้าหน้าที่สังคมสงเคราะห์และเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ก่อนที่จะขยายการใช้เป็นวงกว้างในช่วงปีใหม่



          นายแฮนค็อก กล่าวถึง ผลการทดลองวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ที่พัฒนาโดยบริษัทแอสตราเซเนกาและมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดของอังกฤษ คาดว่า จะผลิตวัคซีนในช่วงปีใหม่ ทางการอังกฤษ สั่งซื้อวัคซีนจำนวน 100 ล้านโดส ทางการอังกฤษไม่ได้ต้องการเพียงแค่ป้องกันประชาชนไม่ให้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา แต่ต้องการหยุดการระบาดของโรคโควิด-19 ด้วย 



เร่งหาผู้ติดเชื้อจากสถานที่เต้นรำ 14 แห่งทั่วเกาะฮ่องกง



          ทางการฮ่องกง กำลังพิจารณาตัดสินใจว่าจะต้องใช้มาตรการเข้มงวดมากน้อยเพียงใด หลังจากที่ฮ่องกงพบผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 73 คน มากที่สุดในรอบสามเดือน ทำให้ตัวเลขผู้ป่วยสะสมอยู่ที่ 5,628 คน เสียชีวิต 108 ราย



          ก่อนหน้านี้ ทางการฮ่องกง เตือนว่า เกิดการแพร่ระบาดในวงกว้างผิดปกติจากสถานที่เต้นรำ 14 แห่งทั่วเกาะ ศ.โซเฟีย ชาน รัฐมนตรีอาหารและสุขภาพ กล่าวว่า รัฐบาลกำลังทบทวนการเข้มงวดมาตรการรักษาระยะห่างทางสังคม เช่น ปิดธุรกิจที่มีกิจกรรมเสี่ยงระบาดสูง และกำลังรอผลการสอบสวนเชิงระบาดวิทยาของศูนย์คุ้มครองสุขภาพ เพื่อตัดสินใจว่า จะต้องเข้มงวดมากน้อยเพียงใด ทางการได้เปิดศูนย์เก็บตัวอย่างเคลื่อนที่ในพื้นที่เสี่ยงเพื่อหาตัวผู้ติดเชื้อให้ได้เร็วที่สุด และจะได้ตัดวงจรการระบาดโดยเร็ว การเต้นรำถือว่าเสี่ยงอย่างหนึ่ง โดยเฉพาะเมื่อคนไม่สวมหน้ากากอนามัยในขณะที่ใกล้ชิดกันมาก



เตรียมถอนเมืองซัปโปโร เมืองเอกของจังหวัดฮอกไกโด ออกจากโครงการ Go To Travel



          จังหวัดฮอกไกโด ทางเหนือสุดของญี่ปุ่นเตรียมถอนเมืองซัปโปโร เมืองเอกของจังหวัดออกจากโครงการอุดหนุนการท่องเที่ยวในประเทศของรัฐบาลญี่ปุ่นเป็นการชั่วคราว หรือ โครงการ Go To Travel หลังจากยอดผู้ป่วย เพิ่มขึ้นมาก โดยแตะ 300 คน เป็นครั้งแรกเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว



          เมื่อเดือนก.ค.2563 รัฐบาลญี่ปุ่น เปิดตัวโครงการดังกล่าว ออกค่าใช้จ่ายครึ่งหนึ่งให้ประชาชนท่องเที่ยวในประเทศ เพื่อช่วยเหลืออุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่ถูกกระทบหนักจากโควิด-19



          ผู้ว่าการจังหวัดฮอกไกโด ยืนยันว่า จะยังคงเข้าร่วมโครงการนี้ เพราะไม่คิดว่าการรับประทานอาหารแบบเงียบๆ ในโรงแรม และการแช่บ่อน้ำร้อนตามสถานที่ท่องเที่ยว โดยที่ยังมีมาตรการป้องกันจะทำให้โรคแพร่ระบาด แต่ได้เปลี่ยนใจหลังจากรัฐบาลกลางตัดสินใจทบทวนโครงการนี้ตามที่คณะผู้เชี่ยวชาญแนะนำ



          ผู้เชี่ยวชาญ ระบุว่า การแพร่ระบาดระลอกสามในญี่ปุ่นขณะนี้เป็นผลจากสภาพอากาศเย็นลง ทำให้คนอยู่ในอาคารมากขึ้น และการระบายอากาศไม่ดี  รัฐบาลกลาง เปิดเผยว่า จนถึงขณะนี้มีคนเดินทางในโครงการ Go To Travel แล้ว 40 ล้านครั้ง ในจำนวนนี้มี 176 คนติดเชื้อไวรัสโคโรนา



 



 



 

ข่าวทั้งหมด

X