บริษัทโมเดอร์นา อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพของสหรัฐฯ แถลงในวันนี้ว่า ผลการทดลองวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ในเฟสที่ 3 พบว่า วัคซีนดังกล่าวมีประสิทธิภาพในการป้องกันไวรัสโควิด-19 มากกว่าร้อยละ94 โมเดอร์นา อิงค์ ได้พัฒนาวัคซีนดังกล่าวร่วมกับสถาบันวิจัยโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติของสหรัฐฯ โดยมีอาสาสมัครจำนวน 30,000 คน ด้านคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ซึ่งเป็นองค์กรบริหารของสหภาพยุโรป (EU) แสดงความยินดีต่อความคืบหน้าในการพัฒนาวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ของบริษัทโมเดอร์นา อิงค์ รวมทั้งยังอยู่ระหว่างการเจรจาซื้อวัคซีนกับบริษัทโมเดอร์นา โนวาแว็กซ์ และเคียวร์แวค
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว EU ได้บรรลุข้อตกลงซื้อวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 จำนวน 300 ล้านโดสของบริษัทไฟเซอร์ และ BioNTech หลังมีข่าวว่า วัคซีนของทางบริษัทมีประสิทธิภาพมากกว่าร้อยละ90 ในการป้องกันไวรัสโควิด-19
ภายใต้ข้อตกลงดังกล่าว ไฟเซอร์จะจัดส่งวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 จำนวน 200 ล้านโดสให้แก่ EU ขณะที่ EU ได้รับสิทธิซื้อเพิ่มเติมอีก 100 ล้านโดส
ก่อนหน้านี้ EU ได้ลงนามในข้อตกลงซื้อวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 จากหลายบริษัท เช่น แอสตร้าเซนเนก้า ซาโนฟี รวมทั้งจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน
ข่าวดีเช่นนี้ส่งผลทำให้ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ฟิวเจอร์ปรับตัวเพิ่มขึ้น 462.00 จุด อยู่ที่ 29,872.00 จุด แต่ส่งผลกระทบด้านลบต่อราคาทองคำล่าสุดเมื่อเวลา 20.22 น.สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ร่วงลง 11.60 ดอลลาร์ สู่ระดับ 1,874.60 ดอลลาร์/ออนซ์
ด้านศาสตราจารย์อูกูร์ ซาฮิน ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ BioNTech ซึ่งเป็นบริษัทยาของเยอรมนี กล่าวว่า วัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 จะช่วยให้ประชาชนสามารถกลับมาใช้ชีวิตประจำวันตามปกติภายในช่วงฤดูหนาวของปีหน้า วัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 จะสามารถลดการแพร่ระบาดลงได้ถึงร้อยละ50 ซึ่งจะส่งผลให้จำนวนผู้ติดเชื้อลดต่ำลงอย่างมาก