ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 12.30 น.วันจันทร์ที่ 9 พฤศจิกายน 2563

09 พฤศจิกายน 2563, 13:32น.



หุ้นไทย ดีดตัวแรง ตามตลาดหุ้นต่างประเทศ คาดหวังเม็ดเงินไหลเข้ามาในเอเชีย  



          การลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ประมาณ 12.29 น.เคลื่อนไหวอยู่ที่ 30.99จุด อยู่ที่ 1,291.07 จุด มูลค่าการซื้อขาย 45,846.28 จุด ปรับตัวขึ้นในทิศทางเดียวกับตลาดต่างประเทศ นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) คาดว่า ตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวขึ้นในทิศทางเดียวกับตลาดต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ต่างเคลื่อนไหวในแดนบวก เช่นเดียวกับ ราคาน้ำมันฟิวเจอร์สก็ปรับบวก แม้ตลาดสหรัฐฯจะมีการปรับฐานก็ตาม หลังจากที่มีความชัดเจนแล้วว่านายโจ ไบเดน ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ แม้ว่าจะต้องรอเวลาอีกระยะในการเคลียร์เรื่องต่าง ๆ ก็ตาม  คาดหวังว่า เม็ดเงินจะไหลเข้ามาในเอเชีย โดยเฉพาะ Emerging Market เนื่องจากนโยบายของนายไบเดน จะมีการปรับขึ้นภาษีทำให้มองว่าจะมีเม็ดเงินไหลออกมา ซึ่งตลาดบ้านเราก็อาจได้รับผลบวกไปด้วย



“ไบเดน” เตรียมเปิดตัวคณะทำงานด้านโควิด-19



          นายไบเดน เริ่มวางแผนบริหารประเทศ โดยระบุว่า จะเริ่มงานทันทีที่เข้าสู่ทำเนียบขาว ด้วยการพุ่งเป้าไปที่การแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือโควิด-19 เป็นอันดับแรก ซึ่งจะมีการเปิดตัวคณะทำงานด้านโควิด-19 ในวันจันทร์นี้ ตามวันเวลาท้องถิ่น นำโดย ดร.วิเวก เมอร์ทีย์ อดีตศัลยแพทย์ใหญ่ และนายเดวิด เคสส์เลอร์ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือเอฟดีเอ



         มีรายงานว่า นายไบเดน วางแผนแก้ปัญหาโรคโควิด-19 จะให้มีการตรวจหาเชื้อในหมู่ประชาชนเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งรณรงค์ให้ประชาชนหันมาใส่หน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยให้มากขึ้นด้วย



          ว่าที่ประธานาธิบดีไบเดน ยังจะเดินหน้าแผนการรวมประเทศให้เป็นหนึ่งเดียว หลังจากเกิดความแตกแยกอย่างรุนแรงในช่วงก่อนหน้า ลดอุณหภูมิความขัดแย้งในหมู่ประชาชน รวมถึงการเรียกร้องให้เลิกใช้ถ้อยคำรุนแรงระหว่างกลุ่มคนต่างๆ ในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นไปอย่างรุนแรงในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง



สื่อจีน เตรียมสานสัมพันธ์ด้านการค้ากับรัฐบาลนายไบเดน



          หนังสือพิมพ์โกลบอล ไทม์ และไชน่า เดลีของทางการจีน ฉบับวันนี้ แสดงท่าทีเชิงบวกในบทบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์ต่อกรณีนายโจ ไบเดน ผู้สมัครจากพรรคเดโมแครตของสหรัฐฯ ชนะประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกันในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยระบุว่า ความสัมพันธ์สหรัฐฯ-จีน อาจจะได้รับการปรับให้มีความชัดเจน มีความมั่นคงมากกว่าเดิม เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายกลับมาเริ่มต้นความสัมพันธ์ด้านการค้าต่อไป 



          บทบรรณาธิการของโกลบอล ไทม์ เชื่อว่า มีความเป็นไปได้ที่รัฐบาลชุดใหม่ของสหรัฐฯภายใต้การบริหารของนายไบเดนจะหาทางฟื้นฟูสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศให้ดีขึ้น เนื่องจาก เป็นผลประโยชน์ร่วมกันของประเทศทั้งสองและประชาคมระหว่างประเทศที่ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ-จีน ดำเนินไปในทิศทางที่ดีขึ้นและมีความชัดเจนมากพอที่จะควบคุมสถานการณ์ต่างๆได้ดีกว่าเดิม



         ขณะที่บทบรรณาธิการของไชน่า เดลี ระบุว่า การปรับความสัมพันธ์กับประเทศจีนควรจะเริ่มต้นจากเรื่องการค้า การรื้อฟื้นการเจรจาการค้าเป็นเรื่องสำคัญในแง่ของการฟื้นฟูความเข้าใจและความไว้วางใจระหว่างกัน การค้าเป็นเสมือนเส้นด้ายที่ผูกสัมพันธ์ประเทศทั้งสองให้ทำงานร่วมกันต่อไป ที่ผ่านมา จีนและสหรัฐฯต่างไม่ได้ประกาศยกเลิกข้อตกลงการค้าเฟสที่ 1 ที่ทั้งสองฝ่ายตกลงไว้เมื่อต้นปีนี้

          แม้จะทราบดีว่าสหรัฐฯอาจจะไม่ผ่อนคลายท่าทีแข็งกร้าวต่อประเทศจีนในปัญหาต่างๆ เช่นเรื่องที่จีนถูกกล่าวหาว่าละเมิดสิทธิมนุษยชนของชนกลุ่มน้อยชาวมุสลิมอุยกูร์ในมณฑลซินเจียง และการปราบปรามกลุ่มผู้เรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกง แต่โกลบอลไทม์ ระบุว่า ประเทศจีนจะทำงานต่อไป เพื่อติดต่อสื่อสารกับรัฐบาลของนายไบเดนให้เกิดความกระจ่างในประเด็นปัญหาต่างๆเท่าที่จะสามารถทำได้ กล่าวหารัฐบาลสหรัฐฯภายใต้การบริหารของนายทรัมป์ว่ามีเจตนาจะทำให้สหรัฐฯและประเทศจีนเกิดความตึงเครียด โดยเฉพาะนโยบายการรณรงค์หาเสียงในลักษณะที่ต้องการจะกดดันประเทศจีน ส่งผลให้ความสัมพันธ์สหรัฐฯ-จีนแย่ลงอย่างต่อเนื่อง



สื่อสหรัฐฯ รายงาน ‘เมลาเนีย’ โน้มน้าวให้ ‘ทรัมป์’ ยอมรับความพ่ายแพ้



          รายงานอ้างอิงซีเอ็นเอ็น ที่ได้รับข้อมูลมาจากแหล่งข่าวหลายคนในทำเนียบขาวว่านางเมลาเนีย ทรัมป์ สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง กล่าวกับนายทรัมป์ ว่า ถึงเวลาแล้ว ที่ผู้นำสหรัฐฯคนปัจจุบันต้องยอมรับความพ่ายแพ้ในการเลือกตั้ง พร้อมทั้งแสดงความยินดีกับนายไบเดน และจัดการให้กระบวนการถ่ายโอนอำนาจเป็นไปอย่างราบรื่น



         ขณะที่ นายจาเร็ด คุชเนอร์ หนึ่งในที่ปรึกษาของผู้นำสหรัฐฯ และเป็นลูกเขยของนายทรัมป์ กล่าวกับประธานาธิบดีแบบเดียวกัน



          ด้านลูกชายอีก 2 คน ของนายทรัมป์ คือนายโดนัลด์ ทรัมป์ จูเนียร์ ลูกชายคนโต และนายอีริก ทรัมป์ ลูกชายคนรอง ต้องการให้พ่อต่อสู้ให้ถึงที่สุดกับการทุจริตการเลือกตั้ง ที่จนถึงปัจจุบันทีมงานของนายทรัมป์ยังไม่ได้แสดงหลักฐานใดออกมา



ทีมหาเสียง ‘ทรัมป์’ เตรียมร้องเรียนผลคะแนนเลือกตั้ง



          นายทิม เมอร์ทอฟ โฆษกทีมงานหาเสียงของนายทรัมป์ ยืนยันว่า ผู้นำสหรัฐฯจะร้องเรียนตามกระบวนการทางกฎหมาย และในเวลาเดียวกันมีแผนจัดแคมเปญเดินสายหาเสียงสนับสนุนจากประชาชนในเรื่องนี้ด้วย แต่ยังไม่มีกำหนดการชัดเจน



          สถานีโทรทัศน์ฟ็อกซ์นิวส์ ยืนยันว่า คณะหาเสียงของนายทรัมป์ เตรียมร้องเรียนผลคะแนนเลือกตั้ง มีทั้งการที่นายทรัมป์ จะตระเวนจัดการชุมนุมระดมเสียงสนับสนุนเรื่องฟ้องร้องการนับคะแนนในหลายรัฐทั่วประเทศ การส่งทีมไปนับคะแนนใหม่ในรัฐสวิงสเตท ที่มีคะแนนคู่คี่กับนายไบเดน ที่รัฐจอร์เจีย รัฐแอริโซนาและรัฐเพนซิลเวเนีย




          นายรูดี จูเลียนี ทนายความประจำตัวนายทรัมป์ เปิดเผยกับฟ็อกซ์นิวส์ว่า กำลังร่างคำฟ้องเพิ่มเติม คาดว่าภายในสัปดาห์นี้ จะฟ้องทั้งหมด 10 คำร้อง



          ขณะที่ เจ้าหน้าที่เลือกตั้งทั้งพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกันในหลายรัฐสวิงสเตท ยืนยันว่า ไม่พบความผิดปกติในการลงคะแนน การโกง หรือการทำผิดกฎหมายอย่างกว้างขวาง



 




 



 




 

ข่าวทั้งหมด

X