ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 19.30 น.วันพฤหัสบดีที่ 19 พฤศจิกายน 2563
ชมดาวเคียงเดือนคืนนี้
เฟซบุ๊ก NARIT สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ ชวนชมดาวเคียงเดือน คืนนี้ 19 พ.ย. 2563 อากาศเย็นเป็นใจ ฟ้าใสๆ ชวนคุณออกมามองท้องฟ้าด้วยกัน คืนนี้ จะเกิดปรากฏการณ์ “ดาวเคียงเดือน” ดาวพฤหัสบดีปรากฏเคียงดวงจันทร์ ใกล้กันมากที่สุด 3 องศา เวลา 18.40 น. นอกจากนี้ ยังมีดาวเสาร์ปรากฏเคียงดวงจันทร์เช่นกัน ห่าง 4.2 องศา และในขณะเดียวกันดาวเสาร์และดาวพฤหัสบดี ปรากฏบนท้องฟ้าห่างกัน 3.2 องศา เรียกปรากฏการณ์นี้ว่า “ดาวเคราะห์ชุมนุม”
สังเกตได้หลังดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า เป็นต้นไป ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ บริเวณกลุ่มดาวคนยิงธนู (Sagittarius) จนถึงเวลาประมาณ 21.00 น.
ดาวเคราะห์ชุมนุม หมายถึง ดาวเคราะห์ตั้งแต่ 2 ดวงขึ้นไปปรากฏใกล้กันบนท้องฟ้าที่ระยะห่างเชิงมุม 1-5 องศา (การวัดระยะเชิงมุมบนท้องฟ้า ชูนิ้วก้อยเหยียดแขนให้สุดขึ้นบนท้องฟ้า ระยะ 1 องศา จะห่างกันประมาณ 1 นิ้วก้อย)
ปรากฏการณ์ “ดาวเคียงเดือน” และ “ดาวเคราะห์ชุมนุม” ถือเป็นปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์หนึ่งที่เกิดขึ้นเป็นประจำ เนื่องจาก ดวงจันทร์และดาวเคราะห์เปลี่ยนตำแหน่งบนท้องฟ้าไปเรื่อย ๆ ตามแนวสุริยะวิถี
ดังนั้น การที่ดวงจันทร์และดาวเคราะห์ปรากฏบนท้องฟ้าในทิศเดียวกัน หรือเคลื่อนที่มาอยู่ในตำแหน่งใกล้เคียงกันจึงถือเป็นเรื่องปกติ ที่สามารถอธิบายได้ตามหลักการทางวิทยาศาสตร์
ไทยมีความหวัง วัคซีนแอสตราเซเนกา มีประสิทธิภาพสร้างภูมิคุ้มกันไม่กระทบผู้สูงวัย
มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดของอังกฤษ เผยรายงานการทดสอบวัคซีนจากบริษัทแอสตราเซเนกา ว่ามีประสิทธิภาพในการเพิ่มภูมิคุ้มกันให้ผู้สูงอายุได้ดี วัคซีนดังกล่าวพัฒนาโดยมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดในอังกฤษ โดยร่วมมือกับบริษัทยาแอสตราเซเนกา โดยมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดได้ออกมาเปิดเผยผลการทดลองในกลุ่มอาสาสมัครว่าวัคซีนนี้สามารถกระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกันได้ดีโดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุ สร้างความหวังในการปกป้องชีวิตของผู้สูงวัยซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงเสียชีวิตจากโรคโควิด-19 มากที่สุด
วารสารการแพทย์แลนเซ็ทรายงานในวันนี้ พบว่า วัคซีนสามารถกระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกันได้ดีโดยเฉพาะในกลุ่มผู้ทดลองที่มีอายุมากกว่า 70 ปีขึ้นไป แต่การทดลองยังอยู่ในขั้นกลาง และยังต้องการข้อมูลเพิ่มขึ้นในการทดลองเฟส 3 เพื่อยืนยันประสิทธิภาพของวัคซีนชนิดนี้ ว่าสามารถป้องกันโรคโควิด-19 ให้แก่ประชาชนในทุกกลุ่มอายุหรือไม่ โดยเฉพาะกลุ่มผู้ป่วยที่มีปัญหาสุขภาพด้านอื่นๆ ซึ่งคาดว่าข้อมูลจากการทดลองเฟส 3 น่าจะมีการเผยแพร่ออกมาในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า
วิธีการทดลองวัคซีนของแอสตราเซเนกา มีความแตกต่างจาก ไฟเซอร์-ไบโอเอ็นเท็ค รวมทั้งบริษัทโมเดอร์นา ที่ใช้เทคโนโลยี mRNA คือการฉีดพันธุกรรมโมเลกุลที่เรียกว่า mRNAเข้าไปในร่างกาย แล้วให้ร่างกายเป็นโรงงานผลิตวัคซีนโปรตีนเพื่อกระตุ้นภูมิต้านทาน ขณะที่วัคซีนของแอสตราเซเนเกา เป็นการพัฒนาวัคซีนขึ้นจากเชื้อไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคหวัดในลิงชิมแปนซี ซึ่งผลการทดลองในเฟส 2 ที่รายงานในวารสารแลนเซ็ท เป็นการรวบรวมข้อมูลจากอาสาสมัครที่สุขภาพดีจำนวน 560 คน ในจำนวนนี้อายุ 18-55 ปี 160 คน อายุระหว่าง 56-69 ปี อีก 160 คน และอายุ 70 ปีขึ้นไปอีก 240 คน ซึ่งอาสาสมัครทุกคนจะได้รับวัคซีนคนละ 2 โดส ซึ่งมีทั้งวัคซีนจริงและวัคซีนปลอม ซึ่งไม่พบผลข้างเคียงร้ายแรงใดๆ ต่อผู้เข้ารับการทดลอง
โดยบริษัทยาแอสตราเซเนกา ได้เซ็นสัญญาร่วมผลิตวัคซีนกับบริษัทและโรงงาน รวมทั้งรัฐบาลของหลายประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย ซึ่งหากวัคซีนชนิดนี้ประสบความสำเร็จ และได้รับการรับรองความปลอดภัย คนไทยก็จะได้รับอานิสงส์ได้ใช้วัคซีนนี้เป็นประเทศแรกๆ ของโลกด้วยเช่นกัน
ผู้ว่าฯรัฐแคลิฟอร์เนีย เสียใจไปร่วมงานเลี้ยงทั้งที่โควิดระบาดหนัก
นายแกวิน นิวซัม ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย กำลังถูกวิจารณ์อย่างหนักหลังจากไปร่วมงานเลี้ยงวันคล้ายวันเกิดเพื่อนที่ร้านอาหารหรูแห่งหนึ่งในซานฟรานซิสโก แม้จะออกมาแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและยอมรับว่าผิดพลาดเอง
อย่างไรก็ดี นายแกวินอ้างว่างานเลี้ยงอาหารค่ำดังกล่าวอยู่นอกอาคาร ไม่ได้อยู่ในสถานที่ปิด ขัดกับภาพถ่ายที่สื่อนำมาเผยแพร่ ซึ่งในรูปมีนายแกวินและภรรยานั่งอยู่บนโต๊ะใหญ่ โดยโต๊ะนั้นมี 12 คนและตั้งอยู่ในห้องที่มีกำแพงปิด 3 ด้าน นอกจากนี้ เขายังไม่สวมหน้ากากด้วย โดยคำให้การที่ไม่ตรงกับภาพถ่ายนั้นส่งผลกระทบอย่างหนักต่อความน่าเชื่อถือของผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย เพราะตัวเขาเองได้ขอให้ชาวแคลิฟอร์เนียอยู่แต่ในบ้านและงดพบปะเพื่อนฝูงและญาติพี่น้องนอกบ้าน ในช่วงเวลาที่โรคโควิด-19 ยังแพร่ระบาดไม่หยุด
โตเกียว พบผู้ติดเชื้อโควิด -19 เพิ่มขึ้น 500 คน
สำนักข่าวเกียวโด รายงานว่า กรุงโตเกียวของญี่ปุ่นรายงานยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่แตะระดับ 500 คนเป็นครั้งแรกในวันนี้ ขณะที่นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ญี่ปุ่นอยู่ในระดับ"เตือนภัยขั้นสูงสุด" และเรียกร้องให้ประชาชนทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อป้องกันการติดเชื้อ นับเป็นวันที่ 2 ติดต่อกันแล้วที่จำนวนผู้ป่วยใหม่ต่อวันในโตเกียวทำสถิติใหม่ และเป็นเพียง 1 วัน หลังจากที่ญี่ปุ่นรายงานพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่ทะลุ 2,000 คนต่อวัน ขณะเดียวกัน รัฐบาลกรุงโตเกียวได้ตั้งใจจะเพิ่มระดับการแจ้งเตือนโรคโควิด-19 สู่ระดับสูงสุดจาก 4 ระดับ แต่ไม่มีแนวโน้มที่จะสั่งให้เจ้าของร้านอาหารลดเวลาการเปิดร้าน
ผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ ระบุว่า การแพร่ระบาดครั้งนี้นับเป็นระลอก 3 และระบุว่าหนึ่งในสาเหตุสำคัญคืออุณหภูมิที่เย็นลง และการที่ประชาชนใช้เวลามากขึ้นในอาคารบ้านเรือนที่ไม่มีอากาศถ่ายเทอย่างเพียงพอ
โฆษก กห. ยังไม่ให้สื่อใส่เสื้อเกราะ
กรณีสมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศประจำประเทศไทย หรือ FCCT ร้องขอให้ผู้สื่อข่าว มีและใช้เสื้อเกราะ เพื่อความปลอดภัยระหว่างทำข่าวการชุมนุมของกลุ่มต่างๆภายใต้กฎหมาย ที่ต่างยืนยันจะไม่ใช้ความรุนแรงต่อกันนั้น พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า “เสื้อเกราะ” เป็นยุทธภัณฑ์ควบคุม ภายใต้ พ.ร.บ.ควบคุมยุทธภัณฑ์ พ.ศ. 2530 กำหนดให้มีได้เฉพาะส่วนราชการทหาร ตำรวจ ส่วนราชการ องค์การของรัฐ รัฐวิสาหกิจ ที่มีภารกิจในการป้องกัน ปราบปรามและเสี่ยงภัย และไม่อนุญาตให้บุคคลทั่วไปมีไว้ในครอบครอง ฝ่ายความมั่นคงได้พิจารณาถึงความเหมาะสมต่อสถานการณ์แล้ว ยังไม่มีความจำเป็นที่ผู้สื่อข่าวต้องมีใช้เสื้อเกราะดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม เพื่อความปลอดภัยของผู้ชุมนุม เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงจะให้ความสำคัญกับจุดคัดกรองในทุกพื้นที่ชุมนุม และร่วมเฝ้าระวังดูแลความปลอดภัยของทุกฝ่ายใกล้ชิดมากขึ้น และจะปฏิบัติหน้าที่ร่วมกันด้วยความระมัดระวังอย่างถึงที่สุด ภายใต้กรอบกฎหมายที่กำหนด พร้อมทั้งต้องขอความร่วมมือผู้ชุมนุมทุกกลุ่มให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่รัฐและไม่ใช้ความรุนแรงต่อกัน เพื่อความปลอดภัยของทุกคน
ตร.เพิ่มความเข้มข้นใช้กฎหมาย-จ่อเสนอศาลถอนประกันแกนนำคณะราษฎร
หลังจากนายกรัฐมนตรีออกแถลงการณ์จะบังคับใช้กฎหมายทุกฉบับทุกมาตรา ดำเนินคดีกับผู้ชุมนุมที่กระทำผิดกฎหมาย พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ถอยทุกก้าวแล้วด้วยการใช้ช่องทางต่างๆ ตั้งคณะทำงานเพื่อหาทางออกที่เหมาะสมที่สุด แต่กลุ่มผู้ชุมนุมกลับไม่ยอมรับ ละเมิดกฎหมายมากขึ้นเรื่อย ๆ และส่อความรุนแรงมากขึ้น ซึ่งตำรวจไม่ได้กังวลที่จะนำมาตรา 112 มาใช้ เพราะเป็นไปตามหน้าที่ ตามขั้นตอน และยืนยันว่า ตำรวจไม่ใช่คู่ขัดแย้งกับกลุ่มใด แต่เป็นผู้บังคับใช้กฎหมาย
ขณะที่ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในการชุมนุมที่แยกเกียกกาย ถนนทหาร ตำรวจมีข้อมูลว่า ชายสวมเสื้อสีชมพู ซึ่งคาดว่าเป็นการ์ดของกลุ่มผู้ชุมนุมคณะราษฎรและเป็นผู้นำอาวุธปืนมาเปิดฉากยิงใส่กลุ่มประชาชนสวมเสื้อเหลืองก่อน ส่วนจะมีการฝึกฝนการใช้ปืนมาก่อนหรือไม่ อยู่ระหว่างสืบสวน รวมทั้งหลักฐานปลอกกระสุนปืนที่ตกในที่เกิดเหตุ โดยพนักงานสอบสวนจะเก็บหลักฐานดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะโดยมิชอบ และร่วมกันตั้งแต่ 10 คนเป็นต้นไป ก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง รวมถึงทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงาน และทำให้เสียทรัพย์สิน ทำลายทรัพย์สินทางราชการ
ส่วนการชุมนุมที่แยกราชประสงค์และที่หน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อวานนี้ (18 พ.ย.63) หน่วยงานที่ได้รับผลกระทบได้รับความเสียหาย ได้แจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนแล้ว เช่น กรุงเทพมหานคร บีทีเอส วัดปทุมวนาราม สำนักงานตำรวจแห่งชาติและประชาชนทั่วไป
นอกจากนี้ แกนนำผู้ชุมนุมที่ผิดเงื่อนไขการประกันตัวหรือการปล่อยตัวชั่วคราวของศาลพนักงานสอบสวนเตรียมพิจารณาเสนอให้ศาลเพิกถอนประกันตัวแกนนำทั้งหมดที่ผิดเงื่อนไข เพื่อเตรียมเสนอศาลกำหนดห้ามแกนนำเข้าพื้นที่ที่มีการชุมนุม
ส่วนการชุมนุมในวันที่ 21 พ.ย.63 ของกลุ่มนักเรียนเลว และวันที่ 25 พ.ย.63 ของกลุ่มคณะราษฎร ตำรวจมีความพร้อมในการเตรียมแผนรับมือ โดยจะเพิ่มความเข้มข้นในการบังคับใช้กฎหมายกับผู้ชุมนุมมากขึ้น ขณะเดียวกันปัจจุบันมีการนำดอกไม้ไฟ พลุ ประทัด เลเซอร์ มาใช้ โดยหากเข้าองค์ประกอบความผิดใดตำรวจจะดำเนินคดีทุกกรณี
รมว.คลัง ย้ำ ฟื้นฟูศก.ต่อเนื่อง หลังเอสแอนด์พี คงความน่าเชื่อถือของไทย
หลังบริษัท S&P Global Ratings (S&P) สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ยืนยันคงอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทย (Sovereign Credit Rating) ที่ BBB+ และมุมมองความน่าเชื่อถือของประเทศไทย (Outlook) อยู่ในระดับมีเสถียรภาพ (Stable Outlook) เนื่องจากประเทศไทยมีความเข้มแข็งภาคการคลังและภาคการเงินต่างประเทศอยู่ในระดับสูง นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง เปิดเผยว่า การยืนยันคงอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทย และการคาดการณ์เศรษฐกิจไทยของ S&P ครั้งนี้ จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งใน และต่างประเทศ ที่มีต่อเศรษฐกิจไทยที่กำลังปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และสนับสนุนให้รัฐบาลดำเนินนโยบายเพื่อการฟื้นฟูและรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจต่อไป หลังจากในช่วงไตรมาส 3 ของปี 2563 เศรษฐกิจไทยเริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัวชัดเจนสะท้อนจาก GDP ไตรมาส 3 ปี 2563 หดตัวน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่
ขณะที่เสถียรภาพทางการคลังของไทยยังอยู่ในระดับเข้มแข็งสะท้อนจากสัดส่วนหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนก.ย.63 อยู่ที่ร้อยละ49.4 ต่อ GDP ซึ่งยังอยู่ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลังที่ตั้งไว้ตาม พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 ทำให้กระทรวงการคลังมีความพร้อมในการออกมาตรการสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจเพิ่มเติมให้สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไปในอนาคต
ส่วนการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจในระยะถัดไป กระทรวงการคลังจะมุ่งส่งเสริมการลงทุนภาคเอกชนให้รักษาระดับการจ้างงานภายในประเทศ และการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ เพื่อให้เม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเป็นแรงสนับสนุนให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องและยั่งยืนต่อไป
หุ้นไทย ปิดเพิ่มขึ้น สวนทางตลาดต่างประเทศ จากปัจจัยเศรษฐกิจ
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยปิดวันนี้ที่ระดับ 1,369.42 จุด เพิ่มขึ้น 4.83 จุด มูลค่าการซื้อขาย 82,325.27 ล้านบาท ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวขึ้นมาจากปัจจัยในประเทศ สัญญาณเศรษฐกิจไทยที่เป็นบวก ทั้ง GDP งวดไตรมาส 3/63 ที่ดีกว่าคาด และ S&P Global Ratings (S&P) ประมาณการ GDP ของไทยปีหน้าดี รวมถึงคงอันดับความน่าเชื่อถือของไทยที่ BBB+ อีกทั้งกำไรของบริษัทจดทะเบียนงวดไตรมาส 3/63 โตร้อยละ24 จากไตรมาส 2/63 แสดงถึงสัญญาการฟื้นตัว สำหรับการชุมนุมทางการเมืองที่จะ กลับมาชุมนุมกันอีกในวันที่ 25 พ.ย.นี้ ถือเป็นการเว้นช่องว่างให้ตลาดหายใจได้บ้าง
ดัชนีนิกเกอิ ตลาดหุ้นโตเกียวปิดลดลง เนื่องจากนักลงทุนขายหุ้นท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดเพิ่มขึ้นของโรคโควิด-19 ซึ่งได้ บดบังข่าวความคืบหน้าของการพัฒนาวัคซีน ดัชนีนิกเกอิ ปิดที่ระดับ 25,634.34 จุด ลดลง 93.80 จุด
ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดวันนี้ปรับตัวลดลง เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก โดยความกังวลดังกล่าวได้บดบังข่าวความคืบหน้าในการพัฒนาวัคซีน ดัชนีฮั่งเส็ง ปิดวันนี้ที่ 26,356.97 จุด ลดลง 187.32 จุด
สมาคมค้าทองคำ วันนี้ราคาทองคำ ปรับลดลง 200 บาท ทำให้ราคาทองคำแท่งปิดตลาดรับซื้อ บาทละ 26,700.00 ขายออก บาทละ 26,800.00 ส่วนราคาทองรูปพรรณปิดตลาดรับซื้อบาทละ 26,226.80 ขายออกบาทละ 27,300.00
จนท.-อดีตจนท.ในรัฐบาล'ทรัมป์'เริ่มติดต่อพูดคุยส่วนตัวกับคณะทำงานของ'ไบเดน'
แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่และอดีตเจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯ เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ระดับสูง 2-3 คนในรัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ พร้อมอดีตเจ้าหน้าที่บางคนที่พ้นจากตำแหน่งเมื่อ 2-3 เดือนที่แล้ว เริ่มติดต่อพูดคุยหรือส่งอีเมลติดต่อเป็นการส่วนตัวกับคณะทำงานถ่ายโอนอำนาจของนายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ เพื่อให้รัฐบาลชุดใหม่ของนายไบเดน ทราบว่ามีปัญหาเร่งด่วนเรื่องใดบ้างที่รัฐบาลชุดลงมือทำแล้ว แต่งานยังค้างอยู่ ซึ่งรัฐบาลชุดใหม่จะต้องเข้ามาสานต่อทันทีเมื่อเข้ามารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการในวันที่ 20 มกราคมปีหน้า
ด้านเจ้าหน้าที่ระดับสูงคนหนึ่งในคณะทำงานของนายไบเดนชื่นชมเจ้าหน้าที่ในคณะทำงานของนายทรัมป์ที่ติดต่อพูดคุยกับคณะทำงานของนายไบเดน แม้การพูดคุยกันในลักษณะนี้จะทำให้คณะทำงานของนายไบเดนได้ทราบข้อมูลเพียงคร่าวๆ ไม่ครบถ้วน แต่โชคดีที่คณะทำงานของนายไบเดนเคยมีประสบการณ์การทำงานกับรัฐบาลของอดีตประธานาธิบดีบารัก โอบามา มา 8 ปี ทำให้พวกเขารู้จักคุ้นเคยกับเจ้าหน้าที่หลายคนในรัฐบาลปัจจุบัน โดยเฉพาะหน่วยข่าวกรองแห่งชาติและหน่วยงานอื่นๆซึ่งจะส่งผลดีในการทำงานของนายไบเดนในอนาคต