ความขัดแย้งทางการเมืองสหรัฐฯเพิ่มสูงขึ้น หลัง ‘ทรัมป์’ สงสัยผลการเลือกตั้ง

          ขณะที่นายโจ ไบเดน วัย 77 ปี จากพรรคเดโมแครตเข้าใกล้ชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ วัย 74 ปี ของพรรครีพับลิกันก็ยิ่งแสดงความไม่พอใจผลการเลือกตั้งและทำให้สถานการณ์ความเห็นต่างทางการเมืองในสหรัฐฯรุนแรงขึ้น ซึ่งนอกจากการแถลงข่าวกล่าวหาว่ามีการคดโกงผลการเลือกตั้ง และการประกาศว่าจะฟ้องร้องให้นับคะแนนใหม่ในรัฐที่เขาแพ้เลือกตั้ง เขายังทวีตข้อความเรียกร้องให้กรรมการการเลือกตั้งหยุดนับบัตรเลือกตั้ง ทำให้กลุ่มผู้สนับสนุนพรรครีพับลิกันมีการชุมนุมในหลายเมือง โดยกล่าวหาว่ามีการขโมยชัยชนะ โดยมีความรุนแรงเกิดขึ้น ถึงขั้นที่ทางการรัฐต้องขอการสนับสนุนจากกองกำลังพิทักษ์ชาติรักษาความสงบในเมืองพอร์ตแลนด์ รัฐโอเรกอน กับมีการจับกุมผู้ก่อเหตุรุนแรงในมินนีแอโพลิส และนิวยอร์กซิตี้

          ทั้งนี้ หากประธานาธิบดีทรัมป์ พ่ายแพ้ในการเลือกตั้งครั้งนี้ เขาจะเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนแรกที่ไม่สามารถดำรงตำแหน่งต่อเนื่อง 2 สมัยนับตั้งแต่ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช ในปี 2535 ซึ่งทำให้ตั้งแต่ในช่วงการรณรงค์หาเสียง เขาปฏิเสธที่จะโอนอำนาจอย่างสันติหากเขาพ่ายแพ้และตั้งคำถามหลายครั้งเกี่ยวกับความชอบธรรมของการลงคะแนนเสียงทางไปรษณีย์

          ขณะเดียวกัน ผลการเลือกตั้งยังมีความสำคัญต่อทุกประเทศทั่วโลกเนื่องจากนโยบายอเมริกาต้องมาก่อนของประธานาธิบดีทรัมป์ได้บ่อนทำลายระบบการค้า การเป็นพันธมิตรพหุภาคีและองค์กรระหว่างประเทศ แต่ในระหว่างการหาเสียงเลือกตั้งเขากล่าวว่าเขาได้ยุติฝันร้ายอันยาวนานของการยอมจำนนทางเศรษฐกิจของชาวอเมริกัน ด้วยการละทิ้งข้อตกลงทางการค้าที่ทำลายการจ้างงาน และยืนหยัดต่อสู้กับจีน

...