‘ทรัมป์’เตรียมเผชิญหน้า "สี จิ้นผิง" บนเวทีเอเปก 2020 ศุกร์นี้
จับตาดูท่าทีของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ เข้าร่วมการประชุมสุดยอดเอเปก 2020 หรือการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก ทางออนไลน์ ในวันศุกร์ที่ 20 พ.ย.2563 ที่มาเลเซียจะเป็นเจ้าภาพ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน มีแผนจะเข้าร่วมการหารือด้วยเช่นกัน และการประชุมครั้งนี้เป็นการประชุมครั้งแรกหลังจากที่นายทรัมป์เคยเข้าร่วมประชุมเมื่อปี 2560แล้วไม่เคยร่วมการประชุม
สหรัฐฯและจีน มีความสัมพันธ์ที่ตึงเครียด ท่ามกลางการทำสงครามการค้าระหว่างทั้งสองประเทศ ข่าวการเข้าร่วมการประชุมเอเปกของนายทรัมป์มีขึ้น หลังจากที่การวิจารณ์ว่าสหรัฐฯกำลังสูญเสียอิทธิพลในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกให้จีน เนื่องจากผู้นำกลุ่มสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ซึ่งมีสมาชิก 10 ประเทศ และคู่เจรจา 5 ประเทศ ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ได้ลงนามในความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) เมื่อวันอาทิตย์ 15พ.ย.2563 โดยสหรัฐฯไม่มีส่วนร่วมในความตกลงดังกล่าว ขณะที่ จีน เป็นประเทศที่ผลักดันเรื่องนี้ และเป็นความตกลงการค้าเสรีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ครอบคลุมประชากรโลกเกือบหนึ่งในสาม และมีสัดส่วนผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ราวร้อยละ 30 ของทั้งโลก
ทีมงานของ ‘ทรัมป์’ ขอให้ศาลรัฐเนวาดา "พลิกผลการเลือกตั้ง"
นายทรัมป์ กำลังยุ่งอยู่กับการหารือทีมงานเพื่อที่จะโต้แย้งผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทีมงานหาเสียงร้องเรียนผลการเลือกตั้งต่อศาลในรัฐเนวาดา เป็นความพยายามครั้งล่าสุดของผู้นำสหรัฐฯ ที่จะพลิกเอาชนะนายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ
ทีมงานหาเสียงของนายทรัมป์ ยื่นคำร้องต่อศาลเขตคาร์สันซิตี ในรัฐเนวาดาว่าทางการรัฐเนวาดา ควรประกาศให้นายทรัมป์เป็นผู้ชนะ หรือ ไม่รับรองให้ผู้สมัครคนใดเป็นผู้ชนะ หรือ ประกาศให้ผลการนับคะแนนทั้งหมดเป็นโมฆะ เนื่องจากมีการทุจริตการเลือกตั้งและละเมิดสิทธิพลเมืองในการลงคะแนนในรัฐเนวาดา ทำให้ผลการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการไม่มีความชอบธรรม ทีมงานของนายทรัมป์ เน้นไปที่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับตรวจสอบลายเซ็นของผู้ลงคะแนนว่ามีความผิดปกติและกระบวนการนับคะแนนการเลือกตั้งที่เขตคลาร์ก ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของนครลาสเวกัส เมืองใหญ่ที่สุดของรัฐเนวาดา ใช้อุปกรณ์รุ่นเดียวกันด้วย นอกจากนี้ คำร้องของทีมงานนายทรัมป์ ยังอ้างการที่คณะผู้สังเกตการณ์ของพรรครีพับลิกัน ไม่ได้รับอนุญาตให้ร่วมตรวจสอบการนับคะแนน
สำนักงานทะเบียนรัฐเนวาดา ประกาศผลการนับคะแนนว่า นายไบเดน คว้าคะแนนคณะผู้เลือกตั้ง 6 เสียง ได้รับคะแนนเสียง 703,486 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 50.1 ชนะนายทรัมป์ได้รับคะแนนเสียง 669,890 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 47.7 และคะแนนดิบของทั้งคู่ห่างกันเพียง 33,596 คะแนน
รัฐวิสคอนซิน เตรียมนับคะแนน 2 เขต หลัง ‘ทรัมป์’ โอนค่าใช้จ่าย
กรณีที่รัฐวิสคอนซิน ที่นายทรัมป์ แพ้ นายไบเดน ไปด้วยส่วนต่างประมาณร้อยละ 0.7 หรือประมาณ 20,000 คะแนน ทำให้นายทรัมป์ ชี้ว่า มีการโกงการเลือกตั้ง กรรมการเลือกตั้งรัฐวิสคอนซิน แจ้งต่อคณะทำงานของนายทรัมป์ว่า ถ้าต้องการให้นับคะแนนการเลือกตั้งทั้งรัฐอีกครั้ง คณะทำงานจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายประมาณ 7,900,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อวานนี้ คณะทำงาน เปิดเผยว่า ได้โอนเงิน 3,000,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ให้ทางการของรัฐแล้วเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการนับคะแนนเสียงใหม่ในเขตมิลวอกีและเขตเดน
ทางการเขตเดน เปิดเผยว่า การนับคะแนนอีกครั้งจะเริ่มขึ้นในวันพรุ่งนี้ 20 พ.ย.2563 และคาดว่าจะเสร็จสิ้นในเวลาไม่กี่วัน
คาดบุคลากรทางการแพทย์สหรัฐฯ ได้รับวัคซีนโควิด-19 เดือนหน้า
หลังจากบริษัทไฟเซอร์ อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทยาใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ และ BioNTech ซึ่งเป็นบริษัทยาของเยอรมนี แถลงล่าสุดว่าผลการวิเคราะห์ข้อมูลในขั้นสุดท้ายชี้ว่า วัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ซึ่งทั้งสองบริษัทพัฒนาร่วมกัน มีประสิทธิภาพร้อยละ 95 ในการป้องกันไวรัสโควิด-19 ทำให้มีการคาดการณ์กันว่าบุคลากรทางการแพทย์ของสหรัฐฯจะได้รับการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 เป็นครั้งแรกในเดือนหน้า
นพ.แอนโทนี ฟาวซี ผู้อำนวยการสถาบันภูมิแพ้และโรคติดต่อแห่งชาติสหรัฐฯ และเป็นนายแพทย์ใหญ่ของคณะทำงานเฉพาะกิจด้านการควบคุมโรคโควิด-19 ของทำเนียบขาว กล่าวว่า ในเดือนหน้าจะเริ่มการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19
บริษัทไฟเซอร์ อิงค์ ระบุว่า ผลการทดลอง วัคซีน BNT162b2 มีประสิทธิภาพอย่างมากในการป้องกันไวรัสโควิด-19 หลังการฉีดวัคซีนเข็มแรกเป็นเวลา 28 วัน พบว่าวัคซีนมีประสิทธิภาพในอาสาสมัครทุกกลุ่ม แม้อยู่ในวัย เชื้อชาติ และชาติพันธุ์ที่แตกต่างกัน โดยมีผลข้างเคียงในระดับต่ำ
นอกจากนี้ ผลการทดลองในกลุ่มผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงสูงต่อโรคโควิด-19 พบว่า มีประสิทธิภาพมากกว่าร้อยละ 94 บริษัทจะยื่นขออนุมัติการใช้วัคซีนดังกล่าวต่อสำนักงานอาหารและยาสหรัฐฯ (FDA) ในอีกไม่กี่วัน ขณะที่ บริษัทคาดว่าจะผลิตวัคซีนจำนวน 50 ล้านโดสในปีนี้ และ 1,300 ล้านโดสในปีหน้า
ความสำเร็จในการพัฒนาวัคซีนต้านโควิด-19 ใช้เวลาไม่ถึง 1 ปี ถือว่าเป็นสถิติเร็วที่สุดเป็นประวัติการณ์ เมื่อเทียบกับกระบวนการผลิตวัคซีนทั่วไปที่มักใช้เวลาราว 10 ปี โดยการพัฒนาวัคซีนที่เร็วที่สุดก่อนหน้านี้เป็นวัคซีนป้องกันไวรัสคางทูมที่ต้องใช้เวลานานกว่า 4 ปี
ซัมซุง สั่งปิดห้องแล็บในเมืองซูวอนชั่วคราว พบพนักงานติดโควิด
บริษัทซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ สั่งปิดศูนย์วิจัยโทรศัพท์มือถือในเมืองซูวอน ทางตอนใต้ของกรุงโซล ของเกาหลีใต้ ชั่วคราว เนื่องจากพบพนักงานคนหนึ่งติดเชื้อโควิด-19 พร้อมทั้งสั่งให้พนักงานทุกคนที่ทำงานในอาคารดังกล่าวทำงานจากที่บ้านแทน โดยมีการปิดชั้นที่พนักงานคนดังกล่าวทำงานอยู่ไปจนถึงวันศุกร์
ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ในเกาหลีใต้เพิ่มขึ้นมาอยู่ 313 คน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปลายเดือนส.ค.2563 และมีจำนวนเคสใหม่เกินกว่า 200 คน
โควิด-19 ในเกาหลีใต้ อาจระบาดทั่วประเทศอีกครั้ง
นายคัง โดเต รัฐมนตรีช่วยสาธารณสุขเกาหลีใต้ แถลงว่า เกาหลีใต้กำลังเผชิญวิกฤตที่มีการคาดการณ์แง่ลบว่า อาจลุกลามเป็นการระบาดทั่วประเทศขึ้นมาอีกครั้ง เนื่องจาก ขณะนี้มีการติดเชื้อเกิดขึ้นพร้อมกันในทุกภาคส่วนสังคม ต่างจากการระบาดใหญ่ครั้งที่แล้วที่มาจากสถานที่เดียวกันหรือคนกลุ่มเดียว
ตั้งแต่วันนี้ 19 พ.ย.2563 เกาหลีใต้จะห้ามการรวมกลุ่มในที่สาธารณะเกิน 100 คน จำกัดการประกอบพิธีทางศาสนา และจำกัดการเข้าชมการแข่งขันกีฬาเหลือเพียงร้อยละ 30 ของจำนวนที่นั่งในสนาม และบังคับให้สถานที่ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น คลับ และบาร์ คาราโอเกะ เพิ่มระยะห่างระหว่างลูกค้าแต่ละคน
วันนี้ กรุงโตเกียว จะยกระดับคุมโควิด-19 เป็นระดับสูงสุด
ญี่ปุ่น กำลังเตรียมตัวเป็นเจ้าภาพกีฬาโอลิมปิกในปีหน้า ต้องกลับมาควบคุมสถานการณ์โควิด-19 ให้ได้ วันนี้ กรุงโตเกียว จะมีการแถลงมาตรการเพิ่มเติมยกระดับเป็นระดับที่ 4 ซึ่งเป็นระดับสูงสุด เนื่องจากกรุงโตเกียว พบจำนวนเคสใหม่รายวันเพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุดที่ 493 คน
นายคัตสึโนบุ คาโตะ เลขาธิการคณะรัฐมนตรีและหัวหน้าโฆษกรัฐบาลญี่ปุ่น ยอมรับว่า กลับมาพบการระบาดในกรุงโตเกียว ช่วงเริ่มต้นอีกรอบอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นสถานการณ์ร้ายแรงที่จำเป็นต้องเฝ้าระวังเต็มที่
ไต้หวัน เข้มงวดนักเดินทางต้องปลอดโควิด-19 ก่อนมาถึง
ไต้หวัน พบผู้ติดเชื้อ 2 คน ที่เดินทางมาจากต่างประเทศทั้งคู่ ทำให้ต้องประกาศมาตรการใหม่
-ตั้งแต่เดือนธ.ค.เป็นต้นไปนักเดินทางเกือบทั้งหมดจะต้องมีผลการตรวจหาเชื้อโควิด-19 เป็นลบ ก่อนที่จะเดินทางมาถึง รัฐมนตรีต่างประเทศไต้หวัน เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 1 ธ.ค.2563 -28 ก.พ.2564 ทุกคนที่เดินทางเข้าไต้หวัน จะต้องมีผลตรวจโควิด-19 เป็นลบ ภายใน 3 วันก่อนเดินทาง มีข้อยกเว้นสำหรับชาวประมงต่างชาติและด้วยเหตุผลด้านมนุษยธรรม และอาจขยายระยะเวลาการบังคับใช้มาตรการดังกล่าวออกไปอีก ก่อนหน้านี้ ชาวไต้หวันและผู้มีถิ่นพำนักในไต้หวันไม่จำเป็นต้องแสดงผลการตรวจไวรัสก่อนมาถึง เหมือนนักเดินทางจากประเทศอื่นๆ
-บังคับให้ประชาชนต้องสวมหน้ากากอนามัยในพื้นที่สาธารณะมากขึ้น เช่น วัด หอศิลปะ และบาร์ต่างๆ ผู้ฝ่าฝืนจะถูกปรับเป็นเงิน 15,000 ดอลลาร์ไต้หวัน หรือประมาณ 15,955 บาท และบางสถานที่ เช่น ตลาดกลางคืน อาจจะต้องจำกัดจำนวนคนที่จะเข้าไป
ไต้หวัน ไม่มีรายงานการพบการติดเชื้อโควิด-19 ภายในไต้หวันมาเป็นเวลากว่า 200 วันแล้ว เนื่องจากบังคับใช้มาตรการป้องกันอย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว แต่ทางการไต้หวันก็ยังคงเฝ้าระวัง เนื่องจากมีรายงานผู้ติดเชื้อที่มาจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น
กรงนิวเดลี อินเดีย เตรียมล็อกดาวน์ตลาด ผู้ติดเชื้อรายวันเพิ่มกว่า 30,000 คน
อินเดีย พบผู้ติดเชื้อใหม่รายวัน 38,617 คน แม้ว่า จะลดลงจากสถิติสูงสุดเมื่อเดือนก.ย.2563 แต่ในเมืองหลวงนิวเดลีที่มีประชากร 20 ล้านคน ตัวเลขกลับเพิ่มขึ้นอีกครั้ง เจ้าหน้าที่ในกรุงนิวเดลี กำลังร่างแผนบังคับใช้มาตรการจำกัดบางอย่าง เช่น การล็อกดาวน์ตลาดบางแห่ง และกำลังขออนุมัติจากรัฐบาลเพื่อลดจำนวนแขกในการจัดงานขนาดใหญ่ เช่น การแต่งงาน