ผลประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. ครั้งที่ 7/2563 ว่า ที่ประชุมมีมติเอกฉันท์ให้คงดอกเบี้ยร้อยละ0.50 ต่อปี เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ นายทิตนันทิ์ มัลลิกะมาส ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า การประสานนโยบายระหว่าง หน่วยงานมีความสำคัญต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยนโยบายการเงินต้องผ่อนคลายต่อเนื่อง สินเชื่อ ควรเร่งกระจายไปสู่ผู้ที่ได้รับผลกระทบอย่างตรงจุดและทันสถานการณ์ รวมทั้งเร่งปรับโครงสร้างหนี้
ขณะที่มาตรการการคลังมีบทบาทสำคัญต่อเนื่อง ควรเร่งเบิกจ่ายและให้ความช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางอย่างตรงจุด ควบคู่กับการยกระดับทักษะแรงงาน เพื่อให้เศรษฐกิจฟื้นอย่างยั่งยืน
อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยไตรมาส 3 ปรับตัวดีกว่าที่คาด แต่ยังมีแนวโน้มฟื้นตัวช้า คาดจะใช้เวลา 2 ปีที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวมจะกลับสู่ระดับก่อนโรคโควิด-19จะแพร่ระบาด ตลาดแรงงาน ยังเปราะบางโดยเฉพาะรายได้แรงงานที่อยู่ในระดับต่ำ ทำให้กดดันการบริโภคภาคเอกชน เมื่อปัจจัย สนับสนุนชั่วคราวเริ่มหมดลง ขณะที่สถานการณ์ทางการเมืองในประเทศยอมรับว่าเป็นหนึ่งในปัจจัยเสี่ยงที่กดดันแนวโน้มเศรษฐกิจปีหน้า
นอกจากนั้น กนง.ยังกังวลต่อสถานการณ์เงินบาทที่แข็งค่าขึ้นเร็ว ซึ่งกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ยังเปราะบาง โดยสาเหตุมาจากการที่นักลงทุนต่างชาติกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นและตราสารหนี้ในตลาดเอเชียรวมทั้งไทย ซึ่งตลาดมีความเชื่อมั่นมากขึ้นหลังการเลือกตั้งสหรัฐฯและมีความคืบหน้าการผลิตวัคซีน ดังนั้น จึงให้ติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด รวมทั้งพิจารณาความจำเป็นของการดำเนินมาตรการที่เหมาะสมเพิ่มเติม ซึ่งวันที่ 27 พฤศจิกายน ธปท.จะมีการเปิดเผยความคืบหน้าถึงการติดตามสถานการณ์ตลาดเงิน