*สรุปข่าว18.00น*

+++นายไมตรี อินทุสุต รองปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า จากการตรวจสอบสภาพเส้นทาง พบว่า ประชาชนทยอยเดินทางกลับ ทำให้เส้นทางขาเข้าจากภูมิภาคต่างๆ มีปริมาณรถหนาแน่น ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน(ศปถ.) ขอให้จังหวัดเตรียมการรองรับการเดินทางกลับของประชาชน  โดยกำชับจุดตรวจปฏิบัติการคุมเข้มตรวจสอบความพร้อมของผู้ขับขี่ โดยเฉพาะรถโดยสารสาธารณะ รถตู้โดยสารและรถกระบะที่บรรทุกผู้โดยสาร เน้นการอำนวยการจราจร เร่งระบายรถ ป้องกันการเกิดอุบัติเหตุและสร้างความปลอดภัยในการเดินทาง กวดขันการขับรถเร็ว เมาแล้วขับ และง่วงหลับใน เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ และให้การเดินทางของประชาชนเป็นไปโดยสวัสดิภาพ

+++นพ.นพพร ชื่นกลิ่น รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่ามาตรการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในปีนี้ ได้เข้มข้นการดำเนินการตามพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 โดยส่งทีมจากส่วนกลาง 5 ทีมลงพื้นที่สุ่มตรวจการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ร่วมกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่ทุกภาค โดยผลสุ่มตรวจตั้งแต่ 27ธันวาคม2557–1มกราคม 2558ที่แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ขอนแก่น เลย มหาสารคาม อุบลราชธานี บุรีรัมย์ สุรินทร์ ร้อยเอ็ด ชลบุรี นครนายก อยุธยา สมุทรสงคราม ชุมพร ประจวบคีรีขันธ์ สุราษฎร์ธานี กทม.และปริมณฑล ตรวจทั้งหมด 652ราย พบผู้กระทำผิดและดำเนินคดี 201รายและตักเตือนประชาสัมพันธ์455รายโดยความผิดอันดับ 1ได้แก่ การโฆษณาสื่อสารการตลาดและส่งเสริมการขาย เช่นลดแลกแจกแถม ชิงโชค เป็นต้น รวม 91ราย มีโทษจำคุกไม่เกิน 1ปี ปรับไม่เกิน 5แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ รองลงมาคือขายโดยไม่มีใบอนุญาต 61รายมีโทษปรับไม่เกิน 500-2,000บาท ขายในสถานที่ต้องห้าม ได้แก่ปั๊มน้ำมัน สถานที่ราชการ 18ราย มีโทษจำคุกไม่เกิน 6เดือน ปรับไม่เกิน 10,000บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ

+++ ขณะเดียวกันในรอบ 3 วันพบว่ามีการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตามริมถนนทางหลวงเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งยังพบการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้เด็กอายุต่ำกว่า20ปีถึง15 ราย ซึ่งผิดกฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับและในจำนวนนี้ 13 ราย ยังมีความผิดตามพ.ร.บ.คุ้มครองเด็กที่ห้ามเด็กอายุต่ำกว่า18ปีซื้อหรือดื่มแอลกอฮอล์ด้วย โดยเจ้าหน้าที่จะออกตรวจอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดปัจจัยที่ส่งเสริมให้เกิดอุบัติเหตุตลอดช่วง7วันอันตราย

+++การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เพิ่มขบวนรถไฟฟรี วันละ 2 ขบวน เพื่อรองรับผู้โดยสารไม่ให้ตกค้างในช่วงเทศกาลปีใหม่ ตั้งแต่วันที่ 2-5 ม.ค. ส่วนขบวนรถไฟปกติ มีการเสริมตู้โดยสารเพิ่มขบวนละ 1-2 ตู้ด้วยกัน

+++ความคืบหน้าการสอบสวนสำนวนคดีของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (อดีตผบช.ก.) พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) เปิดเผยว่า หลังจากคณะพนักงานสอบสวนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ส่งสำนวนตีกลับให้พนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบทั้งหมด 7สำนวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้ส่งสำนวนคดีทั้งหมดให้กับอัยการแล้ว  ทั้งนี้ ทั้ง 7 สำนวนประกอบด้วย คดีอุ้มผู้เสียหายไปข่มขู่โดยแอบอ้างเบื้องสูงเพื่อให้ลดหนี้จาก 120 ล้านบาท ให้เหลือ 20 ล้านบาท ท้องที่ สน.วัดพระยาไกร คดีแอบอ้างเบื้องสูง โดยมีนางสุดาทิพย์ ม่วงนวล เป็นผู้ต้องหาหมิ่นเบื้องสูงตามมาตรา 112 ท้องที่สน.สามเสน คดีส่วยน้ำมันเถื่อน คดีเปิดบ่อนการพนันโคลอนเซ่  คดีทุจริตการแต่งตั้งซื้อขายตำแหน่ง คดีแอบอ้างเบื้องสูงเพื่อให้มีสิทธิสอบระดับปริญญาโทของสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ท้องที่สน.ลาดพร้าว และคดีอุ้มผู้เสียหายไปข่มขู่โดยแอบอ้างสถาบันเพื่อให้ยกหนี้จำนวน 30 ล้านบาท ท้องที่ สน.พระโขนง

+++ความคืบหน้าอาการป่วยโรคหัวใจของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์  หลังจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ต้องนำตัวส่งโรงพยาบาลโรคทรวงอก เพื่อทำบอลลูนหัวใจ จากนั้นได้ย้ายกลับไปพักฟื้นที่ทัณฑสถาน โรงพยาบาลราชทัณฑ์ นายวิทยา สุริยะวงค์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ อยู่ระหว่างการพักฟื้น พบว่ากล้ามเนื้อหัวใจบางส่วนเสียหาย แพทย์จะสังเกตอาการถ้าอาการดีขึ้น ก็จะส่งตัวกลับเรือนจำพิเศษกรุงเทพต่อไป จากการสอบถามแพทย์จากโรงพยาบาลราชทัณฑ์  เปิดเผยว่า ขณะนี้พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ก็อยู่ในความดูแลของแพทย์ ยังไม่สามารถออกกำลังกายหนักๆได้ ทำได้เพียงนั่งนิ่งๆ หรือนอนเท่านั้น  ขณะนี้ก็อยู่ในภาวะปลอดภัย  

+++กระทรวงต่างประเทศจีน กล่าวว่า รัฐบาลจีน เริ่มสอบสวนกรณีการคอร์รัปชั่นของนายจาง คุนเฉิง อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศ หลังถูกปลดจากตำแหน่งฐานทำผิดวินัยร้ายแรง รัฐบาลได้แต่งตั้งนายฉิน กัง โฆษกกระทรวงต่างประเทศเข้าไปทำหน้าที่กำกับดูแลกรมพิธีการทูตแทนนายจาง นับเป็นเจ้าหน้าที่ทูตระดับสูงสุดในกระทรวงต่างประเทศจีนที่ถูกดำเนินคดีคอร์รัปชั่น ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ให้คำมั่นจะปราบปรามการคอร์รัปชั่นในจีนอย่างจริงจังและ มีการดำเนินคดีกับข้าราชการแล้วหลายพันคนนับตั้งแต่ต้นปี 2555

+++เอเอฟพี รายงานอ้างแถลงการณ์จากการท่าเรือและการขนส่งทางทะเล(เอ็มพีเอ)ของสิงคโปร์ ว่า เรือสินค้าชื่อซินาร์ คาปูอัส ของสิงคโปร์และเรือบรรทุกน้ำมันชื่ออัลยาร์มุค ของลิเบีย ประสบอุบัติเหตุชนกัน จุดเกิดเหตุอยู่ห่างจากเกาะเปดรา บรังกา ทางตะวันออกของสิงคโปร์ ไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือราว 11 ไมล์ทะเล แต่ไม่มีรายงานเรื่องการบาดเจ็บ ด้านบริษัทเดินเรืออัลยามุค ระบุว่าเรือบรรทุกน้ำมันของบริษัทฯได้รับความเสียหาย ส่งผลให้มีน้ำมันดิบส่วนหนึ่งไหลลงทะเล แถลงการณ์ระบุว่า หลังได้รับแจ้งเหตุเมื่อเวลา 06.00 น.ทางการสิงคโปร์ได้แจ้งให้ทางการมาเลเซีย และอินโดนีเซียทราบทันทีตามข้อตกลงร่วมเรื่องการกู้ภัยและเก็บกวาดคราบน้ำมันดิบที่รั่วไหลระหว่างช่องแคบมะละกาและสิงคโปร์ ทั้ง 3 ชาติได้ระดมกำลังคน เฮลิคอปเตอร์ และเรือกู้ภัยไปยังจุดเกิดเหตุ พร้อมทั้งชักลากเรือทั้ง 2 ลำเข้าเทียบท่าเรือสิงคโปร์ได้โดยปลอดภัยนอกจากนั้น เอ็มพีเอ ได้แจ้งให้เรือต่างๆที่แล่นอยู่ใกล้บริเวณนั้นให้เพิ่มความระมัดระวัง แม้ว่าการเดินเรือตามท่าเรือต่างๆและในบริเวณช่องแคบสิงคโปร์จะไม่ได้รับผลกระทบ ส่วนเรื่องสาเหตุการชนของเรือ 2 ลำยังอยู่ระหว่างการสอบสวน

+++อุณหภูมิอากาศในออสเตรเลียที่ร้อนระอุถึงกว่า 40 องศาเซลเซียส ส่งผลให้เกิดไฟป่าในหลายพื้นที่ หน่วยผจญเพลิงในรัฐวิกตอเรีย เปิดเผยว่า อากาศร้อนจัดทำให้ทุ่งหญ้าในพื้นที่เกิดไฟลุกไหม้กินบริเวณกว้างถึง 20 ตารางกิโลเมตร นอกจากนี้ ยังเกิดไฟป่าขนาดย่อมเกิดขึ้นประปรายหลายแห่ง แต่ยังไม่มีรายงานความเสียหาย คนเจ็บหรือเสียชีวิต ส่วนที่รัฐเซาท์ออสเตรเลีย ก็เกิดไฟป่าขึ้น 2 จุด เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถควบคุมเพลิงได้