กรมทรัพย์สินทางปัญญา ผลักดันข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ เป็นต้นแบบสินค้าจีไอไทยบุกตลาดโลก
นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เปิดเผยว่า ลงพื้นที่แหล่งผลิตข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ จัดกิจกรรมส่งมอบข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้สู่ครัวโลก ที่อำเภอเกษตรวิสัย จังหวัดร้อยเอ็ด เพื่อผลักดันให้สินค้าข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (จีไอ) เป็นสินค้าต้นแบบและเป็นสินค้าตัวอย่างให้กับสินค้าจีไออื่นๆ สามารถขยายตลาดออกสู่ต่างประเทศได้ กรมทรัพย์สินทางปัญญา ผลักดันให้ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ ขึ้นทะเบียนจีไอในตลาดสหภาพยุโรป (อียู) สำเร็จแล้ว ทำให้ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ สามารถส่งออกไปยังตลาดอียูได้เพิ่มขึ้น และกำลังอยู่ระหว่างการขอจดทะเบียนจีไอในจีนและมาเลเซีย ที่เป็นตลาดเป้าหมายในการขยายตลาดของไทย รวมทั้งกำลังอยู่ระหว่างการจัดทำคำขอจดทะเบียนจีไอในอินโดนีเซียช่วงปีหน้าด้วย
ปัจจุบัน กลุ่มผู้ประกอบการและเกษตรกรผู้ปลูกข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้และโรงสีในพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ดมีความร่วมมือกัน รวมทั้งกลุ่มศรีแสงดาวหมู่บ้านนาหยอด ที่ได้พัฒนาองค์ความรู้วิธีการปลูกข้าว เพื่อให้ได้มาซึ่งข้าวจีไอคุณภาพ ที่มีปริมาณการผลิตเพิ่มสูงขึ้น ในขณะที่ต้นทุนลดลง รวมถึงการพัฒนารูปแบบบรรจุภัณฑ์ ที่มีการนำแกลบซึ่งเป็นวัสดุเหลือใช้มาพัฒนาเป็นบรรจุภัณฑ์ที่สวยงาม ตอบโจทย์เทรนด์การรักษาสิ่งแวดล้อม จนได้รับรางวัล ไพรท์ มินิสเตอร์ อวอร์ด ในหมวดสินค้าไทยที่มีการออกแบบยอดเยี่ยมจากนายกรัฐมนตรี
ข้อมูลจาก Rice Family Thailand ระบุว่า พื้นที่ปลูกต้องอยู่ในเขตทุ่งกุลาร้องไห้ ใน 5 จังหวัด ได้แก่ อำเภอเกษตรวิสัย สุวรรณภูมิประทุมรัตต์ โพนทราย และอำเภอหนองฮี จังหวัดร้อยเอ็ด อำเภอท่าตูม อำเภอชุมพลบุรี จังหวัดสุรินทร์ อำเภอราศีไศล และอำเภอศิลาลาด จังหวัดศรีสะเกษ อำเภอพยัคฆภูมิพิสัย จังหวัดมหาสารคาม และอำเภอมหาชัยชนะ อำเภอค้อวัง จังหวัดยโสธร และผลิตข้าวทุ่งกุลาร้องไห้ในระบบ GAP
ทุ่งกุลาร้องไห้ เป็นทุ่งใหญ่ของภาคอีสาน มีพื้นที่อยู่ในเขต 5 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดมหาสารคาม ร้อยเอ็ด ยโสธร ศรีสะเกษ และ จังหวัดสุรินทร์ จำนวนพื้นที่ทั้งสิ้น 2,107,690 ไร่ เดิมมีชื่อว่า ทุ่งหมาหลง หรือ ทุ่งปู่หลาน ที่ได้ชื่อ “ทุ่งกุลาร้องไห้” นั้นมีตำนานกล่าวว่า มีพ่อค้าชาวกุลาเดินเร่ขายสินค้าผ่านเข้ามาในทุ่งกว้างแห่งนี้จนเมื่อล้ายังไม่พ้นทุ่งกว้างแห่งนี้สักที ทุ่งนี้จึงมีชื่อว่า “ทุ่งกุลาร้องไห้” พื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้เป็นแอ่งขนาดใหญ่ เป็นดินร่วมปนทราย ในดินมีโซเดียมและซิลิก้ามีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ ลักษณะสภาพภูมิประเทศมีความเค็มในดิน ความแห้งแล้งของพื้นที่ สภาพอากาศธาตุ อาหารในดิน ส่งผลให้เกิดความเครียดและหลั่งสารหอม 2AP ทำให้ข้าวหอมมะลิในแหล่งนี้หอมมากกว่าข้าวหอมมะลิแห่งอื่นๆ
CR: Rice Family Thailand
อุตสาหกรรม ของบฯ 7,280 ล้าน ช่วยเฉพาะชาวไร่อ้อยที่ตัดอ้อยสด
นายเอกภัทร วังสุวรรณ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) เปิดเผยถึงมาตรการลดการตัดอ้อยไฟไหม้เข้าระบบตามนโยบายรัฐบาลให้เหลือร้อยละ 0-5 ภายใน 3 ปีหรือภายในฤดูผลิต 2564-2565 ว่า ฤดูการผลิตปีนี้คือ 2563-2564 สอน.จะผลักดันมาตรการลดการเผาอ้อยก่อนตัดส่งเข้าระบบเพื่อหีบเป็นน้ำตาลทราย ให้ได้ตามเป้าหมาย 80:20 คือจะรับอ้อยสดร้อยละ 80 และอ้อยไฟไหม้จะเหลือเพียงร้อยละ 20 หลังจากฤดูการผลิต 2562-2563 ยังอยู่ระดับ 50:50 ดังนั้น เกษตรผู้ปลูกอ้อยต้องปรับตัว เพื่อแก้ปัญหาฝุ่นพีเอ็ม 2.5 ซึ่งปัจจุบันกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เตือนเรื่องสภาพอากาศในฤดูหนาวแล้ว นอกจากนี้ อ้อยสดจะยังเพิ่มคุณภาพความหวาน ความสะอาด ช่วยให้ชาวไร่มีรายได้เพิ่มขึ้น
ปีนี้จะใช้มาตรการสำคัญ คือ ชาวไร่ที่ตัดอ้อยไฟไหม้จะไม่ได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลเหมือนเช่นที่ผ่านมาที่รัฐจะแบ่งเงินเป็น 2 ก้อน ช่วยต้นทุนการผลิต และเพิ่มเงินให้อ้อยสด แต่รอบใหม่นี้เงินจะมีก้อนเดียวช่วยเฉพาะอ้อยสด เบื้องต้น คาดว่าจะช่วยตันละ 130 บาท จากปริมาณอ้อยคาดเข้าระบบประมาณ 70 ล้านตัน ซึ่งอ้อยร้อยละ 80 อยู่ที่ 56 ล้านต้น คิดเป็นวงเงิน 7,280 ล้านบาท โดยจะเสนอเข้าสู่คณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย หรือ กอน. พิจารณา เพื่อเสนอให้นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป
คนละครึ่งเฟส 2 สรุปธ.ค.นี้
นายพรชัย ฐีระเวช ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการเงิน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะรองโฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวถึง ความคืบหน้าของการใช้จ่ายในโครงการ
นายพรชัย กล่าวว่า ประชาชนที่
ส่วนความคืบหน้าของโครงการ
WHO กังวลหนัก'ยุโรป-ทวีปอเมริกา'ป่วยโควิด-19 พุ่ง ชี้ประเทศที่ละเลยกำลังเล่นกับไฟ
นพ.ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก แสดงความวิตกกังวลอย่างยิ่ง เนื่องจากยอดผู้ป่วยโรคติดเชื้อโควิด-19 ที่พุ่งสูงในบางประเทศ โดยเฉพาะในยุโรปและทวีปอเมริกาเหนือ และอเมริกาใต้ แรงงานและระบบสาธารณสุขต้องแบกรับภาระจนถึงจุดวิกฤต นพ.ทีโดรส เตือนว่า ประเทศที่ปล่อยปละละเลยเชื้อไวรัสกำลังเล่นอยู่กับไฟ เพราะจะต้องมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นอีก มีประชาชนจำนวนมากได้รับผลกระทบระยะยาวจากเชื้อไวรัส ทำให้ระบบสาธารณสุขรับภาระหนักหน่วง
สถิติของภูมิภาคทั้งสองคิดเป็นกว่าร้อยละ 70 ของจำนวนผู้ป่วยสะสมและกว่าร้อยละ 77 ของผู้ที่เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ทั้งหมดทั่วโลก หลายประเทศในภูมิภาคดังกล่าวมีผู้ป่วยใหม่พุ่งสูงทำลายสถิติในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ดังนั้นจึงต้องเตรียมการให้พร้อมโดยเฉพาะเรื่องอุปกรณ์ต่างๆที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งเตียงผู้ป่วย หน้ากากอนามัย ถุงมือ และอุปกรณ์ป้องกันชนิดอื่นในปริมาณที่เพียงพอ
แฟ้มภาพ