ทางการรัฐเซาท์ออสเตรเลีย ยอมรับว่า พนักงานร้านพิซซ่าคนหนึ่งที่ติดเชื้อโควิด-19 ให้ข้อมูลเท็จเกี่ยวกับการทำงานส่งผลให้รัฐต้องกักตัวพลเมืองทั้งรัฐจำนวน 1,700,000 คน เป็นเวลา 6 วัน
นายสตีเวน มาร์แชล มุขมนตรีรัฐเซาท์ออสเตรเลียเปิดเผยว่า ผู้ป่วยโควิด-19 รายนี้ให้ข้อมูลแรกแก่เจ้าหน้าที่ว่าเขาเป็นลูกค้าของร้านพิซซ่า เจ้าหน้าที่จึงให้กักตัวพนักงานร้าน และลูกค้า แต่ต่อมาพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น ผู้ป่วยรายนี้จึงยอมรับว่าเป็นพนักงานส่งพิซซ่าและมีการเดินทางไปหลายพื้นที่ทำให้เกิดการแพร่ระบาดรอบใหม่มีผู้ติดเชื้อแล้ว 36 คน ทางการต้องประกาศมาตรการล็อกดาวน์ทั้งรัฐอีกครั้ง ประชาชนประมาณ 1,700,000 คนต้องกักตัวอยู่ในที่พักตั้งแต่วันที่ 18 พฤศจิกายน ซึ่งนายมาร์แชล กล่าวว่าเขาไม่พอใจกับการกระทำของผู้ป่วยรายนี้ เพราะถือเป็นการเจตนาให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีการติดตามผลที่จะเกิดขึ้นอย่างใกล้ชิด แต่การให้ข้อมูลเท็จแก่เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์นี้ไม่มีบทลงโทษทางกฎหมาย
ด้านหนังสือพิมพ์ซิดนีย์ มอร์นิง เฮรัลด์ รายงานว่า ผู้ป่วยรายนี้อาจติดโควิด-19 มาจากพนักงานรักษาความปลอดภัยคนหนึ่งที่ทำงานในโรงแรมที่ใช้เป็นสถานที่กักตัวผู้ป่วยโควิด-19 ซึ่งพนักงานรายนี้ก็ติดโควิด-19 เช่นกัน
พลตำรวจตรี แกรนท์ สตีเวนส์ ผู้บัญชาการตำรวจเซาท์ออสเตรเลีย กล่าวว่า ผู้ป่วยรายนี้อ้างว่าเขาไปที่วู๊ดวิลล์ พิซซ่า บาร์ (Woodville Pizza Bar) ในเมืองแอดิเลดเพียงชั่วครู่เพื่อซื้อพิซซ่ากลับบ้าน แต่ในความจริงคือเขาเป็นพนักงานประจำและเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนเมษายนที่พิซซ่าบาร์ถูกระบุว่าเป็นจุดเชื่อมต่อโควิด-19 แต่มาตรการบังคับกักตัวนี้จะบังคับใช้จริงจนถึงเที่ยงคืนวันนี้ (21 พ.ย.) หรือเพียง 4 วันเท่านั้น เนื่องจากข้อมูลใหม่ทำให้เจ้าหน้าที่สามารถจำกัดกลุ่มเสี่ยงได้ชัดเจนขึ้น ประชาชนทั่วไปจึงสามารถออกจากบ้านเพื่อออกกำลังกายกลางแจ้งและไปทำงานได้ โดยต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโควิด-19
...