ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 19.30 น.วันศุกร์ที่ 13 พฤศจิกายน 2563

13 พฤศจิกายน 2563, 18:33น.


ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 19.30 น.วันศุกร์ที่ 13 พฤศจิกายน 2563



ส่งการบ้านสัปดาห์หน้า ‘ชวน’ ส่งต่อ 4 ฝ่ายหารือทางออกการเมืองไทย



          การตั้งคณะกรรมการปรองดองสมานฉันท์ นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา กล่าวว่า ได้แจ้งผู้แทน 4 ฝ่าย ทั้ง ส.ส.รัฐบาล ฝ่ายค้าน คณะรัฐมนตรี และวุฒิสภาว่ารูปแบบที่สถาบันพระปกเกล้าเสนอมาทั้ง 2 รูปแบบนั้น ขอให้ตัวแทนทุกฝ่ายกลับไปช่วยพิจารณา และนำมาหารือในสัปดาห์หน้าอีกครั้งว่าคณะกรรมการฯ ที่จะจัดตั้งขึ้น จะมีฝ่ายละกี่คนและจะหารือต่อว่าในคณะกรรมการรูปแบบที่ 2 จะเชิญผู้ทรงคุณวุฒิ มีประสบการณ์ในการสร้างความปรองดองที่เป็นนักปฏิบัติจะเชิญใครบ้างซึ่งในส่วนนี้ จะไม่มีนักการเมืองเข้ามาร่วมเพื่อหารือถึงการป้องกันปัญหาความขัดแย้งในอนาคต



          ประธานรัฐสภาย้ำว่า แม้ปัญหาทางการเมืองเป็นเรื่องปกติ แต่ความขัดแย้งระหว่างประชาชนเองมีไม่บ่อยนัก จึงควรศึกษาป้องกันไม่ให้เกิดขึ้น ซึ่งเห็นว่าแม้ปัญหาความขัดแย้งทางความคิดเห็นจะห้ามไม่ได้ แต่สามารถป้องกันการถูกชี้นำจากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดได้ โดยมีการเสนอชื่อ นายประเวศ วะสี อดีตประธานคณะกรรมการพัฒนาประชาธิปไตย ที่เคยทำงานด้านการปรองดอง และอีกหลายบุคคลที่เห็นตรงกัน ซึ่งจะมีการนำไปพูดคุยกับ 4 ฝ่ายอีกครั้ง



2 ผู้นำพรรคการเมืองใหญ่ ยังย้ำต้องทำให้มั่นใจแก้รธน.สกัดความรุนแรง



        หลังนายชวน หลีกภัยประธานรัฐสภา เดินหน้าตั้งคณะกรรมการปรองดองสมานฉันท์ เพื่อหาทางออกแก้ปัญหา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เบื้องต้นมีเพียงการพูดคุยเพื่อสอบถามความเห็น แต่ยังไม่ได้เชิญเข้าร่วมเป็นคณะกรรมการฯ และหากฟังจากการให้สัมภาษณ์ของประธานรัฐสภาคาดว่ายังอยู่ระหว่างการพิจารณาโครงสร้าง



           ส่วนตัวเห็นว่า จุดสำคัญมากของการมีคณะกรรมการคือการเดินหน้าแก้ไขปัญหา เพราะหากมีคณะกรรมการแต่ปัญหากลับไม่ถูกแก้ไข ความขัดแย้งก็ไม่มีทางคลี่คลาย ดังนั้นหากจะมีคณะกรรมการขึ้นมา ก็ต้องทำให้เกิดความมั่นใจว่า กลไกที่มีขึ้นจะทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลง มีข้อสรุปที่สามารถเดินหน้าสู่การปฏิบัติได้ และคงเป็นเรื่องยาก หากจะให้ผู้ชุมนุมเข้ามาร่วมมือ ทั้งที่ข้อเรียกร้องต่างๆ ของผู้ชุมนุมยังไม่ถูกพิจารณา ดังนั้นการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าตอนนี้ ยังคงเป็นภาระหน้าที่สำคัญของรัฐบาล โดยเฉพาะในวันที่ 17-18 พฤศจิกายนนี้ ที่รัฐสภาเตรียมพิจารณาลงมติรับหลักการร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้ง 7 ฉบับ ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการลดความตึงเครียดของสถานการณ์



          คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ สมาชิกพรรคเพื่อไทย เสนอทางออกประเทศ โดยการสร้างเวทีที่ปลอดภัยให้ผู้ที่เห็นต่างและนายกรัฐมนตรีได้พูดคุยกัน พร้อมเสนอให้ตั้งคณะกรรมการแสวงหาทางออกของประเทศ โดยมีกฎหมายรองรับ ที่จะต้องสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจให้ผู้เห็นต่างยอมเข้ามา โดยต้องนำผลสรุปของการพูดคุยไปเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา อะไรที่เห็นพ้องกัน หน่วยงานต้องปฏิบัติตามกฎหมาย หากไม่ทำถือว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา157 เชื่อว่า ใช้เวลาไม่นาน ไม่เกิน 3-5 เดือน ให้มีผู้เห็นต่างที่เข้ามาหลากหลาย รวมถึงนักวิชาการที่ต้องเป็นกลางอย่างแท้จริง



           หลังจากนั้น ต้องเร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญให้พิจารณาทั้ง 7 ร่างใน 3 วาระ ให้แล้วเสร็จภายในต้นเดือนธันวาคมนี้ ซึ่งตนนับแล้ว สามารถทำได้ และจัดให้มีกระบวนการเลือกตั้ง ส.ส.ร.โดยให้ ส.ส.ร.ทำงานประมาณ 8 เดือน ไม่ต้องยาวมาก เมื่อร่างรัฐธรรมนูญผ่านวาระที่ 3 ต้นเดือนธันวาคม โดยเฉพาะประเด็นตัดสิทธิ์ ส.ว. 250 คน ไม่ให้โหวตนายกฯ แล้วนายกฯในฐานะคู่ขัดแย้ง น่าจะพิจารณาลาออก คุณหญิงสุดารัตน์ยังขอให้ทุกฝ่ายใช้สติ ลดทิฐิ หาทางออกที่เป็นธรรมร่วมกัน



ทหารไทยไม่พบติดเชื้อโควิด-19



          กรณีทหารเกาหลีใต้ติดเชื้อโควิด-19 หลังฝึกคอบร้าโกลด์ ที่จังหวัดระยอง  นพ.โอภาส การย์กวินพงษ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ขณะนี้กรมควบคุมโรคได้มีการทำหนังสือขอทราบผลการตรวจยืนยันเชื้อโควิด-19 ของนายทหารคนดังกล่าวด้วย ทราบว่าเป็นการตรวจด้วย RT-PCR และรอผลตรวจเลือดเพื่อหาภูมิคุ้มกันทั้ง Igm ภูมิคุ้มกันตอบสนองที่จะเจอในผู้ป่วยเพิ่งติดเชื้อและIgG ภูมิคุ้มกันโรค เจอในผู้ป่วยที่มีการติดเชื้อมานานแล้ว ซึ่งยังต้องรอผลอยู่เบื้องต้น ทราบว่าเจอเชื้อในปริมาณน้อยเท่านั้น แต่ยังต้องรอรายละเอียด ส่วนการกักตัวนายทหารไทยที่เกี่ยวข้องทั้งกองทัพเรือ กองทัพบก กองทัพอากาศ รวม 200 นาย ขณะนี้ไม่มีนายทหารคนใดป่วย จากข้อมูลเบื้องต้น เราเชื่อว่าติดเชื้อมาจากประเทศต้นทาง แต่อยู่ระหว่างขอรายละเอียดเพิ่มเติมจากประเทศเกาหลีใต้ แต่เชื่อว่าไม่มีผลต่อการพิจารณาลดวันกักตัว



สธ.ยังดันลดวันกักตัว ฟื้นฟูเศรษฐกิจ



          การลดวันกักตัวจาก 14 วันเหลือ 10 วัน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข (สธ.)  ให้ความมั่นใจว่าหากพบว่ามีผู้ติดเชื้อโควิด-19 จะสามารถรองรับสถานการณ์ได้ทุกกรณี เพราะมีระบบควบคุม การเฝ้าระวังที่ดี และมีระบบการรักษาพยาบาลที่มีประสิทธิภาพ โดยเกณฑ์ การคัดกรองผู้เดินทาง คือทุกคนที่เดินทางเข้าประเทศไทยไม่ว่าจะเป็นชาวต่างชาติหรือคนไทยจะต้อง  เข้าสถานกักกันโรคทุกราย ซึ่งในขณะนี้ยังกำหนดเป็น 14 วันอยู่ ซึ่งในอนาคตมีการพิจารณาลดวันลง  มา เนื่องจากทางการแพทย์มีความมั่นใจว่าสามารถลดลงเหลือ 10 วันได้



          นายอนุทิน กล่าวอีกว่า หากยังไม่มีการผ่อนคลายเลยทุกอย่างก็จะแน่นไปหมด ล็อกดาวน์ เปิดโรงแรม เปิดธุรกิจไม่ได้ รอดจากโควิด-19 แต่ก็อดตายอยู่ดี แต่เราจะต้องดูแลตัวเองด้วยการสวม หน้ากาก ล้างมือ เว้นระยะห่าง หลีกเลี่ยงสถานที่คนเยอะ แล้วใส่หน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า  โดยเฉพาะขณะนี้มีการชุมนุมของคนหมู่มาก ขอให้ใส่หน้ากากอนามัยกันทุกคน โดยกรมการแพทย์ ได้รับนโยบายไป มีการชุมนุมตรงไหนก็ไปแจกหน้ากากอนามัย และเจลแอลกอฮอล์ล้างมือให้มากที่สุด เพื่อความปลอดภัย เพราะมีโอกาสจะเกิด super spreader ได้ เราไม่รู้ว่าแต่ละคนมาจากที่ไหน จะให้ทุกคนมาตรวจเลือดก่อนไปชุมนุมก็เป็นไปไม่ได้ ก็จะให้อุปกรณ์ในการป้องกันตนเองให้ปลอดภัยมากที่สุด

          ด้าน นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ศบค.ชุดเล็ก ให้ความเห็นชอบในหลักการ โดยให้แต่ละหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปทำรายละเอียด และบูรณาการการทำงานร่วมกัน เพื่อจะนำเสนอ ศบค.ชุดใหญ่ในสัปดาห์หน้า



จีนพบเชื้อโควิด-19จากบรรจุภัณฑ์ห่อเนื้อวัวจากบราซิล



          เว็บไซต์คณะกรรมการสาธารณสุขเทศบาลเมืองอู่ฮั่นระบุว่า ตรวจพบเชื้อไวรัสโคโรนาจากตัวอย่างบรรจุภัณฑ์ด้านนอก 3 ชิ้นของเนื้อวัวไม่มีกระดูกแช่แข็งที่นำเข้าจากบราซิล เนื้อวัวแช่แข็งล็อตดังกล่าวมาถึงท่าเรือชิงเต่าเมื่อวันที่ 7 สิงหาคมที่ผ่านมา และถึงเมืองอู่ฮั่นในวันที่ 17 สิงหาคม และพบว่าเป็นเนื้อวัวของโรงงานแห่งหนึ่งในเครือกลุ่มบริษัทมาร์ฟริก โกลบอล ฟู้ดส์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตเนื้อสัตว์รายใหญ่ของบราซิล ทางการเมืองอู่ฮั่นได้นำตัวพนักงานโรงงานกว่า 100 คนไปตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนา และเก็บตัวอย่างจากสิ่งแวดล้อม 200 ชิ้นไปตรวจ



          นอกจากนี้ ทางการจีนยังตรวจพบเชื้อไวรัสโคโรนาในตัวอย่าง 22 ชิ้นจากทั้งหมดเกือบ 3 ล้านชิ้นในเดือนกันยายนรวมถึงพบผู้ป่วยติดเชื้อที่เป็นแรงงานในท่าเรือบางแห่งเมื่อไม่นานมานี้ ส่งผลให้ทางการต้องเพิ่มมาตรการตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนาและดำเนินการฆ่าเชื้อโรคในขั้นตอนการนำเข้าอาหาร ทางการจีนยังตรวจพบเชื้อไวรัสโคโรนาบนบรรจุภัณฑ์ของเนื้อวัวที่นำเข้ามาจากอาร์เจนตินา และตัวอย่างเนื้อวัวนำเข้าในมณฑลชานตง  จีนเป็นผู้นำเข้าเนื้อวัวรายใหญ่อันดับต้น ๆ ของโลก ส่วนบราซิลและอาร์เจนตินาเป็นผู้ส่งออกเนื้อวัวรายใหญ่ของโลกเช่นกัน



จีนแสดงความยินดีกับโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯคนใหม่



          จีนแสดงท่าทีหลังการเลือกตั้งสหรัฐฯแล้ว นายหวัง เหวินปิน โฆษกกระทรวงต่างประเทศของจีนกล่าวว่า รัฐบาลจีนเคารพการตัดสินใจของชาวอเมริกัน และขอแสดงความยินดีกับนายโจ ไบเดน และนางกมลา แฮร์ริส รัฐบาลจีนเข้าใจว่า ผลการเลือกตั้งสหรัฐฯจะเป็นไปตามกระบวนการและกฎหมายของสหรัฐฯ การไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ทำให้จีนตกอยู่ในสภาพอึดอัดใจ เนื่องจากจีนไม่ลังเลที่จะทำทุกวิถีทางเพื่อตอบโต้ประธานาธิบดีทรัมป์ที่กำลังเดินหน้ายื่นคำร้องต่อศาลเกี่ยวกับบัตรคะแนนเลือกตั้ง และจะอยู่ในตำแหน่งได้จนถึงวันที่ 20 มกราคมปีหน้า ซึ่งเป็นวันสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ



          ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐฯอยู่ในระดับย่ำแย่ที่สุดในรอบหลายสิบปี เนื่องจากความขัดแย้งในประเด็นเรื่องเทคโนโลยีและการค้า ไปจนถึงเรื่องฮ่องกงและการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 รวมถึงการที่รัฐบาลสหรัฐฯใช้มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจกับจีน



          ก่อนหน้านี้ ผู้นำประเทศพันธมิตรของสหรัฐฯหลายรายร่วมแสดงความยินดีกับนายไบเดนเพียงไม่กี่วัน หลังจากที่นายไบเดนชนะคะแนนคณะผู้เลือกตั้งแบบคาดการณ์ในรัฐที่มีคะแนนสูสี แต่ผู้นำของจีนและรัสเซียเป็นหนึ่งในกลุ่มประเทศที่ยังไม่แสดงความยินดีกับว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯคนใหม่ ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีนเคยส่งสารแสดงความยินดีกับประธานาธิบดีทรัมป์ในวันที่ 9 พฤศจิกายน 2559 เพียงวันเดียวหลังเสร็จสิ้นการเลือกตั้ง



ศาลปกครองสูงสุด นัดไต่สวนคำร้องอุทธรณ์ รฟม.โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม 17 พ.ย.นี้



          ศาลปกครองสูงสุด มีคำสั่งนัดไต่สวนคำร้องอุทธรณ์คำสั่งเกี่ยวกับวิธีการชั่วคราว ก่อนการพิพากษาในคดีที่ บมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ (BTSC) ยื่นฟ้องคณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 36 แห่ง พ.ร.บ.การร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ.2562 โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) กับการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ว่ากระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย กรณีมีมติแก้ไขเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์และวิธีการพิจารณาผู้ชนะการประเมินของเอกสารคัดเลือกเอกชน และวิธีการประเมินข้อเสนอด้านเทคนิคและข้อเสนอด้านการลงทุนและผลตอบแทนในการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน การออกแบบและก่อสร้างงานโยธาส่วนตะวันตก การจัดหาระบบรถไฟฟ้า การให้บริการการเดินรถไฟฟ้า และซ่อมบำรุงรักษา โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) เป็นเหตุให้ BTSC ซึ่งเป็นผู้ซื้อเอกสารข้อเสนอการร่วมลงทุนได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหายในวันที่ 17 พ.ย.63 เวลา 09.30 น.



          คดีนี้ ศาลปกครองชั้นต้นมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามหลักเกณฑ์การร่วมลงทุนของ รฟม.ที่แก้ไขเพิ่มเติมและเปลี่ยนแปลงเอกสารการคัดเลือกเอกชนเพิ่มเติมครั้งที่ 1 ที่ให้ใช้การประเมินซองที่ 2 ข้อเสนอทางเทคนิค และซองที่ 3 ข้อเสนอด้านการลงทุนและผลตอบแทน รวมกันแล้วแบ่งสัดส่วนเป็นคะแนนซองที่ 2 จำนวน 30 คะแนน และคะแนนซองที่ 3 จำนวน 70 คะแนน ในการดำเนินการคัดเลือกเอกชนเพื่อร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ไว้เป็นการชั่วคราวจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเป็นอย่างอื่น



หุ้นไทยปรับตัวขึ้นกว่า 10 จุด นิกเกอิ-ฮั่งเส็งเทขายทำกำไร



          ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยปิดวันนี้ที่ระดับ 1,346.47 จุด เพิ่มขึ้น 10.16 จุด มูลค่าการซื้อขาย 92,036.21 ล้านบาท ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวขึ้นได้จากกลุ่มแบงก์หนุนเป็นหลักจากที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ให้แบงก์พาณิชย์สามารถจ่ายปันผลได้หลังผล Stress Test ผ่าน   



          นอกจากนี้ สัปดาห์หน้าให้ติดตามปัจจัยในประเทศเป็นหลักทั้งผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) งวดไตรมาส 3/63 ของไทย, ยอดขายรถยนต์ในประเทศ, การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 18 พ.ย.นี้ ส่วนต่างประเทศให้ติดตามความคืบหน้าวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19



          ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดปรับตัวลงในวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนที่วิตกเกี่ยวกับยอดติดเชื้อโควิด-19 ที่พุ่งขึ้นทั่วโลก ได้พากันเทขายหุ้นออกมาเพื่อทำกำไร หลังจากตลาดพุ่งขึ้น 8 วันติดต่อกัน ดัชนีนิกเกอิปิดที่ระดับ 25,385.87 จุด ลดลง 135.01 จุด



          ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดวันนี้ปรับตัวลดลง หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามในคำสั่งห้ามนักลงทุนสหรัฐฯลงทุนในบริษัทที่มีความเกี่ยวข้องกับกองทัพจีน ดัชนีฮั่งเส็งปิดวันนี้ที่ 26,156.86 จุด ลดลง 12.52 จุด  



เจ้าอาวาสวัดดังในสุรินทร์ ยอมรับภาพเณรถูกตี 2 ปี ก่อน เพราะมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ตกลงกันก่อนบวช



          หลังเฟซบุ๊กแฟนเพจ ซีนิว วิวเว่อร์ 4K ได้โพสต์ภาพสามเณรหลายรูปถูกรองเจ้าอาวาส สั่งให้สามเณร รูปหนึ่งกอดเสา ถอดสบงท่อนบนออก แล้วใช้สายไฟตี จนหลังเป็นรอยช้ำ เป็นรอยแผลยาว จากการตรวจสอบพบว่า วัดที่เกิดเหตุดังกล่าว คือ วัดสุวรรณวิจิตร ต.กังแอน อ.ปราสาท จ.สุรินทร์



          พระครูปริยติปัญญาโสภณ เจ้าอาวาสวัดสุวรรณวิจิตร กล่าวยอมรับว่ามีการตีจริง แต่เป็นภาพเมื่อ 2 ปีที่แล้วซึ่งเป็นไปตามกำหนดข้อตกลงกันไว้แล้ว หากมีการกระทำผิด ซึ่งสามเณรอาจมีพฤติกรรมที่ไม่ค่อยดี จึงมีการลงโทษเพื่อให้มีการปรับปรุงพฤติกรรมให้ดีขึ้น ซึ่งทางผู้ปกครองของสามเณรเองก็ทราบ หากมีการทำผิดหรือประพฤติไม่เหมาะสมก็จะมีการลงโทษแบบนี้  



1.แอบใส่ชุดฆราวาสออกไปเที่ยวนอกวัดตอน 4 ทุ่ม



2.แอบไปเล่นบนดาดฟ้าชั้นสามแล้วยิงหนังสติ๊กปาก้อนหินลงมาที่ถนน จนเกือบโดนคนที่ขับขี่มอเตอร์ไซค์และรถยนต์ และ



3.ไปยุ่งเกี่ยวกับกัญชา ซึ่งสามเณรทั้งหมดเลือกที่จะโดนตีแทนการสึก พระครูปริยติปัญญาโสภณ จึงลงโทษด้วยการตี หลังจากนั้นสามเณรกลุ่มนี้ได้สึกออกไปจำนวน 5 รูป



          ส่วนคลิปที่มีพระตีหลังสามเณรต่อหน้าเด็กนักเรียนนั้น เนื่องจากสามเณรรูปนี้แอบไปอยู่กับเด็กนักเรียนหญิงสองต่อสองบนห้องเรียน (แตะเนื้อต้องตัวกัน) ขณะที่เพื่อนๆ กำลังนั่งสวดมนต์ตอนเย็น



          นายปราณสุวีร์ อาวอร่ามรัศมิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดสุรินทร์ เปิดเผยว่าหลังคลิปดังกล่าว ถูกเผยแพร่ในโลกออนไลน์ วันนี้จึงได้ลงพื้นที่ตรวจสอบ จากการสอบถามทราบว่าเป็น การกำหนดข้อตกลงกันไว้แล้ว หากมีการกระทำผิด ซึ่งสามเณรอาจมีพฤติกรรมที่ไม่ค่อยดี (เสพกัญชา) จึงมีการลงโทษเพื่อให้ปรับปรุงพฤติกรรมให้ดีขึ้น ซึ่งทางผู้ปกครองของสามเณรเองก็ทราบว่าหากมีการทำผิดหรือประพฤติไม่เหมาะสมก็จะมีการลงโทษแบบนี้

ข่าวทั้งหมด

X