ประธาน ส.อ.ท. แนะภาคเอกชนต้องหาตลาดใหม่-ลดต้นทุน ปรับตัวหลังสหรัฐฯตัดจีเอสพี

01 พฤศจิกายน 2563, 16:25น.


           ความเห็นของภาคเอกชน หลังจากที่สหรัฐฯ ตัดสินใจระงับสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (จีเอสพี) สินค้าของไทย 231 รายการ มูลค่า 817 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ ประมาณ 25,400 ล้านบาท ตั้งแต่วันที่ 30 ธ.ค.2563 เนื่องจากไม่สามารถเจรจาเพื่อนำเนื้อหมูที่มีสารเร่งเนื้อแดงจากสหรัฐฯเข้าตลาดไทยได้



          นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เห็นว่า  หลังจากที่มีการประเมินแล้วจะทำให้ภาคเอกชนในประเทศไทยได้รับผลกระทบประมาณ 600-700 ล้านบาท กลุ่มที่จะได้รับผลกระทบส่วนใหญ่จะเป็น ชิ้นส่วนยานยนต์ อุตสาหกรรมอาหาร สินค้าอิเล็กทรอนิกส์บางชนิด การตัดสิทธิดังกล่าวนั้น ต้องเกิดผลกระทบอย่างแน่นอน แต่ไม่รุนแรงมาก แม้ประเทศไทยจะยังมีสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ไม่ดีนักในช่วงนี้ แต่ไม่ถือว่าเป็นการซ้ำเติมเศรษฐกิจเพราะคงเป็นเพียงผลกระทบระยะสั้น สินค้าต่างๆ ก็ยังขายได้อยู่ ก่อนที่มาตรการจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 30 ธ.ค.2563 เอกชนทุกส่วนก็ต้องมีการเตรียมตัว จริงๆเคยประเมินไปแล้วว่าหลังจากที่มีการตัดสิทธิครั้งแรกแล้วก็อาจจะมีอีกครั้งหนึ่งตามมา อย่างไรก็ตาม ผลกระทบระยะยาวก็อาจจะไม่รุนแรง แต่ภาคเอกชนเองก็จะต้องมีการเตรียมรับมือกับสถานการณ์ที่จะต้องเผชิญให้ได้ รวมถึงต้องมีการหาตลาดใหม่ ๆ เพื่อรองรับสินค้า และในช่วงนี้ต้องมีแนวทางที่จะลดต้นทุนในการผลิตให้ได้



          นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ชี้แจงว่า การถูกตัดสิทธิจีเอสพีครั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าสินค้าไทยจะถูกห้ามส่งออกไปสหรัฐฯ ไทยยังส่งออกไปได้ปกติแต่ต้องเสียภาษีนำเข้าในอัตราปกติ หากสินค้าไทยมีการเน้นคุณภาพมาตรฐาน สร้างการยอมรับเชื่อว่าแม้ภาษีจะสูงขึ้น แต่คงไม่มีผลต่อการส่งออก และผู้นำเข้าสหรัฐฯจะยังต้องการสินค้าไทยเหมือนเดิม



แฟ้มภาพ 



 

ข่าวทั้งหมด

X