กรณีสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือ สหภาพแรงงาน ขสมก. แถลงการณ์ไม่เห็นด้วยกับการที่ตำรวจนำรถของ ขสมก.ไปปิดกั้นถนนเพื่อขวางทางผู้ชุมนุม และไม่เห็นด้วยกับการฟ้องร้องค่าเสียหายจากผู้ชุมนุม เนื่องจากทำให้รถเมล์เสียหาย เพราะมองว่ารถเมล์เป็นทรัพย์สินขององค์การที่ได้มาจากภาษีของประชาชน พร้อมกับเรียกร้องให้บอร์ด ขสมก.เรียกค่าเสียหายจากตำรวจ

พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ระบุว่า กรณีนี้ตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจ ที่ผ่านมาได้หารือกับทางผู้แทนสหภาพ ขสมก.และผู้อำนวยการ ขสมก.เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการดำเนินการต่างๆ ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก ความเสียหายที่เกิดขึ้นจะเป็นพยานหลักฐานที่นำไปสู่การฟ้องร้องดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด อย่างเช่น เมื่อปี 2551 ที่มีผู้ชุมนุมปิดสนามบิน ก็มีการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจำนวน 522 ล้านบาท จากจำเลยที่เป็นแกนนำผู้ชุมนุม ศาลฏีกามีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้วว่าให้จำเลยทั้งหมดชดใช้ หรือคดีวางเพลิงเผาทรัพย์อาคารพาณิชย์บริเวณแยกราชปรารภ ก็มีการฟ้องร้องดำเนินคดีกับจำเลย 13 ราย ซึ่งศาลได้พิพากษาลงโทษแกนนำ 3 ราย ที่มีการกระทำผิดจริงๆ ส่วนจำเลยอื่นๆที่เป็นหน่วยราชการ กรุงเทพมหานคร หรือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ศาลพิพากษายกฟ้องทั้งหมด หรืออย่างคดีผู้ชุมนุมปิด ปตท. ศาลก็พิพากษาให้จำเลยทั้ง 4 ราย ชดใช้ค่าเสียหายถึงกว่า 9 ล้านบาท ดังนั้น ขสมก.ไม่ต้องเป็นห่วงหรือกังวลเรื่องค่าเสียหาย

ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า เป็นเพราะตำรวจนำรถเมล์ไปวางปิดกั้นผู้ชุมนุมเอง ไม่ใช่ผู้ชุมนุมไปเผาทำลายรถ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ระบุว่า ตามกฏหมาย ไม่ว่ารถเมล์จะวิ่ง หรือจะนำมาใช้ในราชการใดๆ ถ้ามีผู้กระทำให้เกิดความเสียหาย ผู้กระทำต้องรับผิดชอบทางกฏหมายอยู่แล้ว ทั้งคดีแพ่งและคดีอาญา ไม่ใช่การปัดความรับผิดชอบให้กับแกนนำผู้ชุมนุมแต่อย่างใด ส่วนในอนาคตจะนำรถเมล์มาใช้ในราชการเช่นนี้อีกหรือไม่ จะต้องพิจารณาตามความเหมาะสม และมีการหารือ ทั้งกับผู้อำนวยการ ขสมก.และตัวแทนสหภาพ ขสมก. ซึ่งถือว่าเป็นการประสานความร่วมมือกันระหว่างหน่วยงานภาครัฐด้วยกัน
ส่วนความคืบหน้าการดำเนินคดีกับแกนนำและผู้ชุมนุม เมื่อวันที่ 8 พ.ย.ที่ผ่านมา แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ พื้นที่ สน.สำราญราษฎร์ ผู้ต้องหา 14 คน ความผิดฝ่าฝืน พ.ร.บ.การชุมนุมในที่สาธารณะ และอีก 3 คน ความผิดตาม พ.ร.บ.ความสะอาด ที่นำตู้ไปรษณีย์มาทำกิจกรรมบริเวณหน้าอาคารศาลฎีกา ซึ่งกรุงเทพมหานครได้มาร้องทุกข์ไว้ที่ สน.ชนะสงครามแล้ว และหลังจากตรวจสอบเอกสารภายในตู้ไปรษณีย์แล้ว จะส่งให้ สน.สำราญราษฎร์ เป็นหลักฐานประกอบการพิจารณาแจ้งข้อหาอื่น ๆ
ส่วนการดำเนินคดีกับผู้ชุมนุมที่ทำร้ายร่างกายในมหาวิทยาลัยรามคำแหง พื้นที่ สน.หัวหมาก ขณะนี้ตำรวจพบผู้กระทำความผิด 11 คน จับตัวได้แล้ว 2 คน อีก 9 คน กำลังออกหมายเรียกตามภาพถ่ายที่ปรากฏ มารับทราบข้อกล่าวหา แต่ยังไม่ทราบชื่อทั้ง 9 คน โดยจะถูกแจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่น และร่วมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้น ไปก่อความไม่สงบในบ้านเมือง