ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 19.30 น.วันจันทร์ที่ 23 พฤศจิกายน 2563

23 พฤศจิกายน 2563, 19:41น.


ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 19.30 น.วันจันทร์ที่ 23 พฤศจิกายน 2563



น่าเป็นห่วงงบประมาณวิจัยวัคซีนโควิด-19ของไทย



          ความคืบหน้าพัฒนาวัคซีนโควิด -19 ของไทย นพ.เกียรติ รักษ์รุ่งธรรม ผู้อำนวยการบริหารโครงการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ศูนย์วิจัยพัฒนาวัคซีน คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ขณะนี้กำลังเข้าสู่การจองโรงงานวัคซีน เพื่อผลิตวัคซีนต้นแบบมาฉีดทดลองในคน คาดว่าจะเริ่มการทดลองเดือนเมษายนปีหน้า (ปี 2564 ) โดยขณะนี้บริษัทไบโอเนทเอเชียที่ร่วมการทดลองด้วยกันได้นำงบส่วนตัว มาร่วมจัดซื้อวัตถุดิบในการผลิต ทั้งขวดใส่ยา และอื่นๆ แต่ที่น่าห่วงที่สุดคือ น้ำยาที่จะใช้ในการผลิต คาดว่าอาจไม่เพียงพอ เพราะบริษัทใหญ่ๆมีการจองซื้อไปหมดแล้ว



          แม้ในกระบวนการศึกษาทดลองของจุฬาลงกรณ์จะได้รับงบประมาณ 300 ล้านบาท แต่ในทางปฏิบัติกลับได้รับแบบทยอยจ่ายงวดละ 42 ล้านบาท คาดว่าจะต้องใช้งบประมาณสูงกว่า 1,000 ล้านบาท ยอมรับว่าที่ผ่านมาการขับเคลื่อนวิจัยวัคซีนได้รับความร่วมมือทางวิชาการทางสถาบันวัคซีนแห่งชาติ แต่งบประมาณส่วนที่ได้จากรัฐอาจไม่ทันก็ได้รับการสนับสนุนจากผู้บริจาค



          สถานการณ์การศึกษาวิจัยโควิด -19 ทั่วโลก มีวัคซีนจาก 2 บริษัทที่คาดว่าจะประสบความสำเร็จ ได้แก่ ไฟเซอร์ และ โมเดอร์นา และยังมีวัคซีนอีก 11 บริษัทที่ยังต้องรอลุ้นผล ซึ่งหากวัคซีนทุกบริษัทประสบความสำเร็จจริงโอกาสที่ทุกประเทศจะได้รับวัคซีนก็มีเพิ่มมากขึ้น และ สถานการณ์โรคโควิด-19 ก็ไม่น่ารุนแรงอีกต่อไปแต่หากมีแค่ 2 บริษัท ก็น่าห่วงว่าโอกาสที่แต่ละประเทศจะได้รับวัคซีนก็มีน้อยลง เพราะประเทศมหาอำนาจต่างจองวัคซีนกันไปหมดแล้ว โดยพบว่า สหรัฐฯจอง 300 ล้านโดส และยังมีการจองเพิ่มเติมอีกขณะที่ ญี่ปุ่น 120 ล้านโดส



          สำหรับไทยการเข้าถึงวัคซีนที่จะมีการจัดซื้อเชื่อว่า รัฐบาลเดินทางมาถูกแล้ว ที่มีการกระจาย เรื่องของการจัดซื้อ ผ่านโคแวก และการร่วมทุนกับบริษัทแอสตราเซนเนกา แต่เชื่อว่าคงเป็นไปไม่ได้ที่ทั่วโลกทุกประเทศจะได้รับวัคซีนทั้งหมดเกินครึ่ง จึงจำเป็นต้องมีการจัดสรรให้กับกลุ่มเสี่ยงก่อนและในส่วนของความร่วมมือ บริษัท แอสตราเซนเนกา คาดว่าจะมีการถ่ายเทคโนโลยีให้ได้จริงหลังบริษัทอื่นอย่างน้อย 3 เดือน ส่วนโมเดอร์นาจะช้ากว่าไฟเซอร์ 2 เดือน



ผลตรวจโควิด-19 บุคคลที่อยู่ในศูนย์อพยพบ้านอุ้มเปี้ยม เกือบ 100 คน เป็นลบทั้งหมด



          หลังพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ชาวเมียนมา 1 คนที่ลักลอบเข้าประเทศมาอยู่ในศูนย์อพยพบ้านอุ้มเปี้ยม อ.พบพระ จ.ตาก  นายพงศ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก  เปิดเผยว่า จากการตรวจหาเชื้อโควิด-19 เชิงรุกบุคคลที่อยู่ในศูนย์ฯ เกือบ 100 คน ผลการตรวจเป็นลบทั้งหมด ภาพรวมของศูนย์อพยพบ้านอุ้มเปี้ยม อยู่ในสถานการณ์ที่ควบคุมได้ รวมถึงศูนย์พักพิงอีก 2 แห่งของจังหวัดตาก ที่อำเภอท่าสองยาง และอำเภออุ้มผาง ก็ได้สั่งเพิ่มมาตรการควบคุมโควิด-19 ให้เข้มข้นขึ้น เพราะมีผู้อาศัยในศูนย์อพยพเป็นจำนวนมาก



         นอกจากนี้ ได้สั่งการลงไปในทุกอำเภอฝ่ายความมั่นคงทั้งหมด ทหาร ตำรวจ ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน หรือ ชรบ. ให้เพิ่มมาตรการต่างๆ เพื่อป้องกันการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย โดยเฉพาะแรงงานต่างด้าวที่ยังอยู่ในประเทศไทยทั้งหมด ที่เดินทางเข้าออกจังหวัดตากด้วย



          ด้านนพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ รักษาการอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ผลการสอบสวนโรคแรงงานเมียนมาทราบว่า เข้ามาอยู่ในประเทศไทยนานแล้ว คาดว่าน่าจะเป็นการติดเชื้อภายในประเทศแต่อาจเป็นการติดแนวชายแดน หรือติดจากเพื่อนชาวเมียนมา ซึ่งภายในศูนย์อพยพที่อยู่ค่อนข้างรัดกุมพอสมควร ได้มีการประสานกระทรวงมหาดไทย องค์กรนานาชาติที่ร่วมดูแลพื้นที่ดังกล่าวให้เข้มงวดแล้ว



          ส่วนอาการป่วยของแรงงานพบว่า อาการทางระบบทางเดินหายใจมีน้อยจึงไม่น่าจะมีการแพร่เชื้อสู่ผู้อื่น น่าจะมีการติดเชื้อมานานแล้ว แต่ยังต้องรอผลการตรวจหาเชื้อที่ชัดเจน คาดว่า อาจติดมาจากชายแดน หรือเพื่อนชาวเมียนมา



          ส่วนการสอบสวนโรคนักเรียนหญิงชาวเมียนมามีความชัดเจนว่าน่าจะเป็นการติดเชื้อมาจากฝั่งเมียนมา เพราะว่าเป็นลูกครึ่งไทย-เมียนมาและมีประวัติเดินทางไปเมียนมามาก่อน



จีน เข้มตรวจพนักงานสนามบินผู่ตง หลังพบผู้ติดเชื้อโควิด-19



          นายซู จุนลง รองประธานท่าอากาศยานนานาชาติผู่ตงในนครเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน สั่งตรวจสุขภาพให้กับพนักงานทุกคน หลังเจ้าหน้าที่สาธารณสุขพบผู้ป่วย 6 คน มีความเชื่อมโยงกับสนามบินนครเซี่ยงไฮ้ในเดือนนี้ รวมถึงเจ้าหน้าที่ตรวจสัมภาระผู้โดยสาร 2 คนที่ติดโรคโควิด-19 เมื่อวันจันทร์ หลังทำความสะอาดตู้สินค้าใบหนึ่งที่ส่งมาจากทวีปอเมริกาเหนือเมื่อปลายเดือนตุลาคม ระบุว่า พนักงานตรวจสัมภาระทั้งสองคนเข้าไปทำความสะอาดตู้สินค้าโดยไม่สวมหน้ากากอนามัย



          เจ้าหน้าที่สาธารณสุขได้ทำการตรวจโรคให้กับพนักงานของสนามบินนครเซี่ยงไฮ้กว่า 17,700 คนในวันนี้ ทราบผลแล้ว 11,500 คน มีผลตรวจเป็นลบที่เหลืออยู่ระหว่างรอผลตรวจ พร้อมทั้งมีแผนจะทำการตรวจสุขภาพให้กับพนักงานอย่างสม่ำเสมอ และมีแผนจะฉีดวัคซีนให้กับคนงานทุกคนเนื่องจากถือว่า เป็นหนึ่งในกลุ่มเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคเช่นกัน



เกาหลีใช้กำหนดช่วงเวลาฉุกเฉิน รับโควิด-19ระบาดในกรุงโซล



          นายโซ ชอง-ฮยอพ รักษาการนายกเทศมนตรีกรุงโซล ของเกาหลีใต้ ประกาศช่วงเวลาฉุกเฉินในกรุงโซล จากวันนี้ไปจนถึงสิ้นปีนี้ หลังตัวเลขผู้ป่วยใหม่ 271 คนในวันนี้ แบ่งเป็นการติดเชื้อในท้องถิ่น 255 คน (ส่วนใหญ่คือ 206 คนในกรุงโซล) ที่เหลือ 16 คนเป็นผู้โดยสารจากต่างประเทศ  



          ภายใต้มาตรการนี้ การบริการระบบขนส่งสาธารณะเช่น รถไฟใต้ดินหรือรถประจำทางจะถูกลดร้อยละ 20 หลังเวลา 22.00 น.และห้ามประชาชนรวมกลุ่มกันในสถานที่สาธารณะเกิน 10 คน ขณะเดียวกันรัฐบาลกรุงโซลจะตรวจสุขภาพให้กับบรรดาแรงงานของโรงพยาบาล, สถานรับดูแลผู้สูงอายุ และกลุ่มผู้สูงอายุราว 40,000 คนในกรุงโซล พร้อมทั้งคุมเข้มมาตรการควบคุมโรคโควิด-19 มากขึ้นสำหรับสถานที่สาธารณะต่างๆเช่น โบสถ์และศูนย์คอลเซนเตอร์ต่างๆ พร้อมทั้งขอให้ประชาชนงดเว้นการชุมนุมเฉลิมฉลองในคืนส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ และขอให้ผู้นำองค์กรทางศาสนาจัดกิจกรรมทางศาสนาผ่านระบบออนไลน์



          ก่อนหน้านี้ กรุงโซลประกาศมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมระดับที่ 2 เป็นเวลา 2 สัปดาห์ เริ่มตั้งแต่วันที่ 24 พฤศจิกายน สำหรับมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมระดับที่ 2 มีผลดังนี้คือ การสวมหน้ากากอนามัยจะเป็นมาตรการบังคับสำหรับประชาชนเมื่ออยู่ในอาคารสาธารณะทุกแห่ง,ปิดถานบันเทิงเช่นไนต์คลับ,ร้านอาหารสามารถจะให้บริการเฉพาะแบบเดลิเวอรีและสั่งซื้ออาหารไปรับประทานที่บ้านหลังเวลา 21.00 น.,โรงเรียนเปิดแบบให้นักเรียนเข้าชั้นเรียนตามปกติเพียง 1 ใน 3 ของความจุทั้งหมดของห้องเรียน ที่เหลือจัดสอนผ่านระบบออนไลน์



          ในปัจจุบัน เกาหลีใต้มีผู้ป่วยสะสม 31,004 คน เสียชีวิต 509 ราย



หุ้นไทยพุ่ง 31 จุด แตะระดับ 1,420 จุด  



          ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยปิดตลาดวันนี้ที่ระดับ 1,420.43 จุด เพิ่มขึ้น 31.09 จุดมูลค่าการซื้อขาย 105,036.78 ล้านบาท ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นได้ดีกว่าตลาดภูมิภาค ขานรับเม็ดเงินที่ไหลเข้ามาซื้อหุ้นขนาดใหญ่ต่อเนื่อง หลังมาตรการของธนาคารแห่งประเทศไทย ยังไม่ได้ทำให้เงินบาท  มีทิศทางอ่อนค่าชัดเจน ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากความคืบหน้าของวัคซีนต้านโควิด-19 รวมถึง ตัวเลขส่งออกเดือนต.ค.ของไทยออกมาตามคาด ทำให้แนวโน้มทั้งปีนี้การส่งออกอาจติดลบน้อยลง นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 2,755 ล้านบาท



          ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดปรับตัวขึ้นในวันนี้ สอดคล้องกับภูมิภาค เนื่องจากนักลงทุนมีความหวังว่าจะเริ่มมีวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ใช้อย่างเร็วที่สุดในเดือนหน้า ซึ่งช่วยคลายความกังวลเกี่ยวกับยอดผู้ติดเชื้อที่พุ่งขึ้นในหลายประเทศทั่วโลก ดัชนีฮั่งเส็งปิดวันนี้ที่ 26,486.20 จุด เพิ่มขึ้น 34.66 จุด



          ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ปิดทำการวันนี้ (23 พ.ย.) เนื่องในวันขอบคุณผู้ใช้แรงงาน



เพิ่มวงเงินคนละครึ่งให้คนที่เคยได้รับเฟส 1



          การเดินหน้าโครงการคนละครึ่ง เฟส 2 นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง  กล่าวว่า เบื้องต้นอาจเปิดให้ผู้ได้รับสิทธิเฟส 1 ได้สิทธิในเฟส 2 อัตโนมัติ ได้รับวงเงินเพิ่มเติมอีก และยังขยายเวลาการใช้จ่ายถึงต้นปีหน้ายาวต่อไปถึงช่วงเทศกาลตรุษจีนวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2564 เบื้องต้น อาจขยายจำนวนผู้เข้าร่วมโครงการระยะที่ 2 ไม่น้อยกว่า 14-15 ล้านคน เพื่อให้ครอบคลุมผู้สนใจทุกคนหลังประเมินว่า ขณะนี้มีผู้สนใจเข้าร่วมโครงการ "คนละครึ่ง" จำนวนมาก โดยเฉพาะผู้มีรายได้เกินเดือนละ 30,000 บาท ซึ่งหันมาลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ จากเดิมที่คาดว่าจะไปใช้สิทธิ "ช้อปดีมีคืน" โดยไม่ตัดสิทธิผู้อยู่ในระบบปัจจุบัน 10 ล้านคน พร้อมขยายเวลาโครงการ และวงเงินต่อรายไม่น้อยกว่า 3,000 บาท เท่ากับเฟสแรก



          นอกจากนั้น รัฐบาลยังต้องการเพิ่มเงินช่วยเหลือค่าครองชีพให้กับผู้ถือบัตรสวัสดิการฯ  จากปัจจุบันได้รับเพิ่มเดือน  500 บาทต่อเดือน เป็นระยะเวลา 3 เดือน ส่วนขั้นตอนการเตรียมลงทะเบียนผู้ถือบัตรฯ รอบใหม่  ซึ่งได้จัดเตรียมการเอาไว้รองรับนานแล้ว คงต้องรอให้โครงการคนละครึ่งสิ้นสุดลง  จึงจะเปิดให้ลงทะเบียนผู้ถือบัตรสวัสดิการรอบใหม่ ยืนยันว่ามีแหล่งเงินเพียงพอรองรับการจัดทำโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้กับรายย่อย  พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท จากสัดส่วนงบด้านการฟื้นฟูวงเงิน 400,000 ล้านบาท  คาดว่า จะเสนอคณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบการแพร่ระบาดของโควิด-19 (ศบศ.) ต้นเดือนธันวาคมนี้ เพื่อเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาในขั้นต่อไป



นายกฯอยากให้บ้านเมืองสงบสุข เตือนระวังโซเชียลบิดเบือน



         หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการนัดชุมนุมของกลุ่มราษฎร ในวันที่ 25 พ.ย.ที่ประกาศชัดเจนว่า จะเข้าไปใกล้ที่สุดกับสำนักทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ฝากถามกลับแกนนำไปด้วยว่า ทำไมถึงต้องเข้าไปให้ใกล้ที่สุด ซึ่งก็รู้ว่าจุดประสงค์ทำเพื่ออะไรก็ไปดูแล้วกัน  



          ทั้งนี้รัฐบาลต้องทำให้เกิดความสงบมากที่สุด ขณะเดียวกันต้องห่วงเจ้าหน้าที่ด้วย ที่ผ่านมาก็ถูก กระทำจำนวนมาก ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็มีครอบครัวและมีชีวิตจิตใจเหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรเว้นแต่ฝ่าฝืน มากๆก็ยอมรับไม่ได้ เพราะเจ้าหน้าที่ก็จะเป็นต้องรักษากฎหมาย และไม่ว่าเจ้าหน้าที่จะทำอะไรก็ดู เหมือนผิดไปทั้งหมด แต่หากไม่มีเจ้าหน้าที่ไม่มีตำรวจทำงานแล้วใครจะทำ



          นายกรัฐมนตรี ยังขอให้ทุกฝ่ายเฝ้าระวังข้อมูลผ่านโซเชียลว่าควรเชื่อหรือไม่ โดยเฉพาะเฟซบุ๊ก ซึ่งเป็นการบิดเบือนเกือบทั้งหมด สร้างความขัดแย้งกันไปเรื่อยๆ และสร้างอีกฝ่ายมาต่อสู้กัน ซึ่งไม่เห็นด้วยในเรื่องเหล่านี้ จึงมีเจ้าหน้าที่มีการติดตามสถานการณ์ตามปกติและหามาตรการทำอย่างไรไม่ให้ปะทะกัน แต่บางครั้งเหมือนต้องการให้มีการปะทะ ซึ่งก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน



          นายกฯ กล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า วันนี้ฝากทุกคนช่วยกันทำให้บ้านเมืองสงบสุข ซึ่งทุกอย่างอยู่ในขั้นตอนการดำเนินการอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเรื่องรัฐธรรมนูญหรืออะไรก็แล้วแต่อยู่ในกระบวนการทั้งหมดอยู่แล้ว



          ในวันพรุ่งนี้ (24 พ.ย.) เวลา 10.00 น. พล.ต.ท.จารุวัฒน์ ไวศยะ ผู้ช่วย ผบ.ตร. จะเรียกประชุมพนักงานสอบสวนที่รับผิดชอบคดีที่เกิดขึ้นในพื้นที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.) โดยในที่ประชุมจะมีการพูดคุยถึงคดีเกี่ยวข้องกับการชุมนุมทั้งหมดที่เกิดขึ้นในพื้นที่กทม.เพื่อพิจารณาแจ้งข้อหาเพิ่มเติมกับแกนนำกลุ่มราษฎรในความผิดฐานหมิ่นสถาบันฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ส่วนจะเป็นแกนนำรายใดบ้าง จำนวนกี่รายขึ้นอยู่กับพนักงานสอบสวนที่รับผิดชอบในแต่ละสำนวนนั้นเป็นผู้รวบรวมเสนอมาให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติพิจารณาต่อไป



ตำรวจไม่กังวล กลุ่มผู้ชุมนุม 25 พ.ย.นี้



 



          การเตรียมความพร้อมกรณีผู้ชุมนุมจะเดินทางไปสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ในวันที่ 25 พฤศจิกายน พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. กล่าวว่า สถานที่ดังกล่าวเป็นเขตพระราชฐาน หากมีการข่าวว่าอาจเกิดอันตรายทำให้ทรัพย์สินเสียหาย ก็ต้องออกข้อกำหนด ซึ่งกฎหมาย พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะให้อำนาจไว้เท่าไหร่ ก็ทำตามนั้น สำหรับรายละเอียดทางทีมโฆษก จะแถลงให้ทราบอีกครั้ง ยืนยันว่า แม้แกนนำจะประกาศยกระดับการชุมนุม ตำรวจก็ไม่กังวลอะไร เพราะตำรวจมีหน้าที่รักษาความสงบเราไม่ได้เป็นคู่ขัดแย้งกับผู้ชุมนุม จริงๆ คนจะมากหรือน้อย มันขึ้นอยู่กับว่าเขาชุมนุมโดยสงบหรือไม่



          ขณะนี้ มีผู้จัดกิจกรรมยังไม่ได้แจ้งการชุมนุม มีเพียงการประกาศทางโซเชียลมีเดีย ตนก็ขอให้ผู้ชุมนุมปฏิบัติตาม พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง สำหรับการวางกำลังตำรวจรักษาความปลอดภัยก็ต้องให้ได้สัดส่วนตามสถานการณ์ พร้อมระบุว่าหากมีความรุนแรงไม่ได้เกิดจากเจ้าหน้าที่แน่นอน



          ส่วนกรณี มีผู้ชุมนุมสองกลุ่มเข้าไปในพื้นที่พร้อมกัน จะพยายามป้องกันไม่ให้เกิดการกระทบกระทั่งกัน ภาพรวมการดำเนินคดีกับผู้ชุมนุมนับตั้งแต่เดือนมกราคม มีการดำเนินคดีกับผู้ชุมนุมเฉพาะในกรุงเทพฯ จำนวน 107 คดี ส่งสำนวนให้อัยการไปแล้ว 24 คดี อาทิตย์นี้จะส่งอีก 9 คดี ก็ดำเนินการพิสูจน์ทราบตัวบุคคล รวบรวมพยานหลักฐานไปเรื่อยๆ ไม่ได้ละทิ้งอะไร ส่วนเรื่องการออกหมายเรียกหรือหมายจับ แกนนำและผู้ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์การชุมนุมเมื่อวันที่ 17 และ 18 พฤศจิกายน ยังอยู่ในขั้นตอนการดำเนินการ



ศาลคดีอาญา รับคดี พล.ต.อ.วิระชัย ฟ้อง คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง 8 นาย



          หลังมีการเผยแพร่คลิปเสียงโทรศัพท์การสนทนา เหตุคนร้ายยิงรถยนต์ของ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ระหว่าง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา กับ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา  อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ  ส่งผลทำให้ พล.ต.อ.วิระชัย ถูกตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ต่อมาจึงได้มอบอำนาจให้ทนายความเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พล.ต.อ.ชนสิษฎ์ วัฒนวรางกูร  อดีตจเรตำรวจแห่งชาติ กับพวกรวม 8 คน ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ในข้อหาร่วมกันกันปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบโดยทุจริตเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือผู้หนึ่งผู้ใดได้ประโยชน์  อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ประกอบ มาตรา 83 เป็นเหตุให้โจทก์ถูกกล่าวหาทางคดีอาญา ถูกตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัยอย่างร้ายแรงและถูกสำรองราชการให้พ้นจากตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายขาดคุณสมบัติในการได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ไม่ได้รับเงินประจำตำแหน่งและพ้นจากตำแหน่งกรรมการข้าราชการตำรวจ



          ในวันนี้ ศาลได้นัดฟังคำสั่งหรือคำพิพากษาพิเคราะห์แล้วเห็นว่า เป็นคดีที่อยู่ในอำนาจของศาลคดีอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง และฟ้องเป็นไปตามพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบพ.ศ. 2559 มาตรา 15 จึงให้รับฟ้องของโจทก์ไว้ไต่สวนมูลฟ้องให้นัดไต่สวนมูลฟ้องในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา 10.00 น.

ข่าวทั้งหมด

X