องค์การสหประชาชาติ (UN) และสหภาพยุโรป (EU) ตำหนิทางการอิสราเอลที่รื้อถอนบ้านเรือนของชาวปาเลสไตน์ในเขตเวสต์แบงก์ เพื่อขยายพื้นที่นิคมชาวยิว ทำให้ชาวปาเลสไตน์ 73 คนไร้ที่อยู่อาศัย
องค์การสหประชาชาติระบุว่าการรื้อถอนชุมชนเกอร์เบ็ต ฮัมซา เป็นเหตุการณ์บังคับพลัดถิ่นที่มีผู้ได้รับความเดือดร้อนมากที่สุดในรอบ 4 ปีแต่ผู้ประสานงานกิจกรรมภาครัฐของอิสราเอลในดินแดน (COGAT) ซึ่งดูแลเขตเวสต์แบงก์ที่ถูกยึดครอง ชี้แจงว่าสิ่งปลูกสร้างเหล่านี้สร้างขึ้นอย่างผิดกฎหมายในเขตพื้นที่ความขัดแย้งหุบเขาจอร์แดน
สำนักงานเพื่อการประสานงานด้านมนุษยธรรมแห่งสหประชาชาติ (OCHA) เปิดเผยว่า นอกจากการทำลายอาคารบ้านเรือนแล้ว ทหารอิสราเอลยังยึดรถแทรกเตอร์และยานพาหนะส่วนตัวของชาวปาเลสไตน์ไปด้วย รวมถึงโครงสร้างบางส่วนได้รับการบริจาคเพื่อช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม เพราะโดยทั่วไปแล้วอิสราเอลจะไม่ออกใบอนุญาตก่อสร้างแก่ชาวปาเลสไตน์ การอ้างเป็นเหตุรื้อถอนเป็นวิธีการสำคัญในการสร้างสภาพแวดล้อมที่ออกแบบมาเพื่อบีบบังคับจึงเท่ากับเป็นการบังคับให้ชาวปาเลสไตน์ออกจากบ้าน
ด้านสหภาพยุโรป ระบุว่า การทำลายทรัพย์สินและการบังคับให้อพยพ ต่อผู้ที่ได้รับการคุ้มครองในดินแดนที่ถูกยึดครองถือเป็นการละเมิดอนุสัญญาเจนีวาครั้งที่ 4 มั่นใจว่าชุมชนด้านมนุษยธรรมพร้อมที่จะสนับสนุนทุกคนที่พลัดถิ่นหรือได้รับผลกระทบ ทั้งเห็นว่าการรื้อถอนอาคารบ้านเรือนในเวสต์แบงค์คืออุปสรรคต่อการแก้ปัญหาสองรัฐ สหภาพยุโรปขอเรียกร้องให้อิสราเอลยุติการรื้อถอนทั้งหมด
...
the UN Office for the Coordination of Humanitarian Affairs (OCHA)