19-21 พ.ย.ไทยตอนบนมีลมอ่อน ทำให้มีการสะสมของฝุ่นละอองเพิ่มขึ้น
กรมอุตุนิยมวิทยา เตือนว่า ฝุ่นละอองในระยะนี้ ในช่วงวันที่ 19-21 พ.ย.2563 ประเทศไทยตอนบนมีลมอ่อน ทำให้การสะสมของฝุ่นละออง/หมอกควันเพิ่มขึ้น เว็บไซต์ air4thai. รายงานคุณภาพอากาศเช้านี้ในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล ส่วนใหญ่อยู่ในระดับคุณภาพดี แต่ละจุดที่เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ สารมลพิษทางอากาศที่ตรวจพบเกินมาตรฐานได้แก่ ฝุ่นละออง ขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) ตรวจพบค่าระหว่าง 21 - 68 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (µg/m3) เกินมาตรฐานที่บริเวณริมถนนกาญจนาภิเษก เขตบางขุนเทียน จ.กรุงเทพฯ, ต.อ้อมน้อย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร, ต.มหาชัย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ส่วนในต่างจังหวัด พบค่าฝุ่นละออง ขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) ที่ ต.มีชัย อ.เมือง จ.หนองคาย
ฝุ่นละออง ขนาดไม่เกิน 10 ไมครอน (PM10) ตรวจพบค่าระหว่าง 44 - 143 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (µg/m3) เกินมาตรฐานที่บริเวณริมถนนมาเจริญ เพชรเกษม 8 เขตหนองแขม จ.กรุงเทพฯ ส่วนในต่างจังหวัดตรวจพบค่าระหว่าง 11 - 143 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (µg/m3) เกินมาตรฐานที่บริเวณต.หน้าพระลาน อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.สระบุรี
กทม.ติดตั้งเครื่องตรวจวัดฝุ่นจิ๋วใน 20 สวนสาธารณะ
นายวิรัตน์ มนัสสนิทวงศ์ รองผู้อำนวยการสำนักสิ่งแวดล้อม รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร(กทม.) กล่าวว่า กทม.ติดตั้งสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศแบบตู้คอนเทนเนอร์ จำนวน 4 แห่ง สถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศติดตั้งบนเสาเหล็ก จำนวน 46 แห่ง และรถตรวจวัดคุณภาพอากาศ จำนวน 5 คัน ครอบคลุมพื้นที่ 50 เขต แบ่งเป็น 2 พื้นที่ ได้แก่ บริเวณริมถนนที่มีการจราจรหนาแน่น จำนวน 37 สถานี และทั่วไป จำนวน 13 สถานี
ส่วนการออกกำลังกายกลางแจ้งในสภาวะที่เกิดมลพิษทางอากาศทำให้มีโอกาสที่อนุภาคขนาดเล็ก ซึ่งรวมถึงฝุ่นละออง PM2.5 เข้าสู่ร่างกายได้มากขึ้นและลึกขึ้นจนอาจทำให้เกิดอาการเจ็บป่วย สำนักสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร ติดตั้งเครื่องตรวจวัดฝุ่นละออง PM2.5 พร้อมจอแสดงผลในสวนสาธารณะของกรุงเทพมหานคร จำนวน 20 แห่ง เพื่อรายงานและแจ้งเตือนพร้อมทั้งให้คำแนะนำประชาชน 20 แห่ง
1.สวนลุมพินี เขตปทุมวัน
2.สวนวชิรเบญจทัศ เขตจตุจักร
3.สวนจตุจักร เขตจตุจักร
4.สวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ เขตจตุจักร
5.สวนหลวง ร.9 เขตประเวศ
6.สวน 60 พรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เขตลาดกระบัง
7.สวนพระนคร เขตลาดกระบัง
8.อุทยานเบญจสิริ เขตคลองเตย
9.สวนเบญจกิติ เขตคลองเตย
10.สวนรมณีย์ทุ่งสีกัน เขตดอนเมือง
11.สวนธนบุรีรมย์ เขตทุ่งครุ
12.สวนเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา พระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (บางกอกน้อย) เขตบางกอกน้อย
13.สวนเสรีไทย เขตบึงกุ่ม
14.สวนบางแคภิรมย์ เขตบางแค
15.สวนทวีวนารมย์ เขตทวีวัฒนา
16.สวนหนองจอก เขตหนองจอก
17.สวนกีฬารามอินทรา เขตบางเขน
18.สวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบพระชนมพรรษา เขตบางคอแหลม
19.สวนสันติภาพ เขตราชเทวี
20.สวนหลวงพระราม 8 เขตบางพลัด
อุตุฯ จีน เตือนภัย 'พายุหิมะ' พัดถล่มหลายมณฑล
การคาดการณ์สภาพอากาศ ช่วงวันที่ 21-24 พ.ย. 2563 กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานว่า บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางอีกระลอกหนึ่งจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนเกิดขึ้นในระยะแรก หลังจากนั้นอุณหภูมิจะลดลง สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังปานกลาง ทำให้ภาคใต้มีฝนเพิ่มมากขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้นในช่วงวันที่ 23-24 พ.ย. 2563 โดยมีคลื่นสูงประมาณ 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
จีน มีระบบแจ้งเตือนภัยสภาพอากาศแบ่งตามสี 4 ระดับ โดยสีแดงเป็นระดับร้ายแรงที่สุด ตามมาด้วยสีส้ม สีเหลือง และสีน้ำเงิน ล่าสุด ทางการกรมอุตุนิยมวิทยาของจีน แจ้งเตือนภัยพายุหิมะในหลายพื้นที่
-คำเตือนในระดับสีน้ำเงิน เรื่องหิมะตกหนัก ในภูมิภาคตอนเหนือ ซึ่งเป็นครั้งแรกของฤดูหนาวนี้ที่ออกคำเตือนเรื่องพายุหิมะ จะมีพายุหิมะในมณฑลเฮย์หลงเจียง มณฑลเหอเป่ย และเขตปกครองตนเองมองโกเลียใน ตั้งแต่เช้าวันพุธจนถึงเช้าวันพฤหัสบดี (18-19 พ.ย.2563)
-แนะนำให้ประชาชนตื่นตัวเฝ้าระวังเหตุอุทกภัย ดินถล่ม และโคลนถล่มที่อาจจะเกิดขึ้น พร้อมแนะนำให้งดกิจกรรมกลางแจ้งในพื้นที่เสี่ยงภัย
-หน่วยงานต่างๆ ควรเสริมกำลังการตรวจสอบและบำรุงรักษาสภาพถนน ทางรถไฟ สายไฟฟ้า และสายสัญญาณการสื่อสาร เพื่อรับประกันว่าระบบขนส่งสาธารณะจะไม่ได้รับผลกระทบจากพายุหิมะ
CR:www.xinhuathai.com/china
เต็มแล้ว ! ลงทะเบียนคนละครึ่ง เฟส 1 อีกรอบ
เริ่มลงทะเบียนกันตั้งแต่เช้า หลังจากที่กระทรวงการคลัง เปิดให้ประชาชนมาลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งเพิ่มเติมอีกครั้งในวันที่ 19 พ.ย. 2563 จำนวน 722,598 สิทธิ โดยเป็นการรวบรวมสิทธิคงเหลือจากผู้ลงทะเบียนที่ไม่ผ่านการตรวจสอบสิทธิในรอบที่ผ่านมา ระหว่างเวลา 06.00 น.-23.00 น.จนกว่าจะครบจำนวน โดยในช่วงเวลา 06.30 น.ยังมีสิทธิเหลือประมาณ 578,806 สิทธิ และเมื่อเวลา 07.20 น. การลงทะเบียนครบแล้ว
ส่วนรายละเอียดการใช้เงินตามโครงการนี้ เวลา 12.00 น.วันที่ 18 พ.ย.2563 มีร้านค้าลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 7.17 แสนร้านค้า และมีผู้ใช้สิทธิแล้วจำนวน 8,773,534 คน โดยมียอดการใช้จ่ายสะสม 18,797 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินที่ประชาชนจ่าย 9,581 ล้านบาท และภาครัฐร่วมจ่ายอีก 9,216 ล้านบาท ยอดใช้จ่ายเฉลี่ย 200 บาทต่อครั้ง จังหวัดที่มีการใช้จ่ายสะสมมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ กรุงเทพฯ สงขลา นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี และเชียงใหม่
กระทรวงการคลัง ขอความร่วมมือประชาชนและร้านค้าให้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์เงื่อนไขของโครงการ และอย่าหลงเชื่อการเชิญชวนของผู้ไม่หวังดีที่เสนอจะช่วยหาประโยชน์จากโครงการโดยไม่ได้ทำการซื้อขายสินค้าจริง ซึ่งที่ผ่านมากระทรวงการคลังได้มีการระงับสิทธิร้านค้าที่มีพฤติการณ์เข้าข่ายกระทำผิดเงื่อนไขโครงการแล้ว พร้อมทั้งได้ส่งเอกสารหลักฐานให้แก่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ปอศ.) เพื่อสืบสวนสอบสวนดำเนินคดีกับร้านค้าต่อไป
นอกจากนี้ กระทรวงการคลังยังได้รับความร่วมมือจากกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ลงพื้นที่กวดขันไม่ให้ร้านธงฟ้าและร้านค้าทั่วไปที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่งฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าซึ่งเป็นการเอาเปรียบประชาชนผู้บริโภค
ใช้สิทธิ'เที่ยวด้วยกัน'กว่า 6,000,000 คน
นายดนุชา พันพิชญนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) กล่าวถึงรายละเอียดโครงการเราเที่ยวด้วยกัน
-ประชาชนลงทะเบียนรวม 6.38 ล้านคน คนลงทะเบียนสำเร็จ 6.07 ล้านคน
-ผู้ประกอบการโรงแรมที่พักลงทะเบียน 7,800 แห่ง
-ร้านอาหาร 64,000 แห่ง
-สถานที่ท่องเที่ยว 1,900 แห่ง
-โอท็อป 1,200 แห่ง
ประชาชนใช้สิทธิ 3.09 ล้านสิทธิ มูลค่าห้องพักที่จอง 8,400 ล้านบาท แบ่งเป็นรายจ่ายประชาชน 5,200 ล้านบาท รัฐสนับสนุน 3,200 ล้านบาท ราคาเฉลี่ยห้องพักต่อคืนที่จอง 2,800 บาท จำนวนโรงแรมที่มีการจอง 4,700 แห่ง ผู้ได้รับคูปองอาหาร 6.9 แสนราย ยอดใช้จ่ายทั้งหมด 2,500 ล้านบาท แบ่งเป็นค่าใช้จ่ายประชาชน 1,500 ล้านบาท ยอดใช้จ่ายผ่านคูปอง 974 ล้านบาท เช็กอินแล้ว 1.1 ล้านบุ๊กกิ้ง
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยรายละเอียดในโครงการต่างๆเพิ่มเติม
-โครงการกำลังใจ มีผู้ลงทะเบียนแล้ว 1,113,690 ราย โดยมีการเดินทางท่องเที่ยวแล้ว 638,490 คน ประมาณร้อยละ 57.33 ของผู้ลงทะเบียน และจ่ายเงินไปแล้ว 1,276.98 ล้านบาท
-โครงการเวิร์คเคชั่น ไทยแลนด์ (Workation Thailand) ข้อมูลเมื่อวันที่ 9 พ.ย.2563 มีผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการรวม 789 ราย หรือประมาณ 1,055 ดีล มีมูลค่าโครงการตั้งแต่วันที่ 5 ต.ค.2563 รวม 31.27 ล้านบาท
-แนวทางการเปิดรับนักท่องเที่ยวประเภทพิเศษ หรือสเปเชียล ทัวร์ริส วีซ่า (เอสทีวี) ขณะนี้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ใช้วีซ่าเอสทีวีเข้ามาในไทยแล้วประมาณ 681 คน กักตัวครบกำหนดแล้ว 263 คน นักท่องเที่ยวที่อยู่ในระหว่างกักตัวจำนวน 134 คน และนักท่องเที่ยวที่มีกำหนดเดินทางเข้ามาในเดือนพ.ย. 2563 จำนวน 284 คน
ททท.เตรียมจัดทำแพคเกจท่องเที่ยว ให้ครม.พิจารณา
ที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ
ภาพ : Facebook ข่าวสารท่องเที่ยว ททท.