ทีมวิจัยอ๊อกซฟอร์ดให้ความมั่นใจ วัคซีนโควิด-19 แอสตราเซเนกา ใช้ได้ดีในกลุ่มผู้สูงอายุ

          ศ.แอนดรูว์ พอลลาร์ด หัวหน้าทีมวิจัยวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 จากมหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ด สหราชอาณาจักรเปิดเผยว่าทีมวิจัยของมหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ด พบว่าวัคซีนAZD1222 หรือ ChAdOx1 nCoV-19 ซึ่งมหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ด วิจัยร่วมกับบริษัทแอสตราเซเนกา บริษัทยาชั้นนำของสหราชอาณาจักรใช้ป้องกันโรคโควิด-19 ได้ดีในกลุ่มผู้สูงอายุ อายุ 60 ปีขึ้นไป ทำให้หลายฝ่ายมีความหวังมากขึ้นว่าวัคซีนสามารถจะช่วยป้องกันผู้สูงอายุ ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวังอีกกลุ่มหนึ่งไม่ให้ติดโรคโควิด-19

          คณะผู้วิจัยของอ๊อกซฟอร์ด เปิดเผยเรื่องนี้ในวารสารการแพทย์แลนเซ็ต โดยการศึกษาอาสาสมัครที่มีสุขภาพแข็งแรงรวม 560 คนที่เข้าร่วมโครงการฉีดวัคซีนแบ่งเป็นอายุ 18-55 ปี 160 คน อายุ 56-69 ปี 160 คน และอายุ 70 ปีขึ้นไป 240 คน พบว่าวัคซีนใช้ป้องกันโรคโควิด-19 ได้ดี ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันในร่างกายได้ดีในกลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ดและบริษัทแอสตราเซเนกาอยู่ระหว่างการวิจัยวัคซีนในเฟสที่ 3 คาดว่าการวิจัยจะเสร็จและจะทราบผลการวิจัยในเบื้องต้นในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า

          บริษัทยาแอสตราเซเนกา ได้เซ็นสัญญาร่วมผลิตวัคซีนกับบริษัทและโรงงาน รวมทั้งรัฐบาลของหลายประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย ซึ่งหากวัคซีนชนิดนี้ประสบความสำเร็จ และได้รับการรับรองความปลอดภัย คนไทยจะได้ใช้วัคซีนนี้เป็นประเทศแรกๆ ของโลกด้วยเช่นกัน

          ก่อนหน้านี้  วัคซีน 3 ตัวคือ วัคซีนที่ผลิตโดยบริษัทไฟเซอร์-บริษัทไบโอเอ็นเท็ค พันธมิตรจากสหรัฐฯและเยอรมนี, สปุตนิกจากรัสเซียและวัคซีนจากบริษัทโมเดอร์นาจากสหรัฐฯเผยแพร่ข้อมูลเบื้องต้นจากการทดลองวัคซีนในเฟสที่ 3 เมื่อเร็วๆนี้ ระบุว่ามีประสิทธิภาพในการรักษาโรคโควิด-19 ร้อยละ 94

          ขณะเดียวกัน รัฐบาลสหราชอาณาจักรสั่งซื้อวัคซีน 100 ล้านโดสจากโครงการวิจัยวัคซีนของมหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ดกับบริษัทแอสตราเซเนกา ซื้อวัคซีน 40 ล้านโดสจากบริษัทไฟเซอร์-ไบโอเอ็นเท็คและซื้อวัคซีน 5 ล้านโดสจากบริษัทโมเดอร์นา

Cr:BBC