แนวโน้มสดใส ‘ไบเดน’ คว้าตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯคนที่ 46
ผลการนับคะแนนโค้งสุดท้ายศึกชิงตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ ฟ๊อกซ์นิวส์ รายงานว่า นายโจ ไบเดน ผู้สมัครจากพรรคเดโมแครต นำนายโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน 264 ต่อ 214 เสียง มีความเป็นไปได้สูงมากที่จะดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯคนที่ 46
นายไบเดน แถลงที่รัฐเดลาแวร์ ว่าในช่วงการรอคอยผลการนับคะแนนเป็นเวลาที่เราต้องสามัคคีกัน พร้อมทั้งแสดงความเชื่อมั่นว่าเมื่อนับคะแนนเสร็จสิ้นจะเป็นฝ่ายชนะในการเลือกตั้ง เนื่องจากได้รับเสียงจากคณะผู้เลือกตั้ง 270 เสียง ครึ่งหนึ่งจากทั้งหมด 538 เสียง เนื่องจากเก็บชัยชนะจากรัฐสวิงสเตทสำคัญได้เพิ่มและการนับคะแนนเลือกตั้งทางไปรษณีย์ รัฐที่นายไบเดนชนะการเลือกตั้ง เช่น รัฐมิชิแกน เก็บคะแนนจากคณะผู้เลือกตั้งได้ 16 เสียง รัฐวิสคอนซิน ที่มีคะแนนจากคณะผู้เลือกตั้ง 10 เสียง
‘ทรัมป์’ เตรียมร้องให้นับคะแนนใหม่ที่รัฐวิสคอนซิน
นายบิล สเตเปียน ผู้จัดการฝ่ายรณรงค์หาเสียงของนายทรัมป์ เรียกร้องให้มีการนับคะแนนเลือกตั้งใหม่อย่างเป็นทางการในรัฐวิสคอนซิน หลังจากพบว่า นายไบเดน มีคะแนนนำนายทรัมป์ เล็กน้อย ทำให้เกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับความถูกต้องของผลการนับคะแนน
นายทรัมป์ ทวีตข้อความแสดงความงงงวยที่นายไบเดนตีตื้นขึ้นมา พร้อมทั้งระบุว่า คะแนนเสียงของตัวเองนำอยู่ในหลายรัฐที่สำคัญโดยเกือบทั้งหมดเป็นรัฐที่พรรคเดโมแครตเคยชนะการเลือกตั้ง แต่แล้วคะแนนเสียงที่เคยนำอยู่ก็ได้เริ่มหายไปทีละรัฐอย่างน่าอัศจรรย์ใจ ขณะที่มีการนับบัตรเลือกตั้งที่ไม่รู้ว่ามาจากไหน นี่เป็นเรื่องที่แปลกมาก
ชาวอเมริกันที่เลือก ‘ไบเดน’ ส่วนมากลงคะแนนทางไปรษณีย์
สื่อรายงานชี้ให้เห็นว่าการที่นายทรัมป์กล่าวอ้างข้อความทางทวิตเตอร์นั้นไม่ถูกต้อง สาเหตุที่คะแนนนายไบเดนเพิ่มขึ้นในรัฐเพนซิลเวเนียและมิชิแกน เนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้เริ่มนับคะแนนจากบัตรเลือกตั้งที่มีการส่งทางไปรษณีย์ หลังจากที่ได้เสร็จสิ้นการนับคะแนนบัตรเลือกตั้งของผู้ที่มาหย่อนบัตรในคูหา
จากการสำรวจ พบว่า ผู้ที่มีสิทธิลงคะแนนเลือกตั้งซึ่งเป็นสมาชิกพรรคเดโมแครตมักนิยมลงคะแนนเสียงทางไปรษณีย์ ในขณะที่สมาชิกพรรครีพับลิกัน นิยมไปลงคะแนนที่คูหาเลือกตั้ง
ฝ่ายกม.ของ ‘ไบเดน’ ไม่ยอมให้หยุดการนับคะแนน พร้อมสู้ในชั้นศาล
ทีมงานหาเสียงของนายไบเดน วิจารณ์เรื่องที่นายทรัมป์ จะยื่นเรื่องให้ศาลฎีกายุติกระบวนการนับคะแนนในรัฐที่ยังเหลืออยู่และส่วนใหญ่เป็นรัฐสวิงสเตท ที่การแข่งขันสูสีมาตลอดว่าการนับคะแนนต้องดำเนินต่อไปจนกว่าจะนับบัตรเลือกตั้งใบสุดท้ายเสร็จสิ้น เพราะรัฐธรรมนูญของสหรัฐฯ คุ้มครองสิทธิของพลเมืองในเรื่องนี้ อย่างเท่าเทียมกันทุกคน
ขณะที่ นางเจน โอมัลลีย์ ดิลลอน ผู้จัดการแคมเปญหาเสียงของนายไบเดน กล่าวว่า แนวคิดดังกล่าวของนายทรัมป์ ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ยืนยันว่า ทีมงานพร้อมสู้กับฝ่ายกฎหมายของผู้นำสหรัฐฯในเรื่องนี้ พร้อมทั้งแสดงความเชื่อมั่นว่า หากศาลฎีกาต้องพิพากษาชี้ขาดผลการเลือกตั้งจริงเมื่อคณะตุลาการตรวจสอบหลักฐานทั้งหมดอย่างละเอียด นายไบเดน จะเป็นฝ่ายชนะและได้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯคนใหม่
จีน ย้ำชัดไม่เอียงข้างหนุน 'ทรัมป์' หรือ 'ไบเดน'
กระทรวงต่างประเทศจีน แถลงย้ำชัดเป็นกลาง ไม่เอียงข้างสนับสนุนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ นายหวัง เหวินบิน โฆษกกระทรวงต่างประเทศของจีน แถลงการณ์ว่า การเลือกตั้งสหรัฐฯ ถือเป็นกิจการภายในประเทศ และทางการจีน ไม่เลือกข้างในประเด็นดังกล่าว
ก่อนหน้านี้ นายทรัมป์ ได้แบนการติดตั้งระบบ 5G จาก หัวเว่ย บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่จากจีน โดยอ้างกังวลข้อมูลความมั่นคงรั่วไหล และหลังจากนั้นได้ขู่แบน TikTok สื่อออนไลน์ชื่อดัง หากไม่สามารถหาบริษัทสัญชาติสหรัฐฯ เพื่อดำเนินธุรกิจภายในสหรัฐฯ ทำให้หลายฝ่ายมองว่านายทรัมป์ใช้มาตรการที่แข็งข้อกับจีน
อิหร่าน ย้ำผู้นำคนใหม่สหรัฐฯต้องเคารพสนธิสัญญาระหว่างประเทศ
ประธานาธิบดีฮัสซัน โรว์ฮานี ของอิหร่าน เปิดเผยว่า ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯไม่มีความสำคัญต่อผู้นำอิหร่าน แต่ประธานาธิบดีสหรัฐฯคนต่อไปควรแสดงความเคารพต่อกฎหมายและสนธิสัญญาระหว่างประเทศ ประธานาธิบดีโรว์ฮานี กล่าวในการประชุมคณะรัฐมนตรีที่ถ่ายทอดทางโทรทัศน์ว่า อิหร่านให้ความสำคัญกับนโยบายของรัฐบาลสหรัฐฯชุดต่อไปมากกว่าสนใจว่าใครจะเป็นผู้ชนะการเลือกตั้ง และเน้นย้ำว่า อิหร่านต้องการได้รับความเคารพจากสหรัฐฯ ไม่ใช่มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ ดั้งนั้น ไม่ว่าใครจะชนะการเลือกตั้ง นโยบายและหลักปฏิบัติเป็นสิ่งสำคัญสำหรับอิหร่าน
ก่อนหน้านี้ นายไบเดน ให้คำมั่นสัญญาว่าจะกลับเข้าร่วมภาคีข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านปี 2558 กับชาติมหาอำนาจ 6 ประเทศ หากอิหร่าน ยอมปฏิบัติตามข้อตกลงดังกล่าวอีกครั้ง
ส่วนนายทรัมป์ ประกาศถอนตัวออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านเมื่อปี 2561และใช้มาตรการคว่ำบาตรทำลายเศรษฐกิจของอิหร่าน