ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 19.30 น.วันศุกร์ที่ 30 ตุลาคม 2563
นายกฯ เปิดงาน “สวัสดีข้าวสาร” ชวนสัมผัสถนนข้าวสารโฉมใหม่
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีเปิดงาน “สวัสดีข้าวสาร” เพื่อเปิดตัวถนนข้าวสารโฉมใหม่ และส่งเสริมการท่องเที่ยวพร้อมกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่กรุงเทพฯ งาน “สวัสดีข้าวสาร” กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 30-31 ต.ค. 63 ภายใต้แนวคิด “The Modern Thainess สัมผัสความเป็นไทยในรูปแบบใหม่ ณ ถนนข้าวสาร” ซึ่งจัดขึ้นเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ สร้างรายได้หมุนเวียนให้แก่ชุมชนและผู้ประกอบการค้าย่านถนนข้าวสารอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งนี้ถนนข้าวสารถือเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กที่สำคัญแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ และเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกนิยมมาเยือน แต่ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในช่วงต้นปี ส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจท่องเที่ยวทำให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติไม่สามารถเดินทางเข้ามายังประเทศไทยได้ ทำให้สถานประกอบการย่านถนนข้าวสารหลายแห่งต้องปิดกิจการชั่วคราว กรุงเทพมหานคร จึงใช้ช่วงเวลาดังกล่าวปรับปรุงภูมิทัศน์บริเวณถนนข้าวสาร ทำให้ถนนข้าวสารโฉมใหม่มีความสวยงาม สะอาด กว้างขวาง พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติให้กลับมาเยี่ยมเยือนอีกครั้ง
สำหรับด้านความปลอดภัย ได้เตรียมการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ด้วยการตั้งจุดคัดกรองบริเวณทางเข้าทุกจุด เพื่อตรวจวัดอุณหภูมิ รวมทั้งมีการตรวจคัดกรองอาวุธและของมีคม รวมทั้งได้เตรียมการดูแลอำนวยความสะดวกด้านการจราจรโดยรอบให้ผู้ที่จะมาท่องเที่ยวและเลือกซื้อสินค้าบริเวณถนนข้าวสารในวันดังกล่าวด้วย โดยหลังจากนี้ นักท่องเที่ยวและประชาชนสามารถมาเยี่ยมชมบรรยากาศและท่องเที่ยวถนนข้าวสารโฉมใหม่ได้ทุกวัน ระหว่างเวลา 09.00-24.00 น.
สธ.ชี้ เชื้อโควิด-19 ที่พบกับแรงงานเมียนมา พัทลุง เป็นซากเชื้อ
หลังสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพัทลุง ตรวจพบแรงงานต่างชาติเมียนมา ถูกจับใน สภ.ป่าบอน 9 คน และตรวจเจอเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จำนวน 1 คน นายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผอ.กองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กล่าวว่า ข้อเท็จจริงสำหรับเรื่องนี้ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจมีการตรวจตราและในขณะนี้ที่เรามีนโยบายว่าหากพบแรงงานต่างด้าวเข้าเมืองผิดกฎหมายจะต้องส่งตรวจเชื้อไวรัสโควิด-19 ทุกราย เคสนี้ก็เช่นเดียวกัน เป็นแรงงานสัญชาติเมียนมา เมื่อไม่มีเอกสารเข้าเมืองจึงได้ส่งไป รพ.เพื่อตรวจหาเชื้อฯ ก็พบสารพันธุกรรมในปริมาณน้อย และจากการตรวจที่ศูนย์วิทยาศาสตร์จังหวัดตรัง ผลออกมาตรงกับผลตรวจของทางโรงพยาบาล คือเป็นสารพันธุกรรมเชื้อ คาดว่าไม่สามารถเพิ่มจำนวนได้แล้ว ขณะนี้แรงงานต่างด้าวรายดังกล่าวอยู่ที่โรงพยาบาล ส่วนคนอื่นๆก็อยู่ระหว่างการเฝ้าระวัง แต่จากการตรวจก็ไม่เจอเชื้อแต่อย่างใด การตรวจเจอสารพันธุกรรมเชื้อในแรงงานต่างด้าวรายนี้ ก็เหมือนกับกรณีหญิงไทยที่จะไปทำงานที่ ยูเออี แล้วเราตรวจเจอสารพันธุกรรมน้อยๆ ตามที่เคยแถลงข่าวไปแล้ว
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2563 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ป่าบอน จ.พัทลุง จับกุมแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมา 10 คน ทั้งหมดมากับรถยนต์กระบะ ทะเบียนชุมพร ที่จุดตรวจจุดสกัดหน้า สภ.ป่าบอน ริมถนนเอเชีย ขาขึ้น ท้องที่หมู่ 6 ต.วังใหม่ อ.ป่าบอน เพื่อตรวจจับการลักลอบลำเลียงสิ่งผิดกฎหมาย เฝ้าระวังการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จากกลุ่มแรงงานต่างด้าว
ด้านนายไพศาล เกื้ออรุณ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพัทลุง ในฐานะเลขาคณะกรรมการควบคุมโรคจังหวัดพัทลุง ชี้แจงว่า เบื้องต้นปรากฏว่าพบชิ้นส่วนของเชื้อโรคโควิด-19 จากสารคัดหลั่งของแรงงานต่างด้าวชายวัย 27 ปี และขั้นตอนต่อไปต้องมีการตรวจโดยละเอียดอีกครั้งว่าชิ้นส่วนเชื้อโควิด-19 ดังกล่าว มีชีวิตอยู่ในสภาวะแพร่กระจายได้หรือเป็นแค่ซากชิ้นส่วนที่ตาย และไม่สามารถแพร่กระจายได้ ล่าสุดเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการตามกระบวนการอย่างเข้มงวด โดยมีการกักกลุ่มเสี่ยงตอนนี้ 16 คน แยกเป็น แรงงานเมียนมา 10 คน และบุคลากรของรัฐอีก 6 คน โดยเฉพาะแรงงานเมียนมาที่พบเชื้อได้แยกออกไปกักตัวที่โรงพยาบาล และจากการได้รับรายงานเกี่ยวกับเส้นทางของกลุ่มแรงงานเมียนมา กลุ่มนี้ทราบว่ามาอยู่ในประเทศไทยเป็นระยะเวลา 2 เดือนแล้ว โดย 8 คน ทำงานขายแรงงานในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ และอีก 2 คน อาศัยอยู่ในพื้นที่ อ.รัตภูมิ ส่วนชายวัย 27 ปี ที่พบชิ้นส่วนเชื้อโควิด-19 เป็น 1 ใน 2 ที่อาศัยอยู่ใน อ.รัตภูมิ
ในส่วนของ สภ.ป่าบอน ล่าสุดได้มี เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาล ลงพื้นที่ไปให้ความรู้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจเรื่องการดูแลและสังเกตอาการตัวเอง เพื่อความปลอดภัยจากโรคโควิด-19 หรือหากพบอาการที่ต้องสงสัยว่าป่วยก็ให้รีบไปพบแพทย์โดยทันที
'ผู้ว่าฯสงขลา'สั่งจนท.ลงสอบสวนโรคด่วน หลังพบเชื้อโควิด-19 ในต่างด้าว
มีรายงานแจ้งว่า นายจารุวัฒน์ เกลี้ยงเกลา ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ได้สั่งให้ฝ่ายปกครอง อ.รัตภูมิ ลงสอบสวนแบบปูพรมทุกหมู่บ้านของ อ.รัตภูมิ แต่ยังไม่พบข้อมูลต่างด้าวพักอาศัย หากมีแรงงานต่างด้าวพักอาศัยในหมู่บ้านหนึ่งหมู่บ้านใดจริงตามที่อ้างจะมีประชาชนแจ้งให้ทราบแล้ว เพราะประชาชนมีความหวาดกลัวโรคโควิด-19
นายจารุวัฒน์ ยอมรับว่ามีเจ้าหน้าที่จากศูนย์ป้องกันโรคติดต่อ จ.สงขลา ลงไปสอบสวนต่างด้าวที่ถูกจับกุมที่ สภ.ป่าบอน จ.พัทลุง แล้ว แต่ยังไม่สามารถสรุปข้อมูลได้มากนัก เนื่องจากต่างด้าวแต่ละคนพูดจาวกไปวนมาและไม่ตรงกันบางคนบอกไม่รู้จักพื้นที่ที่หลบซ่อน บางคนบอกว่าเดินทางมาทางเรือขึ้นฝั่งที่ จ.สตูล และให้นายอำเภอรัตภูมิ ลงพื้นที่เรียกผู้นำท้องที่และชาวบ้านพื้นที่เป้าหมายมาสอบถามทุกหมู่บ้านขณะนี้ยังไม่พบข้อมูลเคลื่อนไหวต่างด้าวในพื้นที่เลย แต่ต้องดำเนินต่อไปจนกว่าจะได้ความจริงให้เร็วที่สุด
ไต้หวันไม่พบโควิด-19ระบาดในพื้นที่ 200 วัน ย้ำมีบทเรียนจากโรคซาร์ส คุมโรคตั้งแต่เนิ่นๆ
หลายประเทศทั่วโลกใช้มาตรการต่างๆรวมถึงการล็อกดาวน์เพื่อสกัดการแพร่ระบาดระลอกสองของโรคโควิด-19 แต่ไต้หวัน ซึ่งมีประชากร 23 ล้านคนไม่พบการแพร่ระบาดในท้องถิ่นมาแล้ว 200 วัน ครั้งหลังสุดที่ไต้หวันพบผู้ป่วยใหม่ที่ติดโรคในท้องถิ่นคือวันที่ 12 เมษายน หลายฝ่ายชื่นชมไต้หวันว่าประสบความสำเร็จในอันดับต้นๆของโลกในเรื่องการควบคุมโรคโควิด-19
นายโจเซฟ หวู่ รัฐมนตรีต่างประเทศไต้หวัน กล่าวถึงปัจจัยที่ทำให้ไต้หวันประสบความสำเร็จในการควบคุมโรค คือ
1.ไต้หวัน ประกาศใช้มาตรการควบคุมโรคแต่เนิ่นๆ หลังทราบการแพร่ระบาดของโรคโควิดเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน เจ้าหน้าที่สาธารณสุขไต้หวันเริ่มตรวจคัดกรองโรคในกลุ่มผู้โดยสารจากเมืองอู่ฮั่น จุดที่พบการระบาดครั้งแรก ตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม ทั้งขยายการตรวจคัดกรองให้ครอบคลุมกลุ่มเสี่ยงต่างๆให้มากขึ้น ต่อมาในเดือนมีนาคม ไต้หวันห้ามชาวต่างชาติเดินทางเข้ามายังไต้หวัน เพื่อสกัดการระบาด
2.สภาพภูมิศาสตร์ของไต้หวันคือ เป็นเกาะ ทำให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขควบคุมการเข้า-ออกชายแดนได้สะดวกกว่าอีกหลายประเทศ
3.ไต้หวันมีประสบการณ์จากการแพร่ระบาดของโรคระบบทางเดินหายใจเฉียบพลัน (ซาร์ส)ในปี 2546 ช่วยทำให้บุคลากรด้านสาธารณสุขของไต้หวันมีความรู้ความสามารถในการจัดการกับปัญหาโรคระบาดอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
4.ไต้หวันลงทุนในระบบสาธารณูปโภคด้านสาธารณสุข ทั้งนี้หลังการแพร่ระบาดของโรคซาร์ส ไต้หวันได้จัดตั้งศูนย์บัญชาการกลางสำหรับควบคุมโรคระบาด เพื่อประสานงานกับทุกกระทรวง นอกจากนี้ รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณจำนวนมากสำหรับการตรวจโรคของคนจำนวนมากๆและการพัฒนาระบบติดตามกลุ่มเสี่ยงเพื่อเฝ้าระวังอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ไต้หวันมีผู้ป่วยสะสม 553 คน ในจำนวนนี้เพียง 55 คนที่ติดเชื้อโรคในท้องถิ่น ที่เหลือเป็นกลุ่มผู้โดยสารจากต่างประเทศ และมีผู้เสียชีวิต 7 ราย
สหรัฐฯพบผู้ติดเชื้อโควิด-19วันเดียวพุ่งกว่า 9.1 หมื่น
สหรัฐอเมริกายังเผชิญกับวิกฤตเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือโควิด-19 ระบาดรุนแรง ขณะกำลังจะมีการเลือกตั้งสหรัฐฯ 2020 ในวันที่ 3 พ.ย.ที่จะถึงนี้ โดยตามรายงานการนับจำนวนของผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในสหรัฐฯ พบว่า มีผู้ติดเชื้อภายในช่วง 24 ชั่วโมงล่าสุดของวันพฤหัสฯที่ 29 ต.ค. สูงกว่า 91,000 คน อยู่ที่ 91,530 คน ซึ่งถือว่าเป็นการทำลายสถิติการพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 สูงสุดภายในวันเดียว เพราะก่อนหน้านี้ เคยมีผู้ติดเชื้อมากที่สุดในช่วง 24 ชั่วโมง อยู่ที่ 84,169 คน เมื่อ 23 ต.ค.
ในจำนวนรัฐที่พบการระบาดสูงสุดในสหรัฐฯ ได้แก่ รัฐโอไฮโอ มิชิแกน นอร์ทแคโรไลนา เพนซิลเวเนีย และวิสคอนซิน ซึ่งถือเป็นรัฐ ‘สวิงสเตท’ หรือเป็นรัฐที่สองผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีคนใหม่ ระหว่างนายโดนัลด์ ทรัมป์ และนายโจ ไบเดน มีคะแนนนิยมสูสี เนื่องจากเป็นรัฐที่ประชาชนมีความคิดทางการเมืองแตกต่างกันในจำนวนใกล้เคียงกัน ขณะที่ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 ประจำทำเนียบขาวชี้ว่า ขณะนี้ประเทศชาติกำลังเดินไปในทางที่ผิดพลาด พร้อมกับเตือนว่า การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 อย่างไม่ลดละจำเป็นต้องใช้มาตรการเชิงรุกในการควบคุมการแพร่ระบาด
นอกจากวันพฤหัสฯที่ 29 ต.ค.ที่ผ่านมา พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 กว่า 91,000 คน ทำลายสถิติแล้ว ยังเป็นวันที่มีผู้เสียชีวิตด้วยโรคโควิด-19 ถึง 1,047 ราย ซึ่งถือเป็นวันที่ 3 ของเดือนตุลาคม 2563 ที่มีผู้เสียชีวิตเกินกว่า 1,000 ราย ในขณะเดียวกัน จำนวนผู้ป่วยในโรงพยาบาลก็กำลังสูงขึ้นด้วย สำหรับยอดสะสมผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในสหรัฐฯเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 9,214,994 คน เสียชีวิต 234,201 ราย และรักษาหาย 5,984,184 คน
นายกฯ ย้ำได้ยินทุกข้อเสนอ ขอร้องอย่าให้เหตุการณ์บานปลาย
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมกล่าวถึงกรณีที่นายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี เสนอให้รับฟังความคิดเห็นของกลุ่มผู้ชุมนุมว่า ด้วยความเคารพเป็นการส่วนตัว นายอานันท์เป็นอดีตนายกฯ ตนก็รับฟังข้อเสนอมาโดยตลอด ทั้งทางสื่อโซเชียลและจากคำพูดที่ออกมา ได้ยินทุกอย่าง ขอให้เข้าใจซึ่งกันและกัน
ส่วนที่พรรคฝ่ายค้านตั้งข้อสังเกตว่าการตั้งคณะกรรมการสมานฉันท์ เป็นการซื้อเวลา พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวว่า เป็นกลไกลของรัฐสภาในการแก้ไขปัญหา อยากให้ไปทบทวนตรงนี้ว่าควรเป็นอย่างไรต่อไป
สำหรับ 2 พรรคฝ่ายค้านที่ไม่ได้เข้าร่วม นายกฯถามว่า แล้วจะเข้าร่วมประชุมรัฐสภาทำไม ในเมื่อเป็นส.ส.ที่เป็นผู้แทนสะท้อนความคิดเห็นจากประชาชนทุกคนและทุกฝ่าย ไม่ใช่นำความคิดเห็นของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งมาเสนอกดดันและเร่งรัด คิดว่าไม่ถูกต้อง พร้อมขอร้องว่าอย่าทำให้เหตุการณ์บานปลาย ไม่ส่งผลดีกับใครแม้แต่คนเดียว มีแต่กระพือข่าวได้มากขึ้น แต่ประเทศชาติพังไปเรื่อยๆ ก็แล้วแต่จะคิดก็แล้วกัน
'สมศักดิ์'ปัด ปล่อยตัว'4แกนนำม็อบ' โยงบิ๊กเซอร์ไพรส์หรือไม่
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงกรณีศาลอาญายกคำร้องฝากขัง 4 แกนนำ มีกระแสข่าวจะมีการปล่อย 4 แกนนำ คือ นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน , น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ รุ้ง , นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือ ไมค์ และนายปติวัฒน์ สาหร่ายแย้ม หรือ หมอลำแบงก์ ในช่วงเย็นวันเดียวกันนี้ว่าไม่ทราบเรื่องคดีความ เพราะมีหน้าที่ดูแลเรื่องความเป็นอยู่ในเรือนจำ ส่วนไปเชื่อมโยงกับบิ๊กเซอร์ไพรส์ ที่ผู้ชุมนุมระบุไว้ในวันที่ 31 ต.ค.นี้ หรือไม่นั้น นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ไม่ทราบประเด็นดังกล่าว
เฟซบุ๊ก กังวลหลังเลือกตั้งสหรัฐฯ เกิดความไม่สงบได้
มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ผู้บริหารสูงสุดของเฟซบุ๊กได้เตือนถึงความไม่สงบที่อาจเกิดขึ้นได้ในช่วงที่รอผลการเลือกตั้งในสหรัฐฯ ซึ่งถือเป็นบททดสอบสำคัญสำหรับเครือข่ายสังคมออนไลน์ ขณะที่อธิบายถึงการป้องกันข้อมูลเท็จและป้องกันการให้ข้อมูลที่บิดเบือนต่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งบนเครือข่ายสังคมชั้นนำ เพื่อหลีกเลี่ยงการหลอกลวงและการละเมิดที่เคยเกิดขึ้นในการเลือกตั้งเมื่อ 4 ปีก่อน ซัคเคอร์เบิร์กได้แสดงความกังวลว่า ในภาวะที่สหรัฐฯกำลังแบ่งเป็นสองฝักสองฝ่ายนี้ อาจมีความเสี่ยงที่จะเกิดเหตุการณ์ไม่สงบขึ้นในช่วงที่สหรัฐฯรอผลการเลือกตั้ง ซึ่งอาจใช้เวลาหลายวันหรือหลายสัปดาห์กว่าจะได้ข้อสรุป
เฟซบุ๊กได้ทวีตข้อความหลังการห้ามลงโฆษณาใหม่เริ่มมีผลบังคับใช้ในวันอังคาร ระบุว่า เฟซบุ๊กกำลังตรวจสอบกรณีโฆษณาถูกห้ามชั่วคราวโดยไม่ถูกต้อง และกรณีผู้โฆษณาบางรายมีปัญหาในการเปลี่ยนแปลงข้อกำหนดของโฆษณาทั้งนี้ ผู้เผยแพร่โฆษณาทางการเมืองสามารถหลีกเลี่ยงข้อบังคับเรื่องการห้ามลงโฆษณาใหม่ได้ ด้วยการชิงโหลดโฆษณาขึ้นเฟซบุ๊กก่อนกำหนดเส้นตาย จากนั้นจึงค่อยตั้งค่าให้เผยแพร่โฆษณาสู่ผู้ชมหลังคำสั่งห้ามมีผล
หุ้นเอเชียร่วงรอผลเลือกตั้งผู้นำสหรัฐฯ
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ปิดที่ระดับ 1,194.95 จุด ลดลง 6.69 จุด มูลค่าการซื้อขาย 52,725.69 ล้านบาท ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลงรับ Sentiment มาจากต่างประเทศ นอกจากนี้ ปัจจัยการเมืองและการแพร่ระบาดโควิด-19 ในไทยยังเป็นตัวแปรสำคัญ ซึ่งขณะนี้ยังไม่เห็นแรงขับเคลื่อนที่จะทำให้ตลาดฯ ปรับขึ้นได้ คงเห็นแต่แรงขายลดความเสี่ยง จนดัชนีฯ หลุดแนว 1,200 จุด ทำให้ Sentiment เกิดแรงขายต่อไปอีก
ดัชนีนิกเกอิ ตลาดหุ้นโตเกียวปิดร่วงลงในวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังกับการเปิดเผยผลประกอบการที่อ่อนแอของบริษัทญี่ปุ่นรายใหญ่ และความไม่แน่นอนก่อนการเลือกตั้งผู้นำสหรัฐฯ ในวันที่ 3 พ.ย. ดัชนีนิกเกอิปิดที่ 22,977.13 จุด ลดลง 354.81 จุด
ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดร่วงลงเกือบร้อยละ 2 ในวันนี้ จากแรงขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับผลประกอบการของบรรดาบริษัทที่เป็นซัพพลายเออร์ของแอปเปิล และบริษัทอินเทอร์เน็ต หลังจากแอปเปิล อิงค์ เปิดเผยผลประกอบการที่น่าผิดหวัง โดยยอดขายไม่เป็นไปตามเป้าในไตรมาสที่ผ่านมา เนื่องจากการชะลอเปิดตัวสมาร์ทโฟนที่รองรับเครือข่าย 5G ดัชนีฮั่งเส็งปิดวันนี้ที่ 24,107.42 จุด ลดลง 479.18 จุด
สตช.เตือน อย่าลงข้อมูลส่วนตัว ก่อนลอยกระทงออนไลน์
การลอยกระทงออนไลน์ ต้องระวัง พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กำชับในที่ประชุมให้ตำรวจทั่วประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนช่วงเทศกาลวันลอยกระทงวันที่ 31 ตุลาคม รวมทั้งตรวจตราร้านจำหน่ายดอกไม้ไฟที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย อีกทั้งยังตรวจตราจุดที่อาจจะมีการเล่นดอกไม้ไฟ พลุ ประทัด และโคมลอยในลักษณะที่เป็นอันตรายต่อประชาชนทั่วไป
นอกจากนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยังมีความห่วงใยประชาชนที่นิยมลอยกระทงแบบออนไลน์ โดยจะมีการใช้ชื่อ-นามสกุลจริง เบอร์โทรศัพท์ และเลขบัญชี ในการกรอกข้อมูลที่จะร่วมลอยกระทงออนไลน์ ซึ่งเรื่องดังกล่าว สำนักงานตำรวจแห่งชาติอยากเตือนประชาชนอาจตกเป็นเหยื่อกลุ่มมิจฉาชีพที่จะเข้าไปหาผลประโยชน์ โดยการเอาข้อมูลไปใช้ในการกระทำผิดกฎหมายในอนาคต
เวียดนามเร่งช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วม พายุลูกใหม่เตรียมเคลื่อนขึ้นฝั่งปลายสัปดาห์หน้า
รองนายกรัฐมนตรี ตรินห์ ดินห์ ดุงของเวียดนาม เปิดเผยว่าหน่วยกู้ภัยยังคงเร่งปฏิบัติงานเพื่อค้นหาผู้รอดชีวิตและให้การช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ประสบภัยทางภาคกลางของประเทศ หลังพายุไต้ฝุ่นโมลาเบขึ้นฝั่งที่บริเวณจังหวัดกว๋างนาม และกว๋างหงาย ทางตอนกลางของประเทศเวียดนามเมื่อวันพุธ เกิดน้ำท่วมและเหตุดินสไลด์ 5 แห่ง มีคนเสียชีวิตเกือบ 40 ราย มีผู้สูญหายกว่า 50 คน
เจ้าหน้าที่ทหาร พร้อมเฮลิคอปเตอร์กู้ภัย และสุนัขค้นหาร่วมปฏิบัติการค้นหาในจุดต่างๆที่เกิดเหตุดินสไลด์ หลังอากาศแปรปรวนอย่างหนัก ฝนตกหนัก น้ำท่วมหนักที่สุดในรอบ 20 ปี นอกจากนี้ หน่วยกู้สามารถช่วยเหลือประชาชนหลายคนเมื่อวาน รวมถึงชาวประมง 3 คนในทะเลใกล้ๆกับเรือสินค้าลำหนึ่ง และช่วยเหลือชาวบ้าน 33 คนในหมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึ่งหลังบ้านของพวกเขาถูกดินสไลด์ทับบ้านเมื่อ 2 วันก่อน
ขณะเดียวกันพายุลูกใหม่คือพายุโซนร้อนโคนี (Goni)เพิ่มความแรงขึ้นขณะเคลื่อนตัวเข้าใกล้ฟิลิปปินส์ คาดว่าจะขึ้นฝั่งที่ฟิลิปปินส์เช้ามืดวันอาทิตย์ 1 พฤศจิกายนนี้ จ่อพัดถล่มพื้นที่ภาคกลางของเวียดนามปลายสัปดาห์หน้า นับเป็นพายุลูกที่ 9 ที่จะพัดถล่มเวียดนามในปีนี้
ไต้หวันไม่พบโควิดระบาดในพื้นที่ 200 วัน ย้ำมีบทเรียนจากโรคซาร์ส คุมโรคตั้งแต่เนิ่นๆ
หลายประเทศทั่วโลกใช้มาตรการต่างๆรวมถึงการล็อกดาวน์เพื่อสกัดการแพร่ระบาดระลอกสองของโรคโควิด-19 แต่ไต้หวัน ซึ่งมีประชากร 23 ล้านคนไม่พบการแพร่ระบาดในท้องถิ่นมาแล้ว 200 วัน ครั้งลังสุดที่ไต้หวันพบผู้ป่วยใหม่ที่ติดโรคในท้องถิ่นคือวันที่ 12 เมษายน หลายฝ่ายชื่นชมไต้หวันว่าประสบความสำเร็จในอันดับต้นๆของโลกในเรื่องการควบคุมโรคโควิด-19
นายโจเซฟ หวู่ รัฐมนตรีต่างประเทศไต้หวัน กล่าวถึงปัจจัยที่ทำให้ไต้หวันประสบความสำเร็จในการควบคุมโรค คือ
1.ไต้หวัน ประกาศใช้มาตรการควบคุมโรคแต่เนิ่นๆ หลังทราบการแพร่ระบาดของโรคโควิดเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน เจ้าหน้าที่สาธารณสุขไต้หวันเริ่มตรวจคัดกรองโรคในกลุ่มผู้โดยสารจากเมืองอู่ฮั่น จุดที่พบการระบาดครั้งแรก ตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม ทั้งขยายการตรวจคัดกรองให้ครอบคลุมกลุ่มเสี่ยงต่างๆให้มากขึ้น ต่อมาในเดือนมีนาคม ไต้หวันห้ามชาวต่างชาติเดินทางเข้ามายังไต้หวัน เพื่อสกัดการระบาด
2.สภาพภูมิศาสตร์ของไต้หวันคือ เป็นเกาะ ทำให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขควบคุมการเข้า-ออกชายแดนได้สะดวกกว่าอีกหลายประเทศ
3.ไต้หวันมีประสบการณ์จากการแพร่ระบาดของโรคระบบทางเดินหายใจเฉียบพลัน (ซาร์ส)ในปี 2546 ช่วยทำให้บุคลากรด้านสาธารณสุขของไต้หวันมีความรู้ความสามารถในการจัดการกับปัญหาโรคระบาดอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
4.ไต้หวันลงทุนในระบบสาธารณูปโภคด้านสาธารณสุข ทั้งนี้หลังการแพร่ระบาดของโรคซาร์ส ไต้หวันได้จัดตั้งศูนย์บัญชาการกลางสำหรับควบคุมโรคระบาด เพื่อประสานงานกับทุกกระทรวง นอกจากนี้ รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณจำนวนมากสำหรับการตรวจโรคของคนจำนวนมากๆและการพัฒนาระบบติดตามกลุ่มเสี่ยงเพื่อเฝ้าระวังอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ไต้หวันมีผู้ป่วยสะสม 553 คน ในจำนวนนี้เพียง 55 คนที่ติดเชื้อโรคในท้องถิ่น ที่เหลือเป็นกลุ่มผู้โดยสารจากต่างประเทศ และมีผู้เสียชีวิต 7 ราย
สหรัฐพบผู้ติดเชื้อโควิด-19วันเดียวพุ่งกว่า 9.1 หมื่น
สหรัฐอเมริกายังเผชิญกับวิกฤติเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือโควิด-19 ระบาดรุนแรง ขณะกำลังจะมีการเลือกตั้งสหรัฐฯ 2020 ในวันที่ 3 พ.ย.ที่จะถึงนี้ โดยตามรายงานการนับจำนวนของผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในสหรัฐฯ พบว่า มีผู้ติดเชื้อภายในช่วง 24 ชั่วโมงล่าสุดของวันพฤหัสฯที่ 29 ต.ค. สูงกว่า 91,000 ราย อยู่ที่ 91,530 ราย ซึ่งถือเป็นการทำลายสถิติการพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 สูงสุดภายในวันเดียว เพราะก่อนหน้านี้ เคยมีผู้ติดเชื้อมากที่สุดในช่วง 24 ชั่วโมง อยู่ที่ 84,169 ราย เมื่อ 23 ต.ค.ที่ผ่านมา
ในจำนวนรัฐที่พบการระบาดสูงสุดในสหรัฐฯ ได้แก่ รัฐโอไฮโอ มิชิแกน นอร์ทแคโรไลนา เพนซิลเวเนีย และวิสคอนซิน ซึ่งถือเป็นรัฐ ‘สวิงสเตท’ หรือเป็นรัฐที่สองผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีคนใหม่ ระหว่างโดนัลด์ ทรัมป์ และโจ ไบเดน มีคะแนนนิยมสูสี เนื่องจากเป็นรัฐที่ประชาชนมีความคิดทางการเมืองแตกต่างกันในจำนวนใกล้เคียงกัน ขณะที่ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 ประจำทำเนียบขาวชี้ว่า ขณะนี้ประเทศชาติกำลังเดินไปในทางที่ผิดพลาด พร้อมกับเตือนว่า การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 อย่างไม่ลดละจำเป็นต้องใช้มาตรการเชิงรุกในการควบคุมการแพร่ระบาด
นอกจากวันพฤหัสฯที่ 29 ต.ค.ที่ผ่านมา พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 กว่า 91,000 ราย ทำลายสถิติแล้ว ยังเป็นวันที่มีผู้เสียชีวิตด้วยโรคโควิด-19 ถึง 1,047 ศพ ซึ่งถือเป็นวันที่ 3 ของเดือนตุลาคม 2563 ที่มีผู้เสียชีวิตเกินกว่า 1,000 ศพ ในขณะเดียวกัน จำนวนผู้ป่วยในโรงพยาบาลก็กำลังสูงขึ้นด้วย สำหรับยอดสะสมผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในสหรัฐฯเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 9,214,994 ราย เสียชีวิต 234,201 ศพ และรักษาหาย 5,984,184 ราย
เวียดนามเร่งช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วม พายุลูกใหม่เตรียมเคลื่อนขึ้นฝั่งปลายสัปดาห์หน้า
รองนายกรัฐมนตรี ตรินห์ ดินห์ ดุงของเวียดนาม เปิดเผยว่าหน่วยกู้ภัยยังคงเร่งปฏิบัติงานเพื่อค้นหาผู้รอดชีวิตและให้การช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ประสบภัยทางภาคกลางของประเทศ หลังพายุไต้ฝุ่นโมลาเบขึ้นฝั่งที่บริเวณจังหวัดกว๋างนาม และกว๋างหงาย ทางตอนกลางของประเทศเวียดนามเมื่อวันพุธ เกิดน้ำท่วมและเหตุดินสไลด์ 5 แห่ง มีคนเสียชีวิตเกือบ 40 ราย มีผู้สูญหายกว่า 50 คน
เจ้าหน้าที่ทหาร พร้อมเฮลิคอปเตอร์กู้ภัย และสุนัขค้นหาร่วมปฏิบัติการค้นหาในจุดต่างๆที่เกิดเหตุดินสไลด์ หลังอากาศแปรปรวนอย่างหนัก ฝนตกหนัก น้ำท่วมหนักที่สุดในรอบ 20 ปี นอกจากนี้ หน่วยกู้สามารถช่วยเหลือประชาชนหลายคนเมื่อวาน รวมถึงชาวประมง 3 คนในทะเลใกล้ๆกับเรือสินค้าลำหนึ่ง และช่วยเหลือชาวบ้าน 33 คนในหมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึ่งหลังบ้านของพวกเขาถูกดินสไลด์ทับบ้านเมื่อ 2 วันก่อน
ขณะเดียวกันพายุลูกใหม่คือพายุโซนร้อนโคนี (Goni)เพิ่มความแรงขึ้นขณะเคลื่อนตัวเข้าใกล้ฟิลิปปินส์ คาดว่าจะขึ้นฝั่งที่ฟิลิปปินส์เช้ามืดวันอาทิตย์ 1 พฤศจิกายนนี้ จ่อพัดถล่มพื้นที่ภาคกลางของเวียดนามปลายสัปดาห์หน้า นับเป็นพายุลูกที่ 9 ที่จะพัดถล่มเวียดนามในปีนี้