ทันสถานการณ์โลก 06.30 น.วันพุธที่ 18 พฤศจิกายน 2563

‘แอร์เอเชีย เจแปน’ ประกาศล้มละลาย จากพิษโควิด-19

          แอร์เอเชีย เจแปน ซึ่งเป็นสายการบินต้นทุนต่ำในเครือแอร์เอเชีย กรุ๊ปของมาเลเซีย ประกาศล้มละลาย เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ประเทศต่างๆระงับการเดินทาง ทั้งนี้ แอร์เอเชีย เจแปน นับเป็นสายการบินแรกในญี่ปุ่นที่ประกาศล้มละลายโดยมีสาเหตุจากโควิด-19 ขณะที่ทางสายการบินมีหนี้สินรวม 2.17 หมื่นล้านเยน หรือ 208 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 6,200 ล้านบาท ทำให้ไม่สามารถจ่ายค่ารีฟันด์ตั๋วเครื่องบินจำนวน 23,000 ใบที่ลูกค้าซื้อโดยตรงจากบริษัท ส่วนมูลค่าของตั๋วทั้งหมดที่บริษัทไม่สามารถจ่ายค่ารีฟันด์ได้อยู่ที่ราว 520 ล้านเยน ซึ่งรวมถึงตั๋วที่ลูกค้าซื้อผ่านทางบริษัทเอเจนซี่

          ก่อนหน้านี้ แอร์เอเชีย เจแปน แถลงเมื่อเดือนต.ค.2563ว่า บริษัทจะปิดกิจการในเดือนธ.ค.2563 โดยจะยกเลิกเส้นทางการบินทั้งหมดในญี่ปุ่น รวมทั้งเที่ยวบินไปกรุงไทเปของไต้หวัน ตั้งแต่วันที่ 5 ธ.ค.2563

          ผลกระทบในการลงทุนและความเชื่อมั่นในตลาดหุ้นดาวโจนส์ลดลงทันที จากสาเหตุมาจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และยังส่งผลกระทบหลายเรื่อง

-ดาวโจนส์ ลดลง 167.09 จุด หรือร้อยละ 0.56 ปิดที่ 29,783.35 จุด

-เอสแอนด์พี ลดลง 17.38 จุด หรือร้อยละ 0.48 ปิดที่ 3,609.53 จุด

-แนสแดค ลดลง 24.79 จุด หรือร้อยละ 0.21 ปิดที่ 11,899.34 จุด

          การลงทุนในตลาดหุ้นดาวโจนส์ ปรับตัวลดลง เนื่องจาก กังวลจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้น และความเสี่ยงของมาตรการล็อกดาวน์รอบใหม่ที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ทำให้ผู้ว่าการหลายรัฐบังคับใช้มาตรการเพิ่มขึ้น

-ภาคครัวเรือนของสหรัฐฯ มีรายได้ลดลง เนื่องจากชาวอเมริกันจำนวนมากตกงาน ทำให้ตัวเลขยอดค้าปลีกเดือน ต.ค. 2563 เพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่คาดการณ์ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเดือนต.ค. 2563 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3 เป็นการปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 6 แต่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 หลังจากเมื่อเดือนก.ย. 2563 อยู่ที่ร้อยละ 1.6

-มาตรการเยียวยาผลกระทบจากโรคโควิด-19 รอบใหม่ ยังติดค้างอยู่ในสภาคองเกรส

          อย่างไรก็ตาม แนวโน้มเศรษฐกิจในระยะสั้นยังคงมืดมัว เนื่องจากหลายชาติในยุโรปยกระดับความเข้มข้นของข้อจำกัดต่างๆสกัดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ท่ามกลางจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

-สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนธ.ค.2563 เพิ่มขึ้น 9 เซนต์ ปิดที่ 41.43 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล

-เบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนม.ค.2564 ลดลง 7 เซนต์ ปิดที่ 43.75 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล

-ราคาทองคำ ปิดตลาดวันอังคาร 17พ.ย.2563  ปิดลบเล็กน้อย หลังดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่าขึ้น ราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนธ.ค.2563 ลดลง 2.70 ดอลลาร์สหรัฐฯ ปิดที่ 1,885.10 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์

อินเดีย เริ่มทดลองวัคซีนเฟส 3 ครั้งใหญ่ที่สุด อาสาสมัครเข้าร่วมกว่า 20,000 คน

          บริษัท ภารัต ไบโอเทค (Bharat Biotech) บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพสัญชาติอินเดีย เริ่มการทดลองทางคลินิกระยะที่ 3 สำหรับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ในกลุ่มอาสาสมัครทั่วประเทศจำนวน 26,000 คน การทดลองครั้งนี้นับเป็นการศึกษาประสิทธิภาพวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ระยะที่ 3 ครั้งแรกของอินเดีย และเป็นการทดลองประสิทธิภาพระยะที่ 3 ครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่อินเดียเคยดำเนินการภายใต้การอนุมัติจากหน่วยงานควบคุมยา

          เจ้าหน้าที่จะสุ่มให้อาสาสมัครได้รับการฉีดวัคซีนเข้ากล้ามเนื้อ 2 ครั้ง แต่ละครั้งห่างกันประมาณ 28 วัน โดยเป็นการทดลองแบบอำพรางสองฝ่าย (double blinded) ซึ่งผู้ตรวจสอบ ผู้เข้าร่วม และบริษัท จะไม่ทราบว่าใครจัดอยู่ในกลุ่มใด ทั้งนี้ วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของภารัต ไบโอเทค ได้รับการพัฒนาร่วมกับสถาบันวิจัยไวรัสวิทยาของสภาวิจัยทางการแพทย์แห่งอินเดีย (ICMR) อินเดียมีผู้เสียชีวิตเนื่องจากโรคโควิด-19 รวม 130,519 ราย ผู้ป่วยสะสม 8,874,290 คน

          นายอิสมาอิล ซาบรี ยาคอป รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมของมาเลเซีย เปิดเผยว่า รัฐบาลมาเลเซีย สั่งล็อกดาวน์หอพักพนักงานของบริษัทท็อป โกลฟ คอร์ป (Top Glove Corp) ในเมืองกลัง รัฐสลังงอ และพื้นที่ใกล้เคียง จนถึงวันที่ 30 พ.ย.2563 หลังจากตรวจพบผู้ติดเชื้อจำนวน 215 คน

          นายยาคอป กล่าวว่า คำสั่งล็อกดาวน์ดังกล่าวส่งผลกระทบต่อพนักงานชายหญิงจำนวน 13,190 คนของบริษัทท็อป โกลฟที่พักอยู่ในหอพัก รวมถึงคนที่อาศัยจำนวน 1,200 คนที่หอพัก Jalan Abadi 1A/8, Jalan Abadi 1A และ Jalan Abadi 0A/KU8

          การสั่งล็อกดาวน์ดังกล่าวได้เพิ่มแรงกดดันให้กับบริษัทท็อป โกลฟซึ่งเป็นผู้ผลิตถุงมือยางรายใหญ่ที่สุดของโลก โดยก่อนหน้านี้ ราคาหุ้นของบริษัทลดลงอย่างหนักในเดือนนี้ นับตั้งแต่มีข่าวความคืบหน้าในการพัฒนาวัคซีนต้านโรคโควิด-19

          บริษัทท็อป โกลฟ ออกแถลงการณ์ว่าจะให้ความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นเกี่ยวกับความปลอดภัยของพนักงาน และการควบคุมสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ บริษัทท็อป โกลฟมีพนักงานมากกว่า 21,000 คน สามารถผลิตถุงมือได้ในปริมาณ 90,000 ล้านชิ้นต่อปี ในสายการผลิตทั้งหมด 750 แห่ง

‘ทรัมป์’ ทวีต ‘ไบเดน’ คือผู้ชนะเลือกตั้ง

          สถานการณ์ทางการเมืองในสหรัฐฯ นายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ แถลงว่า ปัญหากระบวนการถ่ายโอนอำนาจที่ล่าช้าและการไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ จะทำให้สหรัฐฯ จะมีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 เพิ่มมากขึ้น เนื่องจาก นายไบเดนและคณะทำงาน ยังไม่สามารถที่จะร่วมประชุมหรือรู้ข้อมูลเบื้องลึก เพื่อเตรียมแนวทางแก้ปัญหาได้ทันจะทำให้สถานการณ์โควิด-19และปัญหาเศรษฐกิจได้รับผลกระทบอย่างหนักมากขึ้น

           ล่าสุด นายทรัมป์ ทวีตข้อความเป็นครั้งแรกว่า “โจ ไบเดน คือผู้ที่คาดว่าจะชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ” ก่อนหน้านี้ เมื่อวันจันทร์ มีรายงานในลักษณะที่ว่า นายทรัมป์ ยอมรับความพ่ายแพ้ในการเลือกตั้ง เนื่องจากมีการโกงการเลือกตั้ง ขณะที่ทีมกฎหมายและทีมหาเสียง อยู่ระหว่างตรวจสอบข้อมูลและมีความเป็นไปได้ว่าจะยื่นเรื่องต่อศาลให้พิจารณาเพิ่มเติมด้วย   

กาชาด ชี้โลกร้อนร้ายกว่าโควิด-19

           การเผยแพร่รายงานชิ้นใหม่ของสหพันธ์สภากาชาดและสภาเสี้ยววงเดือนแดงระหว่างประเทศ (ไอเอฟอาร์ซี) ที่นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ระบุว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลกถือเป็นภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่มากกว่าการแพร่ระบาดของโควิด-19 โลกต้องเร่งแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแบบเดียวกับวิกฤตโควิด-19 เพราะท่ามกลางการความรุนแรงของการแพร่ระบาด หายนะที่เกิดจากภาวะโลกร้อนก็ยังคงเกิดขึ้นอย่างไม่หยุดยั้งเช่นกัน

          สภากาชาด รวบรวมหายนะที่เกิดขึ้นตั้งแต่ทศวรรษที่ 1960 เป็นต้นมา ระบุว่า ภัยพิบัติมากกว่า 100 ครั้งที่เกิดขึ้นนับตั้งแต่มีการประกาศการแพร่ระบาดใหญ่ของโควิด-19 โดยองค์การอนามัยโลกเมื่อเดือนมี.ค.เป็นเรื่องที่มีความเชื่อมโยงกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งส่งผลกระทบกับผู้คนมากกว่า 50 ล้านคน

          นายจากัน ชาปาเกน เลขาธิการไอเอฟอาร์ซี กล่าวว่า แน่นอนว่าเรายังคงเผชิญหน้ากับโควิด-19 ส่งผลกระทบกับครอบครัว เพื่อนฝูง และญาติพี่น้อง มันเป็นวิกฤตการณ์ที่ร้ายแรงที่โลกกำลังเผชิญอยู่ แต่ไอเอฟอาร์ซี คาดว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลกจะส่งผลกระทบอย่างสำคัญทั้งในระยะสั้นและระยะกลางต่อชีวิตมนุษย์และต่อโลก และท่ามกลางข่าวดีเกี่ยวกับวัคซีนต้านโควิด-19 น่าเสียดายที่ไม่มีวัคซีนสำหรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก