อาการปวดท้องเกิดขึ้นได้หลายสาเหตุ ปวดท้องแบบไหนเสี่ยงเป็น “ลำไส้อุดตัน”?

            โดยทั่วไปแล้วอาการปวดท้องนั้นสามารถเกิดขึ้นได้หลายสาเหตุ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือโรค “ลำไส้อุดตัน” ซึ่งหากปล่อยไว้อาจเป็นอันตรายต่อร่างกายได้ แต่ถึงกระนั้นการจะแยกอาการปวดท้องให้ออกได้คงเป็นเรื่องยากไม่น้อย ด้วยความห่วงใยจาก อ. พญ.ศุภมาส เชิญอักษร สาขาวิชาโรคทางเดินอาหารและตับ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล จึงได้ออกมาอธิบายถึงสาเหตุ และวิธีสังเกตตัวเองเบื้องต้นว่าการปวดท้องแบบไหนถึงจะเสี่ยงเป็นลำไส้อุดตัน

            ทำความรู้จักโรค “ลำไส้อุดตัน”

           อาการปวดท้องเสี่ยงเป็นลำไส้อุดตันจะขึ้นอยู่กับระดับของการอุดตันว่าอยู่บริเวณใด ส่วนใหญ่ที่มักจะเจอบ่อยๆ ก็คือลำไส้เล็ก หรือลำไส้ใหญ่ โดยอาการที่เด่นเห็นได้ชัดเจนคือจะปวดท้องรุนแรงในลักษณะบิดๆ บริเวณใต้ซี่โครงหรือสะดือ เป็นๆ หายๆ หรือชีพจรเต้นเร็วกว่าปกติและหายใจเร็วกว่าปกติ คลื่นไว้ อาเจียน ไม่สามารถผายลมได้ ท้องอืด แน่นท้อง หรืออาจกดไปแล้วเจ็บบริเวณท้อง นานๆ เข้าท้องผูก ถ่ายไม่ออก รวมถึงมีเลือดออกทางทวารหนัก

            สาเหตุของโรค “ลำไส้อุดตัน”

            สาเหตุของลำไส้อุดตันนั้นกลุ่มแรกคือคนที่เป็นพังพืดหรือมะเร็งซึ่งอาจจะต้องพักลำไส้ให้ลำไส้ยุบลงเมื่อยุบลงก็จะคลายตัวเองโดยธรรมชาติ ลำไส้ก็จะกลับสู่ภาวะปกติ กับอีกกลุ่มคือคนที่ท้องผูกบ่อยๆ ถ่ายไม่ออก โดยเฉพาะผู้สูงวัย เนื่องจากดื่มน้ำน้อย เคลื่อนตัวช้าไม่ค่อยไหวลำไส้ก็จะเคลื่อนตัวไม่ค่อยดีเมื่อมีอุจจาระเยอะๆ ในลำไส้จึงเป็นเหตุให้อุดตันจึงอาจใช้ยาระบายให้ถ่ายออกมาช่วยลดความเสี่ยงลำไส้อุดตันได้

            ปวดท้องแบบไหนเสี่ยงเป็นโรค “ลำไส้อุดตัน”

            ส่วนใหญ่อาการปวดท้องที่เสี่ยงลำไส้อุดตันช่วงแรกๆ ก็คือลักษณะปวดแบบบิดแล้วคลายออกบริเวณที่อุดตัน หากเป็นบริเวณลำไส้เล็กก็จะอยู่บริเวณกลางท้อง หากเป็นลำไส้ใหญ่ก็จะปวดต่ำๆ ลงมา เมื่อเวลาผ่านไปสักระยะลำไส้บิดไม่ไหวเนื่องจากพองตัวจะเปลี่ยนเป็นปวดแบบแน่นๆ และท้องป่องแบบชัดเจน ไม่ผายลม ไม่ถ่าย รวมถึงอาเจียนร่วมด้วย

             นอกจากนี้ อาการปวดท้องอื่นๆ อย่าง อาการปวดท้องเรื้อรัง เช่น โรคกระเพาะ หรือลำไส้แปรปรวนก็จะมีตำแหน่งปวดที่จำเพาะ และไม่แสดงอาการอื่นๆ ร่วมด้วย แต่ถ้ามีก็อาจจะอาเจียนแต่ไม่มาก รวมถึงยังผายลม และถ่ายท้องได้ตามปกติ

            เมื่อรู้อย่างนี้แล้วก็หวังว่าทุกๆ คนจะเกิดความเข้าใจ หากใครที่มีอาการปวดท้องลักษณะคล้ายกับที่กล่าวไปข้างต้นควรรีบพบแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยและรักษาต่อไป

ข้อมูล : รามาแชนแนล Rama Channel