ออสเตรีย ชี้เหตุยิงกัน 6 จุด ในกรุงเวียนนา เป็นการก่อการร้าย
เกิดเหตุรุนแรงขึ้นในกรุงเวียนนา เมืองหลวงของประเทศออสเตรีย เมื่อช่วงค่ำวันจันทร์ตามเวลาท้องถิ่น มีผู้เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บประมาณ 15 คน นายคาร์ล เนแฮมเมอร์ รัฐมนตรีมหาดไทยของออสเตรีย เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการโจมตีของผู้ก่อการร้ายหลายคนที่กระจายกำลังกันก่อเหตุทั้งหมด 6 จุด
สำนักข่าว APA ซึ่งเป็นสื่อท้องถิ่นของออสเตรีย รายงานว่า ในจุดที่มีการโจมตีมีโบสถ์ชาวยิวด้วย และมีการกราดยิงที่บริเวณใกล้จตุรัส Schwedenplatz โดยเหตุกราดยิงครั้งนี้ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก ซึ่งหนึ่งในนั้นคือเจ้าหน้าที่ตำรวจ และมีผู้เสียชีวิต 1 ราย เบื้องต้นคาดว่าจะเป็นหนึ่งในคนร้ายที่ก่อเหตุ
รายงานระบุว่า ตำรวจกำลังเร่งติดตามคนร้ายอย่างน้อย 1 คน ที่หลบหนีไป
ประเทศในยุโรป ประณามคนร้ายกราดยิงในออสเตรีย
นายกรัฐมนตรีเซเบาสเตียน คัวร์ซ ของออสเตรีย ประณามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าเป็นการก่อการร้ายและกล่าวว่า ระหว่างที่ตำรวจเป็นหน่วยงานหลักในการปฏิบัติการตามล่าตัวคนร้าย กองทัพสามารถส่งกำลังทหารเข้าประจำการตามสถานที่สำคัญทุกแห่งในกรุงเวียนนา เพื่อช่วยควบคุมสถานการณ์ และเพิ่มความสบายใจให้กับประชาชน
ผู้นำประเทศเพื่อนบ้านของออสเตรีย ไม่ว่าจะเป็นเยอรมนี ฝรั่งเศส สาธารณรัฐเช็ก และอิตาลี ตลอดจนนายชาร์ล มิเชล ประธานคณะมนตรียุโรป พร้อมใจกันประณามคนร้ายกราดยิงในออสเตรีย ซึ่งแทบไม่เคยเผชิญกับเหตุการณ์โจมตีลักษณะนี้มาก่อน
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเพียงวันเดียว ก่อนมาตรการเคอร์ฟิวควบคุมวิกฤตโรคโควิด-19 ของรัฐบาลกลาง จะมีผลบังคับใช้ระหว่างเวลา 20.00 น. ถึง 06.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น เริ่มตั้งแต่วันอังคารที่ 3 พ.ย.2563 และอาจมีผลจนถึงสิ้นเดือนนี้
สถานทูตไทย-สหรัฐฯ เตือนให้ระวังตัวมากขึ้น
สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเวียนนา ออสเตรีย ประกาศทางเฟซบุ๊ก ระบุว่า ตามที่มีรายงานเหตุยิงกันในเขต 1 ของกรุงเวียนนา บริเวณ Schwedenplatz เมื่อช่วงค่ำวันที่ 2 พ.ย.2563 มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนหนึ่ง สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเวียนนา ขอแสดงความห่วงใยต่อความปลอดภัยของคนไทยและขอให้คนไทยที่อาศัยอยู่ในกรุงเวียนนา โปรดระมัดระวังตัวและหลีกเลี่ยงพื้นที่สาธารณะรวมถึงการใช้ระบบขนส่งสาธารณะของกรุงเวียนนาและขอให้ติดตามข่าวในเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด
สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำกรุงเวียนนา ออกประกาศเตือนเรื่องความปลอดภัยเป็นกรณีฉุกเฉินบนเว็บไซต์และบัญชีโซเชียลมีเดียของสถานทูต แถลงการณ์ของสถานทูตสหรัฐฯ ระบุว่า เกิดเหตุกราดยิงร้ายแรงในพื้นที่เขตที่ 1 ใกล้กับจตุรัส Schwedenplatz คนร้ายมีปืนกลและเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าควบคุมสถานการณ์ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขอเตือนให้ชาวอเมริกันทุกคนอยู่แต่ในที่พัก หลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังพื้นที่ดังกล่าว และให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น และติดตามข่าวความคืบหน้าจากสื่อท้องถิ่น
CR:facebook Royal Thai Embassy Vienna,CNN
ชาวอเมริกัน คลุ้มคลั่งยิงปืนใส่คน ในพื้นที่ สภ.เมืองพัทยา หลบหนีขึ้นคอนโด ยิงตัวเองตาย
หลังจากเมื่อคืนนี้เกิดเหตุชาวต่างชาติก่อเหตุวุ่นวายในพื้นที่สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี มีรายงานว่า ก่อเหตุชิงทรัพย์เป็นอาวุธปืนยี่ห้อกล็อก ขนาด 9 ม.ม. มีเครื่องกระสุนประมาณ 10 นัด จากสนามยิงปืนแห่งหนึ่งในพื้นที่ห้วยใหญ่ และได้ขับรถจักรยานยนต์หลบหนีเข้ามาที่เมืองพัทยาและได้ใช้อาวุธปืนยิงมาตลอดเส้นทางแต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ จนมาก่อเหตุทำร้ายร่างกายประชาชนและยิงใส่เจ้าหน้าที่ที่มาระงับเหตุและหลบหนีขึ้นไปบนห้องพัก
พ.ต.อ.กรวัฒน์ หันประดิษฐ์ รอง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี พ.ต.อ.เขมรินทร์ พิศมัย ผกก.สภ.เมืองพัทยา พร้อมกำลังตำรวจชุดสืบสวนจังหวัดชลบุรี ตำรวจ สภ.เมืองพัทยา ตำรวจห้วยใหญ่ ตำรวจท่องเที่ยว และหน่วยปฏิบัติพิเศษ (สวาท) จำนวนหลายสิบนาย ได้ปิดล้อมพื้นที่เกิดเหตุโดยรอบพร้อมวางแผนบุกเข้าจับกุมชาวต่างชาติรายนี้
เจ้าหน้าที่ได้แบ่งกำลังเป็น 2 ชุด นำกำลังปิดล้อมห้องพักของผู้ก่อเหตุซึ่งเป็นคอนโด ชั้น 4 ห้องหมายเลข 266 อาคาร B เน้นการเจรจาและไม่ใช้อาวุธ โดยพาเพื่อนของผู้ก่อเหตุขึ้นไปเจรจาเกลี้ยกล่อมให้ยอมมอบตัว จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ได้ขึ้นไปถึงห้องพัก ได้ให้เพื่อนผู้ก่อเหตุพยายามเรียกและติดต่อทางโทรศัพท์แต่ไม่มีเสียงตอบรับและเมื่อดันประตูเข้าไปพบว่าผู้ก่อเหตุได้ใช้อาวุธปืนยิงที่ศรีษะเสียชีวิตอยู่บนเตียงนอน
ตรวจสอบภายในห้องพักพบพาสปอร์ตระบุชื่อ Mr.Giavasis Michael 25 ปี สัญชาติอเมริกา นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ได้ตรวจพบอาวุธมีดและอาวุธปืน อาวุธปืนยี่ห้อ กล็อก ขนาด 9 ม.ม. ตรวจพบกระสุนในแม็กกาซีนหลงเหลืออยู่ 1 นัด เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน เจ้าหน้าที่วิทยาการเวรหน่วยพิสูจน์หลักฐานภาค 2 ตรวจสอบและเก็บหลักฐาน ส่วนสาเหตุ เจ้าหน้าที่ เปิดเผยว่า ผู้ก่อเหตุมีประวัติอาการป่วยและติดยาเสพติด คาดว่าเป็นสาเหตุทำให้เกิดอาการเครียดและคลุ้มคลั่งและจะส่งศพไปตรวจที่สถาบันนิติเวชและประสานสถานทูตเพื่อติดต่อญาติมารับศพต่อไป
Facebook สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ก.พาณิชย์ หารือทูตการค้าสหรัฐฯ หาทางออกหลังไทยถูกตัดGSP
นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงแนวทางการช่วยเหลือผู้ประกอบการไทยที่ได้รับผลกระทบจากการถูกสหรัฐฯตัดสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (GSP) รอบใหม่ จากการตรวจสอบพบมีสินค้า 147 รายการ จาก 231 รายการที่จะได้รับผลกระทบ คือ ต้องเสียภาษีในอัตราปกติมูลค่าประมาณ 19 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 600 ล้านบาท ไม่ใช่ 25,000 ล้านบาท จะมีผลในวันที่ 30 ธ.ค.2563 กระทรวงพาณิชย์ เร่งประสานกับฝ่ายสหรัฐฯ ซึ่งทราบว่าสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) ยินดีหากไทยจะหาทางออกร่วมกัน เนื่องจากสิทธิ GSP ช่วยทำให้ผู้ส่งออกไทยและผู้นำเข้าสหรัฐฯสามารถลดภาระภาษี ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจของทั้ง 2 ประเทศ
กระทรวงพาณิชย์ เตรียมมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการไทยแล้ว ด้วยการจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดในรูปแบบต่างๆ เช่น การเจรจาจับคู่ธุรกิจออนไลน์ เน้นสินค้าที่มีความต้องการในตลาดสหรัฐฯ การส่งเสริมสินค้าไทยเข้าสู่แพลตฟอร์มออนไลน์ เพื่อให้ผู้ประกอบการไทยใช้ช่องทาง Cross border e-commerce เข้าสู่ผู้บริโภคในตลาดสหรัฐฯและตลาดใหม่โดยตรง
ด้านนายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ รองประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากนี้ไปผู้ส่งออกต้องเร่งปรับตัวเพื่อรับมือกับสถานการณ์ การแข่งขันที่จะยากลำบากขึ้นเพราะกลุ่มสินค้าที่ส่งออกไปสหรัฐฯเมื่อไม่มีสิทธิ GSP แล้วก็เหมือนไม่มีแต้มต่อ ขณะที่ คู่แข่งบางประเทศยังแต้มต่อจากสิทธิพิเศษทางภาษีในรูปแบบต่างๆ ดังนั้น การปรับตัวรับมือกับการเปลี่ยนแปลง ผู้ส่งออกควรดึงจุดแข็งของสินค้ามาเป็นแต้มต่อ และสร้างอำนาจต่อรองกับผู้นำเข้า เพื่อเป็นอีกหนทางที่จะช่วยให้รักษาสถานการณ์การส่งออกไว้ เพราะสินค้าไทยมีจุดแข็งคือเป็นที่ต้องการของตลาด เพื่อให้ภาระที่เพิ่มขึ้นจากภาษีกระทบการส่งออกไปตลาดสหรัฐฯให้ได้น้อยที่สุด ซึ่งกลุ่มสินค้าที่ถูกตัดสิทธิต้องเรียนรู้และพูดคุยกับคู่ค้าในตลาดปลายทางให้ได้ข้อสรุปที่เป็นผลประโยชน์ร่วมกัน