การลงนาม อาร์เซ็ป ครั้งประวัติศาสตร์ ทำให้ไทยส่งออกมากขึ้นใน 14ประเทศ
หลังจากมีการเจรจามานานเกือบ 8 ปี ในที่สุดก็สามารถลงนามร่วมกันได้แล้ว 15 ชาติสมาชิก ประกอบด้วย อาเซียน 10 ชาติ จีน ญี่ปุ่น เกาหลี ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ที่ตกลงเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (อาร์เซ็ป) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยถึงประโยชน์ที่ประเทศไทยจะได้รับในการลงนามความตกลงอาร์เซ็ป คือ เราจะเปิดตลาดการค้าการลงทุนได้ในอีก 14 ประเทศ ในการส่งออกสินค้าและบริการ โดยเฉพาะสินค้าเกษตร เช่น ยางพารา แป้งมันสำปะหลัง สับปะรด สินค้าประมง อาหารแปรรูป น้ำส้ม น้ำมะพร้าว รวมถึงหมวดสินค้าอุตสาหกรรม เช่น อุปกรณ์ไฟฟ้าพลาสติก เคมีภัณฑ์ ชิ้นส่วนยานยนต์ รถจักรยานยนต์ และหมวดบริการ ได้แก่การก่อสร้าง ธุรกิจสุขภาพ ภาพยนตร์ แอนิเมชัน เป็นต้น
ความตกลงอาร์เซ็ปจะช่วยเสริมสร้างความเป็นแกนกลางของอาเซียนในเวทีระดับภูมิภาคและได้รับผลประโยชน์ร่วมกันจากการเปิดเสรีการค้าสินค้า การค้าบริการ และการลงทุน อีกทั้งมีการเพิ่มความร่วมมือในด้านต่างๆ มากยิ่งขึ้นจากเอฟทีเอของอาเซียนกับคู่เจรจาที่มีอยู่ก่อนหน้า เช่น พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ทรัพย์สินทางปัญญา การแข่งขันทางการค้า และส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี)
ความตกลงอาร์เซ็ปเป็นเขตการค้าเสรีที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก โดยข้อมูลทางการค้าในปี 2562 ความตกลงอาร์เซ็ปครอบคลุมตลาดที่มีประชากรรวมกัน 2,200 ล้านคน หรือเกือบร้อยละ 30 ของประชากรโลก มีจีดีพี รวมกันกว่า 26.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 817.7 ล้านล้านบาท มีสัดส่วนร้อยละ 30 ของจีดีพีโลก และมีมูลค่าการค้ารวมกว่า 10.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 326 ล้านล้านบาท
สมาชิกอาร์เซ็ป ยังคงเปิดโอกาสให้อินเดียกลับมาเข้าร่วมความตกลงในฐานะที่เป็นสมาชิกดั้งเดิม และมีบทบาทสำคัญในการเจรจาอาร์เซ็ปตั้งแต่ปี 2555
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ กล่าวถ้อยแถลงว่า มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่การประชุมครั้งนี้สามารถสรุปผลการเจรจาร่วมกันได้ เป็นความตกลงการค้าเสรีฉบับประวัติศาสตร์ โดยทราบดีว่าประเทศสมาชิกต้องเผชิญกับความท้าทายมากมาย เนื่องจากความแตกต่างของระดับการพัฒนาทางเศรษฐกิจ และความอ่อนไหวที่แตกต่างกันของแต่ละประเทศ และล่าสุดจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ความตกลง RCEP มีนัยสำคัญในการยกระดับความสามารถในการแข่งขันและผลประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ของทุกประเทศ ดึงดูดการค้าการลงทุนจากทั่วโลก ทำให้ประเทศสมาชิกยืดหยุ่นในการรับมือกับปัญหาความท้าทายทางเศรษฐกิจได้มากขึ้น รวมทั้งจะเป็นเครื่องมือขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกไปสู่การค้าที่เสรีมากขึ้น
CR:รัฐบาลไทย
นายกฯเล่าเรื่องผ่านพอดแคสต์ อยากให้ทุกคนช่วยกันเองฝ่าวิกฤตศก.โควิด-19
เพจไทยคู่ฟ้าเผยแพร่ พอดแคสต์ นายกฯ เล่าเรื่อง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึง แก้ปัญหาโควิด-19 มีเนื้อหาสรุปว่า ขณะนี้เราต้องต่อสู้กับสถานการณ์โควิด-19 เพราะมีผลกระทบตามมาทั้งเศรษฐกิจปากท้อง คนตกงาน รวมถึงเรื่องสุขภาพ แต่เราไม่ได้เผชิญเพียงลำพัง เราแก้ปัญหาคนเดียวไม่ได้ ต้องแก้ปัญหาในลักษณะความร่วมมือกันทุกประเทศมีชะตากรรมร่วมกัน แต่ประเทศไทยถือว่ามีความโดดเด่นมีบทบาทสำคัญในเวทีโลก เพราะเขาสนใจว่าเรารับมือโควิด-19 ได้อย่างไร เราได้รับความชื่นชม เป็นสิ่งที่ตนอยากให้ทุกคนภูมิใจ เพราะไทยเป็นแกนหลักสำคัญที่ถูกจับตามองในเวทีระหว่างประเทศ วันนี้รัฐบาลพยายามอย่างยิ่งในการแก้ปัญหาโควิด-19 ในเรื่องของวัคซีนโควิด-19 สถาบันวัคซีนแห่งชาติ ไทยกำลังทำวิจัยคาดว่าจะสามารถทดสอบในคนได้ในปีหน้า แต่เราต้องทำให้มั่นใจว่าปลอดภัย อีกทั้งเรายังมีความร่วมมือกับอีกหลายประเทศหากสำเร็จขึ้นมาเราก็มีโอกาสร่วมใช้กับเขาด้วย
นายกฯ ระบุว่า เมื่อเราแก้สุขภาพแล้วเราต้องมาแก้เศรษฐกิจ เพราะเศรษฐกิจของเราจะมีความแตกต่างจากประเทศอื่นบ้างพอสมควร เราพึ่งพาการส่งออกกับการท่องเที่ยว พอสองอย่างมีปัญหาก็ทำให้มีปัญหา เราก็แก้ปัญหาของเราว่าจะทำให้เศรษฐกิจฐานรากเข้มแข็งได้อย่างไร ช่วงนี้ต้องระวังเรื่องการลดการจ้างงาน ลดค่าจ้าง ค่าแรงพนักงาน เราต้องช่วยกันเองภายในประเทศ ผู้ประกอบการรายใหญ่ต้องช่วยรายกลางและรายเล็ก เพราะเป็นห่วงโซ่ด้วยกันทั้งสิ้น รัฐบาลพยายามหามาตรการช่วยเหลือตรงนี้ มีหลายโครงการด้วยกัน เป็น 5 โครงการหลัก เช่น เราเที่ยวด้วยกัน คนละครึ่ง ช้อปดีมีคืน ขอทุกคนคิดทำอย่างไรเพื่อแก้ปัญหาไปด้วยกัน
เดินหน้าแผนฟื้นท่องเที่ยว อาจประกาศให้ปี 64-65 เป็นปีท่องเที่ยวไทย
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ในวันนี้ กระทรวงการท่องเที่ยวฯ กับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จะหารือกับเจ้าของโรงแรมประมาณ 15 แห่งทั่วประเทศ เพื่อรับฟังปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินธุรกิจ หลังจากมีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยจะมีการหารือร่วมกันว่ามีข้อเสนออะไร ที่ทางผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมต้องการให้รัฐบาลช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน
ส่วนนายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท.กล่าวว่า เตรียมจัดทำแผนฟื้นฟูภาคท่องเที่ยวหลังจากปีนี้มีการระบาดของโควิด-19 ทำให้ตลอดทั้งปีไม่สามารถดำเนินธุรกิจได้ตามแผนที่วางไว้ ทำให้ในวันที่ 24 พ.ย.2563 จะเรียกประชุมผู้บริหารของททท.ที่ดูแลทุกตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศทั่วโลก เพื่อทำแผนฟื้นฟูภาคท่องเที่ยวระยะเวลา 2 ปี (2564-2565)
สำหรับแผนฟื้นฟูระยะเวลา 2 ปี มีเป้าหมายที่จะทำให้ภาคการท่องเที่ยวเป็นกลจักรสำคัญ เป็นพระเอกตัวจริงที่จะขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจไทย โดยยังครองสัดส่วนในผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของไทยประมาณร้อยละ 20 เหมือนก่อนที่จะมีการระบาด หลังจากแผนฟื้นฟูท่องเที่ยวเสร็จจะต้องนำเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เพื่ออนุมัติแผนโดยใช้งบประมาณเดิมของปี 2564-2565 หากมีมาตรการเพิ่มเติม เช่น มาตรการภาษี การกระตุ้นการท่องเที่ยวเพิ่มเติมจากแผนที่ใช้งบปกติได้ต้องเสนอ ครม. ของบประมาณเพิ่มเติมเป็นเรื่อง ๆ ไปแต่ทั้งหมดต้องเสร็จภายในปี 2563 และปี 2564 สามารถดำเนินการตามแผนฟื้นฟูการท่องเที่ยวได้ อาจประกาศให้ปี 2564-2565 เป็นปีท่องเที่ยวไทยเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวให้กลับมาเติบโตแบบยั่งยืนอีกครั้ง
‘โปรเม’ ซึ้งใจแฟนกีฬา เตือนการ์ดอย่าตก
โปรกอล์ฟ ขวัญใจชาวไทย "โปรอาร์ม" กิรเดช อภิบาลรัตน์, "โปรโม" โมรียา จุฑานุกาล, "โปรเม" เอรียา จุฑานุกาล และ "โปรแจน" วิชาณี มีชัย ที่ติดเชื้อโควิด-19 ที่สหรัฐฯ ในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน เพราะทั้ง 4 คนใช้ชีวิตที่เมืองออร์แลนโด สหรัฐฯ ทำให้สนิทสนมกัน เมื่อมีคนหนึ่งติดก็ติดไปทั้งหมด ได้ฝากขอบคุณแฟนกอล์ฟชาวไทยที่ส่งกำลังใจไปให้อย่างมากมาย
โปรเม บอกว่า การใช้ชีวิตในสหรัฐฯในช่วงที่โควิด-19 มีความน่ากังวลสูง เพราะมีอัตราการติดเชื้อสูงมาก การจะออกไปไหนมาไหน ก็ต้องทำด้วยความระมัดระวัง ไม่ออกไปบ่อย ไปซูเปอร์มาร์เกตแต่ละครั้ง จะต้องตุนอาหาร ขนม และของใช้ให้เพียงพอในระยะเวลาที่ค่อนข้างนาน และใช้ชีวิตกันเหมือนกับว่าทุกคนติดเชื้อ เพื่อจะได้มีการเว้นระยะห่างไปโดยอัตโนมัติจนเป็นความเคยชิน ตอนนี้ทั้ง 4 โปรไทย ที่ได้รับเชื้อ อยู่ในช่วงการกักตัวและรักษาไปตามอาการ
ล่าสุด โปรเม อัพเดท ว่าทั้งตัวเองและน้องสาว ไม่ค่อยได้กลิ่นและการรับรสชาติยังไม่ดีเหมือนเดิมหวังว่าจะหายกลับไปแข่งขันให้เร็วที่สุด แต่ในรายการ เปลิกัน วีเมนส์ แชมเปี้ยนชิพ(Pelican Women's ChampionshipX โม, เม, แจน ไม่ได้แข่งขันแน่นอนแล้ว ที่สำคัญ โปรเม ย้ำว่า ขอขอบคุณทุกกำลังใจที่ส่งให้กันมาอย่างมากมาย พร้อมฝากว่า การติดเชื้อโควิด-19เป็นสิ่งที่ไม่มีใครอยากจะสัมผัส แต่เมื่อหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็ต้องมีแนวทางในการพาตัวเองออกห่างจากมันให้มากที่สุด และถ้าติดเชื้อไปแล้ว สิ่งที่ควรทำ คือ การยึดมาตรการในการป้องกันการแพร่เชื้อให้คนอื่นอย่างเข้มงวดที่สุด "การ์ดอย่าตก" เพราะขนาดระวังมากแล้ว ก็ยังเกิดขึ้น