จับตาเลือกตั้งสหรัฐฯ วอลล์สตรีทพุ่งแรง-ทองคำปิดบวก
นักลงทุนในตลาดหุ้นวอลล์สตรีทติดตามการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ 3 พ.ย. 2563 นักวิเคราะห์ มองว่า ตลาดจะได้รับผลกระทบในระยะสั้น หากการนับคะแนนมีปัญหา ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดตลาดวันจันทร์ 2 พ.ย.2563 ปรับขึ้น ดาวโจนส์ และ เอสแอนด์พี 500 พุ่งแรง ส่วนแนสแดค ปิดบวกเล็กน้อย
-ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 423.45 จุด หรือร้อยละ 1.60 ปิดที่ 26,925.05 จุด
-เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 40.28 จุด หรือร้อยละ 1.23 ปิดที่ 3,310.24 จุด
-แนสแดค เพิ่มขึ้น 46.02 จุด หรือร้อยละ 0.42 ปิดที่ 10,957.61 จุด
สถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่พุ่งสูงขึ้นในหลายประเทศในยุโรปและกลับไปล็อกดาวน์รอบที่สองส่งผลกระทบต่อตลาดน้ำมัน ขณะที่สหรัฐฯมียอดผู้ติดเชื้อพุ่งสูงขึ้น
-สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนธ.ค.2563เพิ่มขึ้น 1.02 ดอลลาร์สหรัฐฯ ปิดที่ 36.81 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล
-เบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนม.ค.2564 เพิ่มขึ้น 1.03 ดอลลาร์สหรัฐฯ ปิดที่ 38.97 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล
ภาพของผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯที่ยังคลุมเครือและเคสผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐฯ ทำให้ราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ งวดส่งมอบเดือน ธ.ค.2563 เพิ่มขึ้น 12.60 ดอลลาร์สหรัฐฯ ปิดที่ 1,892.50 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์
โพลโค้งสุดท้าย! ‘ไบเดน’ นำ ‘ทรัมป์’ ทั่วประเทศ สูสีที่รัฐสวิงสเตท
ผลสำรวจความคิดเห็นทั่วประเทศ ชี้ว่า นายโจ ไบเดน ผู้สมัครจากพรรคเดโมแครต มีคะแนนนำนายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครจากพรรครีพับลิกัน ร้อยละ 51.6 ต่อร้อยละ 43.0 ห่างกันในระดับร้อยละ 8.6 อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ไม่ได้รับประกันว่า นายไบเดน จะคว้าชัยในการเลือกตั้ง เมื่อ 4 ปีก่อน นางฮิลลารี คลินตัน ก็มีผลโพลทั่วประเทศนำห่างนายทรัมป์แทบจะตลอดระยะเวลาการหาเสียง แต่สุดท้ายก็แพ้คะแนนคณะผู้เลือกตั้ง
ระบบการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ กำหนดให้แต่ละรัฐตั้งคณะผู้เลือกตั้ง (electral vote) ขึ้นมาจำนวนหนึ่ง ตามอัตราส่วนสมาชิกสภา ซึ่งผู้ชนะในรัฐนั้นๆ จะได้คะแนนเสียงจากคณะผู้เลือกตั้ง ยกเว้นที่รัฐเนบราสกา และรัฐเมน และผู้สมัครที่ได้คะแนนคณะผู้เลือกตั้งถึง 270 เสียง ก็จะได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯคนต่อไป
ระบบดังกล่าวทำให้คะแนนคณะผู้เลือกตั้งรัฐสวิงสเตท หรือรัฐที่ไม่ใช่ฐานเสียงของทั้งพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกัน เพียงไม่กี่รัฐ อาจสามารถตัดสินผลการเลือกตั้งทั้งหมดได้ ผู้สมัครทั้ง 2 ฝ่ายจึงพยายามหาเสียงในรัฐเหล่านี้อย่างหนักเพื่อเพิ่มโอกาสชนะเลือกตั้ง
เดอะ การ์เดียน จัดทำโพลทุกวันโดยอาศัยค่าเฉลี่ยผลโพลใน 8 รัฐสวิงสเตท โดยเลือกรัฐที่มีคะแนนคณะผู้เลือกตั้งมากพอจะตัดสินผลเลือกตั้งได้ และ 6 ใน 8 รัฐนี้ ได้แก่ รัฐฟลอริดา, รัฐเพนซิลเวเนีย, รัฐโอไฮโอ, รัฐมิชิแกน, รัฐวิสคอนซิน และรัฐไอโอวา เป็นรัฐที่เปลี่ยนไปเลือกตัวแทนจากพรรครีพับลิกันอย่างนายทรัมป์ เมื่อปี 2559 หลังจาก 4 ปีก่อนหน้านั้นเลือกนายบารัค โอบามา
ผลโพลล่าสุดของเดอะ การ์เดียน ระบุว่า ตอนนี้นายไบเดน มีคะแนนนำนายทรัมป์ในรัฐฟลอริดาที่ร้อยละ 2.2, รัฐเพนซิลเวเนีย ร้อยละ 5.3, รัฐมิชิแกน ร้อยละ 8.7, รัฐนอร์ท แคโรไลนา ร้อยละ 1.6, รัฐแอริโซนา ร้อยละ 2.7 และ รัฐวิสคอนซิน ร้อยละ7.3 ส่วนนายทรัมป์ นำนายไบเดนที่รัฐโอไฮโอ ร้อยละ 1.8 และรัฐไอโอวา ร้อยละ 0.2
6 รัฐที่ถือเป็นสมรภูมิของการชิงชัยและเป็นที่จับตา
สำหรับการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐฯ รัฐที่ถือเป็นสมรภูมิของการชิงชัยและเป็นที่จับตา ได้แก่
-รัฐเทกซัส (คะแนนคณะผู้เลือกตั้ง 36 คะแนน) ทั้งนายทรัมป์ และนายไบเดน แทบไม่เน้นการหาเสียงที่นี่ในช่วงโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้ง เนื่องจากเป็นที่ทราบกันดีว่ารัฐเทกซัสคือฐานเสียงแข็งแกร่งของพรรครีพับลิกัน ตั้งแต่ปี 2519 พรรคเดโมแครต ไม่เคยชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่รัฐนี้ และไม่เคยชนะการเลือกตั้งระดับท้องถิ่นที่รัฐแห่งนี้ นับตั้งแต่ปี 2537 อย่างไรก็ตาม การที่ชาวอเมริกันใช้สิทธิลงคะแนนล่วงหน้ามากเป็นประวัติการณ์ เพิ่มความหวังให้กับพรรคเดโมแครตว่าต่อให้นายไบเดนไม่ชนะที่นี่ แต่หากนายทรัมป์ ชนะไม่ขาด ในส่วนของคะแนนดิบอาจเพิ่มความเครียดให้กับพรรครีพับลิกัน ในศึกเลือกตั้งระดับท้องถิ่น
-รัฐจอร์เจีย (คะแนนคณะผู้เลือกตั้ง 16 คะแนน) รัฐจอร์เจียเลือกตัวแทนผู้สมัครจากพรรครีพับลิกันทุกครั้ง ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีตั้งแต่ปี 2535 หากนายทรัมป์ แพ้ที่รัฐแห่งนี้ จะเพิ่มแรงกดดันให้กับพรรครีพับลิกัน ในศึกเลือกตั้งวุฒิสมาชิกและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เนื่องจากกฎหมายการเลือกตั้งของรัฐจอร์เจียระบุว่า ในการเลือกตั้งระดับชาติ ชิงตำแหน่งสมาชิกสภาสูงและสภาล่างนั้น หากไม่มีผู้สมัครคนใดได้รับเสียงสนับสนุนเกินร้อยละ 50 ต้องมีการเลือกตั้งรอบชิงดำระหว่างผู้สมัครซึ่งได้รับคะแนนสูงสุด 2 คนแรก
-รัฐโอไฮโอ (คะแนนคณะผู้เลือกตั้ง 18 คะแนน) รัฐโอไฮโอ เป็นรัฐสวิงสเตทของการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ มานานต่อเนื่องหลายสมัย และการที่ผลคะแนนอย่างไม่เป็นทางการจากรัฐโอไฮโอมักประกาศเป็นลำดับต้น ๆ หากใครได้รัฐนี้ไป มีความเป็นไปได้สูงที่จะรวบรวมคะแนนคณะผู้เลือกตั้งได้ถึง 270 คะแนนก่อนอีกฝ่าย
-รัฐไอโอวา (คะแนนคณะผู้เลือกตั้ง 6 คะแนน) รัฐไอโอวาถือเป็นสวิงสเตทของศึกเลือกตั้งผู้นำสหรัฐฯยาวนานเช่นเดียวกับรัฐโอไฮโอ และผลสำรวจความคิดเห็นของสำนักโพลทุกแห่งเป็นไปในทางเดียวกันว่า นายทรัมป์และนายไบเดนมีคะแนนนิยมสูสี
-รัฐนอร์ทแคโรไลนา (คะแนนคณะผู้เลือกตั้ง 15 คะแนน) เช่นเดียวกับรัฐโอไฮโอ การเก็บชัยชนะที่รัฐนอร์ทแคโรไลนา สามารถชี้ผู้ชนะการเลือกตั้งได้ตั้งแต่เนิ่นๆ
-รัฐฟลอริดา (คะแนนคณะผู้เลือกตั้ง 29 คะแนน) การที่สถิติผู้ใช้สิทธิล่วงหน้าของการเลือกตั้งผู้นำสหรัฐฯครั้งนี้สูงมาก ทำให้หลายฝ่ายจับตาว่า การนับคะแนนที่นี่อาจยืดเยื้อเหมือนการเลือกตั้งเมื่อปี 2543 ระหว่างตัวแทนจากพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตในเวลานั้น คือนายจอร์จ ดับเบิลยู. บุช ผู้ว่าการรัฐเทกซัส และอดีตรองประธานาธิบดีอัล กอร์ หรือไม่ โดยกระบวนการตอนนั้นการต้องถึงชั้นศาลฎีกา ที่สั่งนับคะแนนใหม่ทั้งหมด ผลปรากฏว่านายบุช ชนะ นายกอร์ ด้วยคะแนนดิบเพียง 537 คะแนน คว้าคะแนนคณะผู้เลือกตั้ง 29 คะแนน ก้าวสู่การดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 43 ของสหรัฐฯ
พายุโคนี ทำให้ระบบโครงสร้างพื้นฐานจังหวัดคาตันดัวเนส ฟิลิปปินส์ เสียหาย 90%
พายุโคนี ทำให้ประเทศฟิลิปปินส์ ได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง จังหวัดคาตันดัวเนส และจังหวัดอัลเบย์ (Albay) ทางใต้ของเกาะลูซอน ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากไต้ฝุ่น ตัวเลขของรัฐบาล ชี้ว่า ร้อยละ 90 ของระบบโครงสร้างพื้นฐานของจังหวัดคาตันดัวเนส ถูกทำลาย ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น และยังมีผู้สูญหาย อพยพประชาชน 345,000 คน บ้านเรือนกว่า 13,000 หลัง ได้รับความเสียหาย บางส่วนได้รับผลกระทบจากสตอร์มเสิร์จสูง 5 เมตร ที่มาพร้อมกับลมกระโชกความเร็วสูงสุด 310 กม./ชม.ล่าสุด เจ้าหน้าที่ฟิลิปปินส์ กู้ระบบการสื่อสารที่ล่มไปช่วงเกิดพายุให้กลับมาใช้งานได้อีกครั้ง พื้นที่ทางการเกษตรเสียหายรวม 1,100 ล้านเปโซ หรือประมาณ 23 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นข้าวและข้าวโพด โดยพื้นที่จมน้ำส่วนมากจะอยู่ในจังหวัดทางใต้ของกรุงมะนิลา
ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ โรดริโก ดูเตอร์เต เดินทางด้วยเครื่องบินตรวจเยี่ยมความเสียหาย พร้อมทั้งสั่งการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยจากพายุ
กลุ่มไอเอส กราดยิงในมหาวิทยาลัยคาบูล นศ.เสียชีวิต-เจ็บ กว่า 50 คน
นักรบรัฐอิสลาม(ไอเอส) อ้างความรับผิดชอบในการก่อเหตุบุกโจมตีและกราดยิงในมหาวิทยาลัยคาบูล เมืองหลวงของอัฟกานิสถาน ทำให้มีนักศึกษาเสียชีวิต 22 ราย บาดเจ็บอีกกว่า 20 คน ประธานาธิบดีอัชราฟ กานี ของอัฟกานิสถาน ประณามว่าเป็นการก่อการร้ายที่ชั่วช้า พร้อมทั้งประกาศไว้อาลัยทั่วประเทศเป็นเวลา 1 วัน เพื่อแสดงความเสียใจและเห็นใจอย่างสุดซึ้งต่อประเทศชาติและครอบครัวผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ ส่วนมือปืน 3 คนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจยิงเสียชีวิต
นอกจากนี้ ในวันนี้ยังเกิดเหตุโจมตีในเมืองต่างๆของอัฟกานิสถาน ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บอีกหลายราย เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนับเป็นการโจมตีสถานศึกษาในกรุงคาบูลเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 10 วัน โดยการโจมตีในครั้งแรกทำให้มีผู้เสียชีวิต 24 ราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักศึกษา
CR:CNN,BBC