ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 19.30 น.วันพุธที่ 11 พฤศจิกายน 2563

11 พฤศจิกายน 2563, 18:54น.


ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 19.30 น.วันพุธที่ 11 พฤศจิกายน 2563



'สถาบันพระปกเกล้า' ชี้แจงเสนอ คกก.สมานฉันท์ 2 รูปแบบให้สภาฯพิจารณา ย้ำต้องทำงานระยะยาวแก้ขัดแย้ง



          ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พิจารณารายงานประจำปี2562 ของสถาบันพระปกเกล้า มีนายวุฒิสาร ตันไชย เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า เป็นผู้รายงาน โดยมีส.ส.หลายคนอภิปรายเรียกร้องให้สถาบันพระปกเกล้าออกมาชี้แจงความชัดเจนถึงแนวทางแก้ปัญหาความขัดแย้งของประเทศ นายวุฒิสาร ตันไชย เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า ชี้แจงว่า ในส่วนของโมเดลการสร้างความปรองดองนั้น ทางสถาบันพระปกเกล้าได้หารือผู้ทรงคุณวุฒิ และได้เสนอรูปแบบคณะกรรมการสมานฉันท์ 2 รูปแบบให้สภารับทราบคือ



1.คณะกรรมการ 7ฝ่าย ที่ควรตั้งทันที เพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่กำลังจะเกิดขึ้น



2.โมเดลคณะกรรมการที่ปลอดจากฝ่ายการเมือง อาจเป็นผู้ทรงคุณวุฒิหรือผู้มีประสบการณ์การแก้ปัญหาความขัดแย้งขึ้นมาหนึ่งชุดมาทำงานระยะยาวเพื่อออกแบบระบบป้องกันและความระมัดระวัง ไม่ให้เกิดการขัดแย้งในอนาคตข้างหน้า  



           ทั้ง2แบบนี้ มีบทเรียนที่เราเคยทำงานศึกษาวิจัยอยู่ ขึ้นอยู่กับสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาจะเลือกรูปแบบอย่างไร



ประธานรัฐสภา เผยคุยกับอดีตนายกฯที่อยู่ในประเทศไทยทั้งหมดแล้ว ย้ำต้องแก้ประชาชนขัดแย้งกันเอง



          ก่อนหน้านี้ นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภาให้สัมภาษณ์ถึงการตั้งคณะกรรมการสมานฉันท์ ได้ติดต่อกับอดีตนายกฯที่เหลือ เช่น นายทักษิณ ชินวัตร และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หรือไม่ว่า ได้คุยกับอดีตนายกฯ ที่อยู่ในประเทศไทย ซึ่งได้คุยหมดแล้ว ยกเว้น พล.อ.สุจินดา คราประยูร เพราะป่วย จึงไม่ได้คุย และเท่าที่มีเวลาได้ติดต่อประสานงานพูดคุยกับคนที่ทำงานด้านนี้ เพราะคิดว่าเฉพาะหน้าเป็นเรื่องหนึ่งที่ต้องแก้ไป



          ประธานรัฐสภาย้ำว่า ในระยะยาวต้องป้องกันความขัดแย้ง ความขัดแย้งทางการเมืองต้องมีตลอดไป ไม่ได้แปลกอะไร แต่ประชาชนขัดแย้งกันเอง ถ้าย้อนหลังไปดูจะมีบางช่วงที่เกิดขึ้นจริงๆ เกิดจากการกระทำ ส่วนใหญ่คือฝ่ายการเมืองที่เป็นผู้กระทำให้เกิดความขัดแย้ง ชนิดที่คนหนึ่งเข้าจังหวัดนั้นไม่ได้ จังหวัดนี้ไม่ได้ ซึ่งต้องศึกษาว่าจะป้องกันอย่างไร เพราะเรื่องอดีตบางเรื่องสามารถนำมาศึกษาเพื่อไม่ให้เกิดขึ้นได้



กกต.หารือ คณะก้าวหน้าช่วยหาเสียงอบจ.ผิดกฎหมายหรือไม่



          ที่ประชุมคณะกรรมการการเลือกตั้ง ( กกต.) วานนี้ ( 10 พ.ย.) กกต.ได้หยิบยกกรณีการเคลื่อนไหวของแกนนำคณะก้าวหน้า คือ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นายปิยบุตร แสงกนกกุล และน.ส.พรรณิการ์ วานิช ในการช่วยผู้สมัครลงรับเลือกตั้งเป็นนายกและสมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ขึ้นมาพูดคุย โดยเห็นว่า ลักษณะการเคลื่อนไหวมีข้อเท็จจริงหลายกรณีที่ทำเหมือนพรรคการเมือง ซึ่งสำนักงานได้ชี้แจงว่า ขณะนี้นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยได้ยื่นร้องขอให้ กกต.ตรวจสอบในประเด็นนี้ และด้านกิจการพรรคการเมืองของสำนักงานกำลังเร่งรวบรวมข้อมูล ประเด็นข้อกฎหมายต่าง ๆ เพื่อเสนอ กกต.พิจารณาดำเนินการ



          ที่ผ่านมาการดำเนินการกับคำร้องลักษณะนี้ของ กกต. เมื่อสำนักงานมีการรวบรวมข้อมูลประเด็นข้อกฎหมายเสนอเข้าที่ประชุม กกต.แล้ว ก็ขึ้นอยู่กับกกต.ว่าจะมอบหมายให้นายทะเบียนพรรคการเมืองใช้อำนาจตามมาตรา 7 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง เรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องมาให้คำชี้แจงหรือให้ส่งเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องมา เพื่อประกอบการพิจารณา หรือจะมอบหมายให้ด้านสืบสวนทำสำนวนตามระเบียบ กกต.ว่าด้วยการสืบสวนไต่สวนก็ได้



          อย่างไรก็ตาม ตาม มาตรา 111 ของ พ.ร.ป.พรรคการเมือง กำหนดไว้ว่าผู้ใดสมคบกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปดำเนินกิจการเช่นเดียวกับพรรคการเมือง หรือผู้ใดดำเนินการไม่ว่าด้วยวิธีใด ให้เข้าใจว่าเป็นพรรคการเมือง โดยไม่ได้จดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมืองต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้น 5 ปี



ตร.พร้อมรับม็อบ 14 พ.ย. เน้นดูแลความปลอดภัย เตือนผู้ชุมนุมให้ทำกิจกรรมอยู่ในกรอบกฎหมาย



          พลตำรวจตรี ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (โฆษก ตร.) ระบุว่า การชุมนุมที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 14 พ.ย.นี้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็กนักเรียน ทางตำรวจจะเน้นเรื่องการดูแลความปลอดภัย ซึ่งได้หารือกับผู้บัญชาการตำรวจนครบาลแล้วว่า จะมีการใช้ตำรวจควบคุมฝูงชนหญิงมากขึ้น แต่ไม่ได้เป็นการตั้งเพื่อรับมือความรุนแรง ซึ่งทางตำรวจก็เข้าใจว่าเด็กก็มีสิทธิในการแสดงออกทางความคิดทางการเมืองแต่ก็ต้องอยู่ในขอบเขตของกฎหมายด้วย ซึ่งตำรวจก็พร้อมรับมืออยู่แล้วยืนยันการดำเนินการเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย



          ส่วนการฉีดน้ำใส่ผู้ชุมนุมเมื่อวันที่ 8 พ.ย. พลตำรวจตรียิ่งยศ ชี้แจงว่า น้ำที่ใช้เป็นน้ำเปล่าไม่ผสมสารเคมี ซึ่งก่อนการฉีดน้ำมีการแจ้งเตือนให้ประชาชน ไม่ให้เข้าใกล้พระบรมมหาราชวัง เนื่องจากผิดกฎหมาย ซึ่งเรื่องนี้ได้มีการชี้แจงต่อกรรมาธิการตำรวจของวุฒิสภาแล้ว โดยวันพรุ่งนี้จะไปชี้แจงต่อกรรมาธิการสภาผู้แทนราษฎรต่อไป



          ด้านการพบพลุควันในพื้นที่สนามหลวงฝั่งตำรวจในการชุมนุมของกลุ่มคณะราษฎร  ขณะนี้อยู่ระหว่างใช้เทคโนโลยีต่างๆในการติดตามผู้กระทำผิดอยู่ ซึ่งพอจะมีเบาะแสอยู่บ้างแล้ว ซึ่งเหตุนี้เข้าข่ายความผิดหลายอย่าง ซึ่งอยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลผู้กระทำความผิดและดำเนินคดีอยู่



          สำหรับการดำเนินคดีกับแกนนำและผู้ชุมนุมตั้งแต่วันที่ 13 ต.ค. ถึงปัจจุบัน มีการดำเนินคดีผู้กระทำความผิดแล้วจำนวน 89 คน ส่วนใหญ่เป็นความผิดตามมาตรา 116 ยุงยงปลุกปั่นให้เกิดความไม่สงบในบ้านเมือง ซึ่งทั้งหมดก็ได้รับการปล่อยตัวแล้ว ซึ่งอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน ส่งให้อัยการพิจารณาสั่งฟ้องต่อไป



สำนักพุทธฯ ย้ำ มติมส. พระ สามเณร ห้ามยุ่งเกี่ยวการเมือง อยากได้คิ้วคืนให้ลาสิกขา



          นายณรงค์ ทรงอารมณ์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวว่า มหาเถรสมาคม (มส.) มีมติเร่งด่วนให้ทำหนังสือแจ้งไปยังวัดทั่วประเทศ ห้ามพระภิกษุ สามเณร ยุ่งเกี่ยวกับกิจกรรมทางการเมือง หากฝ่าฝืนคำสั่งหรือมติ มส.ให้เจ้าคณะปกครองดำเนินการทันที พร้อมยืนยันว่า พศ.และมส.ไม่ได้นิ่งนอนใจ ตั้งแต่มีภาพพระภิกษุ สามเณรเข้าร่วมการชุมนุม ได้ส่งหนังสือไปยังเจ้าคณะผู้ปกครองแล้วประมาณ 2-3 ครั้ง ถึงการดูแลปกครองไม่ให้พระภิกษุสามเณรเข้าร่วมชุมนุม แต่ยังมีพระเณรเข้าร่วมการชุมนุมอยู่ จึงต้องออกเป็นมติ มส.ที่ชัดเจน 



          ส่วนการเอาผิดกับพระภิกษุสามเณร ที่กระทำผิดทางพระธรรมวินัยจะต้องถึงขั้นให้ลาสิกขาหรือไม่ ให้อยู่กับการพิจารณาของเจ้าคณะผู้ปกครอง ตั้งแต่ว่ากล่าวการตักเตือน และให้สึก เบื้องต้นจากภาพที่มีพระภิกษุ และสามเณรเข้าร่วมชุมนุม ประมาณ 7 รูป พบรายชื่อเป็นพระจริง 1 รูป เณรจริง 1 รูป ส่วนที่เหลืออยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบ ว่าใช่พระจริงหรือไม่ โดยจะส่งหนังสือถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หากพบเป็นพระปลอม ให้ดำเนินการตามกฎหมายอาญาต่อไป



          รวมถึงกรณีพระภิกษุ ชูป้ายในระหว่างการชุมนุม ทวงคืนคิ้ว หรือเอาคิ้วคืนมานั้น พระสงฆ์ที่เข้ามาบวช ไม่ได้มีใครบังคับ เข้ามาด้วยความสมัครใจ และกฎบอกไว้ชัดเจนว่าต้องโกนคิ้ว หากยอมรับระเบียบไม่ได้ ก็แค่ลาสิกขาเพราะการบวชไม่ได้มีใครบังคับ มาบวชด้วยความสมัครใจ 



รองโฆษกก.คลัง ย้ำ ได้รับสิทธิ’คนละครึ่ง’รอบ 2 แล้ว ใช้ได้เลยทันที เตือนร้านค้าอย่าฉวยโอกาสขึ้นราคา



          โครงการคนละครึ่งซึ่งเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนเพิ่มเติม จำนวน 2.5 ล้านสิทธิ นายพรชัย ฐีระเวช ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการเงิน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะรองโฆษกกระทรวงการคลัง ย้ำว่า ประชาชนที่ลงทะเบียนสำเร็จและได้รับ SMS  ยืนยันสิทธิแล้วขอให้รีบติดตั้งแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” รวมทั้งยืนยันตัวตนให้เรียบร้อย โดยสามารถเติมเงินจำนวนเท่าใดก็ได้ ตามต้องการเข้าไปในแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ก็จะสามารถใช้สิทธิซื้อสินค้ากับผู้ประกอบการร้านค้าที่มีแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” ที่เข้าร่วมโครงการได้ทันที ซึ่งสามารถใช้จ่ายได้ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2563 หากไม่ใช้จ่ายภายใน 14 วัน นับจากวันถัดจากวันที่ได้รับ SMS แจ้งรับสิทธิ ท่านจะถูกตัดสิทธิและไม่สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการได้อีก

          สำหรับยอดโครงการคนละครึ่ง ล่าสุด ณ วันที่ 11 พฤศจิกายน 2563 เวลา 12.00 น. มีร้านค้า ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 5แสน9หมื่นร้านค้า และมีผู้ใช้สิทธิแล้วจำนวน 7,410,937 คน โดยมียอดการใช้จ่ายสะสม 11,889 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินที่ประชาชนจ่าย 6,059 ล้านบาท และภาครัฐร่วมจ่ายอีก 5,830 ล้านบาท ยอดใช้จ่ายเฉลี่ย 210 บาทต่อครั้ง โดยจังหวัดที่มีการใช้จ่ายสะสมมากที่สุด 5  อันดับแรก ได้แก่ กรุงเทพมหานคร สงขลา นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี และเชียงใหม่



มิงค์ในสหรัฐฯ ติดเชื้อโควิด-19 ตายไปแล้วมากกว่า 15,000 ตัวตั้งแต่เดือน ส.ค.



          เจ้าหน้าที่สาธารณสุขทั่วโลกกำลังเพ่งเล็งไปที่สัตว์ชนิดนี้ว่าอาจเป็นภัยคุกคามต่อมนุษย์ โดยสัปดาห์ที่แล้วรัฐบาลเดนมาร์กได้สั่งฆ่ามิงค์ 17 ล้านตัวทั่วประเทศ หลังพบประชาชนติดเชื้อโควิด-19 กลายพันธุ์จากฟาร์มผลิตขนมิงค์ ซึ่งไวรัสกลายพันธุ์นี้อาจทำให้วัคซีนที่จะผลิตได้ในอนาคตมีประสิทธิภาพในการต่อต้านเชื้อน้อยลง ทางการรัฐยูทาห์, วิสคอนซิน และมิชิแกน ซึ่งพบมิงค์ตายจากการติดโควิด-19 เป็นจำนวนมาก ยืนยันว่ายังไม่มีแผนสั่งทำลายมิงค์ในตอนนี้



          สหรัฐฯ มีการเพาะเลี้ยงมิงค์ 359,850 ตัวเพื่อผลิตลูกมิงค์ (kits) และขนมิงค์ โดยรัฐวิสคอนซินถือเป็นรัฐที่มีอุตสาหกรรมผลิตขนมิงค์ขนาดใหญ่ที่สุด ตามมาด้วยรัฐยูทาห์ USDA พบว่า มิงค์ที่ป่วยในวิสคอนซินและยูทาห์เคยสัมผัสกับผู้ป่วยยืนยันโควิด-19 มาก่อน ส่วนที่มิชิแกนยังไม่ทราบแน่ชัดว่ามิงค์ติดเชื้อจากมนุษย์หรือไม่ ยูทาห์เป็นรัฐแรกในอเมริกาที่ยืนยันการพบมิงค์ติดโควิด-19 เมื่อเดือน ส.ค. โดยมีมิงค์ตายไปราวๆ 10,700 ตัวในฟาร์ม 9 แห่ง ทางการสหรัฐฯ เตือนให้เกษตรกรผู้เลี้ยงมิงค์สวมอุปกรณ์ป้องกัน เช่น หน้ากากและถุงมือ ขณะจัดการสัตว์ เพื่อป้องกันการนำเชื้อโรคไปแพร่สู่พวกมัน



          เจ้าหน้าที่ประจำรัฐต่างๆ ยังอยู่ระหว่างพิจารณาร่วมกับ USDA ว่าเกษตรกรสามารถจำหน่ายขนมิงค์ที่ติดเชื้อโควิด-19 ได้หรือไม่ โดยขนของมิงค์นั้นสามารถนำไปผลิตเสื้อขนสัตว์และผลิตภัณฑ์อื่นๆ ได้หลายอย่าง ก่อนหน้านี้ เคยมีรายงานพบสัตว์ชนิดอื่นๆ เช่น แมว, สุนัข, สิงโต และเสือติดเชื้อโควิด-19 มาแล้วในสหรัฐฯ ทว่ามิงค์ดูเหมือนจะเป็นสายพันธุ์ที่เปราะบางต่อไวรัสชนิดนี้มากเป็นพิเศษ



เดนมาร์กเร่งฝังมิงค์ที่ตายนับล้านตัว



          หลังเดนมาร์กตรวจพบประชาชนติดเชื้อไวรัสโคโรนาที่กลายพันธุ์และมีต้นตอมาจากฟาร์มมิงค์ โดยมีผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์นี้กว่า 214 คน ทำให้หน่วยงานสาธารณสุขเดนมาร์กได้รายงายการกลายพันธุ์เชื้อไวรัสต่อองค์การอนามัยโลกแล้ว นายกรัฐมนตรีเดนมาร์กได้ประกาศล็อกดาวน์เมืองทั้ง 7 แห่ง ที่เป็นสถานที่ตั้งของฟาร์มมิงก์ 1,137 แห่งแล้ว รวมทั้ง ร้านอาหาร ร้านค้า และระบบขนส่งทุกรูปแบบอีกด้วย  จากนั้นรัฐบาลเดนมาร์กได้วางแผนจำกัดตัวมิงค์17 ล้านตัว เพื่อเป็นการควบคุมโรคและป้องกันการระบาดของเชื้อโควิด-19 โดยทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการนำตัวมิงค์ไปอบควันร้อนเพื่อเป็นการฆ่าเชื้อก่อนที่จะนำไปฝังในหลุมขนาดใหญ่ที่ถูกขุดเป็นทางยาวหลายเมตร



          กระบวนการกำจัดตัวมิงค์ได้หยุดชะงักลง เนื่องจากฝ่ายค้านได้ออกมาแย้งว่าทางรัฐบาลยังไม่สามารถออกกฎหมายควบคุมโรคได้เนื่องจากกฎหมายดังกล่าวต้องใช้เวลา30วันในการอนุมัติ โดยฝ่ายค้านยังบอกอีกว่ารัฐบาลยังไม่มีแผนรองรับธุรกิจตัวมิงค์ที่ได้รับความเสียหาย รวมถึงค่าชดเชยพนักงานฟาร์มกว่าพันแห่ง ซึ่งรัฐบาลเดนมาร์กยืนยันว่าผู้เลี้ยงตัวมิงค์จะได้เงินชดเชยแน่นอน และจะเร่งให้กฎหมายควบคุมโรคผ่านโดยเร็วที่สุด



หุ้นเอเชีย ปรับตัวเพิ่มขึ้นความหวัง ศก.ฟื้นตัว



         การซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยวันนี้ ( 11 พ.ย. 2563) บรรยากาศการซื้อวันนี้ปรับตัวขึ้นในทิศทางเดียวกับตลาดต่างประเทศ โดยได้รับแรงหนุนจากหุ้นในกลุ่มพลังงาน-กลุ่มปิโตรเคมีที่ขึ้นนำตลาด ผลจากราคาน้ำมันรีบาวด์ขึ้น คาดว่านักลงทุนสถาบันจะกลับเข้ามาซื้อหุ้นขนาดใหญ่ในวันนี้ด้วย ทำให้ตลาดฯปรับตัวขึ้นได้ค่อนข้างดี  อีกทั้งรับข่าวความคืบหน้าเกี่ยวกับการพัฒนาวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19



          ส่วนปัจจัยการเมืองในประเทศเริ่มทรงตัว แต่ยังมีความคาดหวังถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะเป็นการปลดล็อกปัจจัยในประเทศด้วย  ราคาน้ำมันส่งผลปิดตลาดวันนี้ที่ระดับ 1,345.34 จุด เพิ่มขึ้น 4.10 จุด มูลค่าการซื้อขาย 117,152.65 ล้านบาท



          ดัชนีนิกเกอิ ตลาดหุ้นโตเกียวปิดพุ่งขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 7 และแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 29 ปี โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า เศรษฐกิจโลก จะฟื้นตัวขึ้นหลังมีความคืบหน้าเกี่ยวกับการพัฒนาวัคซีนต้านโรคโควิด-19 ดัชนีนิกเกอิปิดที่ระดับ 25,349.60 จุด เพิ่มขึ้น 444.01 จุด



          ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดวันนี้ปรับตัวลดลง จากแรงขายทำกำไรของนักลงทุน หลังจากที่ฮั่งเส็งปิดพุ่งขึ้นเกือบ 300 จุดเมื่อวานนี้ รับข่าวไฟเซอร์ อิงค์ บริษัทยารายใหญ่สุดของสหรัฐฯและ ไบโอเอ็นเทค บริษัทยาของเยอรมนี แถลงความคืบหน้าครั้งใหญ่ในการทดลองวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ดัชนีฮั่งเส็งปิดวันนี้ที่ 26,226.98 จุด ลดลง 74.50 จุด



ราคาทองคำไทยยังร่วงต่อเนื่อง 200 บาท



          ความเคลื่อนไหวราคาทองคำในประเทศไทยวันนี้ (11 พฤศจิกายน 2563)ลดลง 200 บาทหลัง  เปิดตลาดลดลง 150 บาท รวมตลอดทั้งวันราคาทองคำมีการขึ้น-ลงรวม 6 ครั้ง ส่งผลทำให้ราคาซื้อขายทองคำในประเทศชนิด 96.5% วันพุธที่ 11 พฤศจิกายน 2563  



ราคาทองคำรูปพรรณ  ขายออกบาทละ 27,450

รับซื้อบาทละ 26,363.24



ราคาทองคำแท่ง ขายออกบาทละ 26,950 รับซื้อบาทละ 26,850



นายกฯบาห์เรนสิ้นพระชนม์



          สำนักพระราชวังบาห์เรนประกาศว่า ชีคคาลิฟา บิน ซัลมาน อัล คาลิฟา นายกรัฐมนตรีบาห์เรนสิ้นพระชนม์ขณะมีพระชันษา 84 ปีที่โรงพยาบาลมาโย เมืองโรเชสเตอร์ รัฐมินนิโซตา ในสหรัฐอเมริกา



          ชีคคาลิฟา มีศักดิ์เป็นพระปิตุลาของ เอเมียร์ฮาหมัด บิน อิซา อัล คาลิฟา เจ้าผู้ครองรัฐบาห์เรน ทรงเป็นบุคคลสำคัญทางการเมืองของบาห์เรน โดยอยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรียาวนานที่สุดในโลก คือตั้งแต่การประกาศเอกราชจากอังกฤษในปี 2514



          เมื่อต้นปีนี้ทรงมีอาการประชวรและเดินทางไปรับการรักษาที่เยอรมนีแล้วกลับมาบาห์เรนในเดือนมีนาคม แต่ในเดือนสิงหาคมชีคคาลิฟา เดินทางไปยังสหรัฐอเมริกา เพื่อรับการรักษาอาการประชวรอีกครั้ง



          สำนักข่าวของรัฐบาห์เรน เปิดเผยว่าพระราชพิธีศพจะมีขึ้นเมื่อส่งพระศพกลับมาถึงประเทศแต่จะเป็นการจัดงานภายในเฉพาะพระญาติจำนวนหนึ่งเท่านั้น



          ทางการบาห์เรนประกาศไว้ทุกข์อย่างเป็นทางการเป็นเวลา 1 สัปดาห์ กระทรวงและหน่วยงานของรัฐบาลจะปิดทำการเป็นเวลา 3 วันเริ่มตั้งแต่วันพฤหัสบดี



ฝังศพหัวหน้าคณะเจรจาปาเลสไตน์วันนี้



          ปาเลสไตน์เตรียมจัดพิธีฝังศพนายซาเอบ เอรากัต หัวหน้าคณะเจรจาปาเลสไตน์และเลขาธิการองค์การปลดปล่อยปาเลสไตน์หรือพีแอลโอในวันพุธนี้ หลังจากเสียชีวิตเนื่องจากติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 นายเอรากัต วัย 65 ปี ดำรงตำแหน่งหัวหน้าคณะเจรจาปาเลสไตน์ในสมัยของนายยัสเซอร์ อาราฟัต และประธานาธิบดีมาห์มูด อับบาส นายเอรากัตเสียชีวิตเมื่อวันอังคาร



          นายอารากัตเคยมีประวัติเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายปอดเมื่อ 3 ปีก่อน ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ และอาการทรุดลง จากนั้นเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลในนครเยรูซาเลมเมื่อ 3 สัปดาห์ที่แล้วและเสียชีวิตเมื่อวันอังคารเนื่องจากอวัยวะหลายส่วนล้มเหลว



          พิธีศพของนายเอรากัตมีขึ้นในวันเดียวกับที่ชาวปาเลสไตน์ร่วมรำลึกครบรอบ 16 ปี การถึงแก่อสัญกรรมของนายอาราฟัต สำนักข่าววาฟาของทางการปาเลสไตน์รายงานว่า จะมีการจัดงานเพื่อรำลึกถึงนายอาราฟัต แต่ผู้เข้าร่วมจะต้องปฏิบัติตามมาตรการเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19

ข่าวทั้งหมด

X