สบน.เตรียมกู้เงินเพิ่ม รองรับโครงการคนละครึ่งเฟส 2
นางแพตริเซีย มงคลวนิช ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) กล่าวว่า ขณะนี้การกู้เงินตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.ก.) กู้เงินฉุกเฉิน 1,000,000 ล้านบาท ในส่วนของแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม 40,000 ล้านบาท มีการกู้เงินไปแล้วทั้งสิ้น 338,000 ล้านบาท เหลือเงินกู้ที่สามารถนำมาใช้ไม่ถึง 10,000 ล้านบาท ดังนั้น สบน.จะต้องกู้เงินเพิ่มหากกระทรวงการคลังจะดำเนินการโครงการคนละครึ่งระยะที่ 2 (เฟส 2) โดยจะเป็นการทยอยกู้ตามความต้องการใช้ตามนโยบายของรัฐ
มาตรการคนละครึ่งของรัฐบาลได้รับกระแสตอบรับดีและกำลังจะมีเฟส 2 ความต้องการการใช้เงินเพิ่มขึ้น ซึ่ง สบน. มีตารางการกู้เงินอยู่ โดยจะเป็นการทยอยกู้ไม่ได้กู้เป็นก้อนใหญ่ทีเดียว ส่วนโครงการคนละครึ่งเฟสแรกตอนนี้ยังใช้เงินกู้ที่มีอยู่ก่อน หลังจากนี้ สบน.เตรียมความพร้อมด้วยการประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดูปริมาณการใช้เงิน
CR: Patricia Mongkhonvanit
รมว.พลังงาน ตั้งเป้าหมายปีหน้าเปิดประเทศดึงดูดการลงทุน
นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า รัฐบาลจะเริ่มเปิดประเทศปีหน้า โดยพิจารณาอย่างรอบคอบตามมาตรการป้องกัน ควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ตั้งเป้าหมายว่า ปีหน้าจะเป็นปีแห่งการดึงดูดการลงทุน ปฏิบัติตามแผนการทำงานในเชิงรุก ประกอบกับการที่
ส่วนตัวเลขที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) รายงานว่าจีดีพี ไตรมาส 3/2563 อยู่ที่ติดลบร้อยละ 6.4 เป็นการประเมินจากสถานการณ์เศรษฐกิจในไตรมาส 3 ที่ดีขึ้นกว่าที่คาดไว้ และจะส่งผลให้ไตรมาส 4 ดีขึ้นตามลำดับและตามซีซั่น พร้อมทั้งเชื่อมั่นว่า ปี 2563 จะอยู่ที่ติดลบร้อยละ6.7 จากเดิมที่หลายฝ่ายประเมินว่าอาจติดลบร้อยละ 9-12 ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับดี เมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน และกรณีความกังวลงบประมาณรายจ่ายของภาครัฐปี 2564 จะต้องได้ร้อยละ 98 ของงบประมาณรายจ่ายนั้น มองว่า รัฐบาลต้องเร่งรัดประคองรายได้จากภาคการท่องเที่ยว กระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ และส่งออก
ราคาน้ำมันมีแนวโน้มขยับขึ้น ขานรับวัคซีนโควิด-19
แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบ (16 - 20 พ.ย. 2563) มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น ปัจจัยสำคัญที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้
-ความคืบหน้าการผลิตวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการผลิตในเร็วนี้ได้หรือไม่ โดยบริษัท Pfizer และ BioNTech ซึ่งประสบความสำเร็จในการทดลองวัคซีนต้านไวรัสที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคสูงถึงร้อยละ 90 เตรียมจะยื่นขอใบอนุญาตต่อสำนักงานอาหารและยาสหรัฐฯ(FDA) แบบเร่งด่วนสำหรับการผลิตวัคซีนในเร็วๆ นี้ ซึ่งคาดจะรู้ผลภายในสิ้นเดือนนี้ อย่างไรก็ตาม อุปสรรคของวัคซีนคือการผลิตและการขนส่ง ซึ่งอาจจะไม่เพียงพอต่อความต้องการ เนื่องจากการขนส่งต้องทำการขนส่งภายใต้อุณหภูมิติดลบ 94 องศาฟาเรนไฮต์ หรือ ลบ 34.44 องศาเซลเซียส ขณะที่การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกยังคงปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง นำโดยสหรัฐฯ และประเทศในกลุ่มยุโรป ส่งผลให้หลายประเทศ เช่น อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี และอิตาลี ประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์อีกครั้งในเดือนนี้ เพื่อยกระดับการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 กดดันให้ความต้องการใช้น้ำมันในช่วงฤดูหนาวมีแนวโน้มปรับลดลง
-การประชุมระหว่างกลุ่มโอเปกและประเทศพันธมิตร (โอเปกพลัส) มีแนวโน้มขยายระยะเวลาในการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบที่ระดับ 7,700,000 บาร์เรลต่อวันต่อเนื่องออกไปอีก 3-6 เดือนจากเดิมที่สิ้นสุดในปีนี้ หลังตลาดน้ำมันดิบยังคงเผชิญกับความเสี่ยงจากอุปสงค์ที่ยังคงเปราะบางจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และอุปทานที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นจากลิเบีย ทั้งนี้ กลุ่มผู้ผลิตจะมีการประชุมอย่างเป็นทางการในวันที่ 30 พ.ย.-1 ธ.ค. 2563
-ปริมาณน้ำมันดิบในสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับตัวลดลงหลัง S&P Global Platts คาดว่า ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังมีแนวโน้มปรับลดลงจากโรงกลั่นในสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้า รวมถึง ปริมาณการนำเข้าน้ำมันดิบของสหรัฐฯ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในระดับจำกัด
-การผลิตและการส่งออกน้ำมันดิบของลิเบียเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ล่าสุดปริมาณการผลิตน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นแตะระดับ 1,200,000 บาร์เรล และมีแผนที่จะเพิ่มกำลังการผลิตให้ถึงระดับ 1,300,000 บาร์เรล หลังจากที่สามารถเปิดดำเนินการแหล่งผลิตและท่าเรือขนส่งน้ำมันดิบหลักในประเทศได้หมดแล้ว
'อาร์เซ็ป'หนุนอาหารสัตว์เลี้ยง-ทูน่า โตเพิ่มขึ้นอีก 10%
นายชนินทร์ ชลิศราพงศ์ นายกสมาคมอุตสาหกรรมทูน่าไทย และนายกสมาคมการค้าอาหารสัตว์เลี้ยงไทย กล่าวถึง การบรรลุความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (อาร์เซ็ป) ว่า อุตสาหกรรมทูน่าไทยส่งออกปีละกว่า 80,000 ล้านบาท ตลาดสำคัญคือญี่ปุ่น ออสเตรเลีย สหรัฐฯ และตะวันออกกลาง แม้สินค้าประมงไทยจะส่งออกได้ปริมาณมากจากข้อตกลงเขตเสรีทางการค้า (เอฟทีเอ) แต่ยังติดขัดเรื่องแหล่งกำเนิดสินค้า ทำให้ผู้ส่งออกต้องอาศัยสิทธิการส่งออกภายใต้เงื่อนไขข้อตกลงทางการค้าต่างๆ มาช่วย แต่หลังจากข้อตกลงอาร์เซ็ปมีผลบังคับใช้ข้อจำกัดก็หมดไปทำให้การส่งออกได้มากขึ้น หลังจากนี้อุตสาหกรรมทูน่าไทยน่าจะเติบโตปีละร้อยละ 10
กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ พร้อมเยียวยาผลกระทบจากการเปิดเสรีอาร์เซ็ป
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า สำหรับผู้ได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรีภายใต้
นางอรมน กล่าวว่า ได้เริ่มหารือกับผู้ประกอบการในหลายกลุ่มสินค้าที่เกรงจะได้รับผลกระทบจากการนำเข้าจากสมาชิก
สินค้าที่ผู้ประกอบการของ
-เปิดให้จีนเพิ่มเติมในสินค้าชิ้นส่วนและอุปกรณ์ไฟฟ้า ไฟติดหมวก
-เปิดให้ญี่ปุ่นเพิ่มในสินค้าชิ้นส่วนยานยนต์
-เปิดให้เกาหลีเพิ่มในสินค้าชิ้นส่วนยานยนต์ พัดลม เครื่องแต่งกาย สิ่งทอ
ความตกลงจะมีการทบทวนทุกๆ 5 ปี สำหรับการเปิดรับสมาชิกใหม่ กำหนดให้ความตกลงมีผลบังคับใช้ไปแล้ว 18 เดือน จึงจะเปิดรับสมาชิกใหม่ได้ ซึ่งที่ผ่านมา มีหลายประเทศแจ้งความประสงค์จะขอเข้าร่วม เช่น ฮ่องกง ไต้หวัน