ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 07.30 น.วันศุกร์ที่ 30 ตุลาคม 2563

          ใช้เวลา 120 ชั่วโมง นับตั้งแต่กลางดึกเมื่อวันที่ 21 ต.ค. 2563 นายสัญญา แสงพุ่มพงษ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้รับรายงานว่าตรวจพบรอยรั่วบริเวณใต้ฐานเขื่อนห้วยยาง อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว ได้สั่งการด่วนให้ผู้เชี่ยวชาญทุกด้านทุกสาขาลงพื้นที่พร้อมสั่งระดมเครื่องจักร เครื่องมือ เพื่อตรวจหารูรั่วให้เจอโดยเร็วที่สุด จนช่วงกลางคืนเมื่อคืนวันที่ 26 ต.ค. 2563 จึงตรวจพบและได้ทำการอุดรูรั่วได้สำเร็จ

          ด้าน ดร.กัมปนาท ขวัญศิริกุล ผู้อำนวยการส่วนวิศวกรรมธรณี กรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า แม้ว่าจะตรวจพบรูรั่วและทำอุดรูรั่วได้สำเร็จแล้ว กรมชลประทาน ยังสแกนหาจุดอื่นๆ เพื่อป้องกันการรั่วซึมในอนาคตด้วยขอให้ความมั่นใจกับประชาชนในพื้นที่ถึงความมั่นคงแข็งแรงของตัวเขื่อนที่ก่อสร้างถูกต้องตามหลักวิศวกรรมชลประทาน

CR:กรมชลประทาน

คาด!พายุลูกใหม่โคนี ถล่มฟิลิปปินส์ 1 พ.ย.ซ้ำจุดเดิมกับโมลาเบ ส่วนไทยติดตามใกล้ชิด

          สภาพอากาศในวันนี้ กรมอุตุนิยมวิทยา ระบุว่า หลายจังหวัดยังมีฝน ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และ ภาคใต้ ฝนหนักร้อยละ 70 ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กรุงเทพฯและปริมณฑล ฝนร้อยละ 60 ยอดภูอุณหภูมิอยู่ที่ 12-15 องศา ส่วนหย่อมความกดอากาศต่ำ บริเวณภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ยังมีอิทธิพลทำให้มีฝนเล็กน้อยถึงปานกลางทั่วไป สำหรับลมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยมีกำลังแรง ส่งผลทำให้ภาคใต้ มีฝนตกหนักบางแห่งกับมีลมแรง ย้ำประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยในภาคตะวันออก และภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนัก อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้

          พายุโซนร้อนโคนี ที่ตั้งชื่อโดยประเทศเกาหลีใต้ หมายถึงหงส์ ก่อตัวในมหาสมุทรแปซิฟิกด้านทิศตะวันออกของประเทศฟิลิปปินส์ คาดการณ์ว่าจะเข้าถล่มฟิลิปปินส์ประมาณวันที่ 1 พ.ย.2563 ด้วยความเร็วลมสูงสุดใกล้จุดศูนย์กลาง 222 กิโลเมตร ต่อชั่วโมง ลมกระโชก 268 กิโลเมตร ต่อชั่วโมง คาดการณ์ว่าจะเป็นพายุไต้ฝุ่นระดับ 4-5 ขอให้ประชาชนที่อยู่ใกล้พื้นที่เสี่ยงภัยในประเทศฟิลิปปินส์หรือคนไทยที่อยู่ในประเทศฟิลิปปินส์ ติดตามข้อมูลหากอยู่ในพื้นที่เสี่ยงควรอพยพไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย

          ทั้งนี้ ประเมินว่าพายุโคนี จะถล่มซ้ำในจุดที่เคยเคลื่อนตัวผ่านจากพายุไต้ฝุ่นโมลาเบ และคาดการณ์ว่าจะลงทะเลจีนใต้ ประมาณวันที่ 2-3 พ.ย.2563

นักท่องเที่ยว STV 2 กลุ่มแรกเข้าไทย 186 คน ไม่มีเชื้อโควิด-19  

          ผลการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ของสองกลุ่มนักท่องเที่ยวจีน 186 คนที่เดินทางเข้าไทยเป็นนักท่องเที่ยวประเภทพิเศษ Special Tourist Visa (STV) นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า ไม่มีผู้ติดเชื้อ อยู่ระหว่างการกักตัว 14 วัน และจะมีการตรวจหาเชื้อซ้ำในระหว่างนี้ด้วย หากไม่พบติดเชื้อก็จะสามารถเดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทยได้ เวลานี้เป็นเรื่องที่บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ต้องเตรียมความพร้อมจัดหาอุปกรณ์ต่างๆ ในการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ให้พร้อมทั้ง 6 สนามบินของ ทอท. เพื่อรองรับได้ทันทีหากรัฐบาลผ่อนคลายการเดินทางเข้าประเทศมากขึ้น ได้มอบหมายให้ ทอท.ไปจัดทำรายละเอียดและแผนการเตรียมรับมือว่าหากนักท่องเที่ยวสามารถเข้ามาได้เพิ่มขึ้นร้อยละ1 หรือร้อยละ 10 จะรองรับได้หรือไม่ และต้องขอรับการสนับสนุนอะไรจากรัฐบาลเพิ่มเติมหรือไม่ เพื่อให้การคัดกรองมีประสิทธิภาพมากที่สุด นอกจากนี้ มอบหมายให้ปลัดกระทรวงคมนาคมไปประสานกับสนามบินเอกชน  เช่น สนามบินสมุย ให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างเคร่งครัดด้วย

กระตุ้นท่องเที่ยว! จัด 3 แพ็คเกจให้กลุ่มSTV-ปลดล็อกเงื่อนไขเราเที่ยวด้วยกัน

          วันนี้ นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จะหารือร่วมกับนายสุพัฒนพงษ์พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน เกี่ยวกับแนวทางการส่งเสริมภาคท่องเที่ยวเพื่อกระตุ้นการเดินทางทั้งตลาดในและ ต่างประเทศ รวม 3 เรื่องหลัก

-เรื่องที่ 1 ททท.จะร่วมกับการบินไทย สมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) และสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) จัดทำแพ็คเกจท่องเที่ยว 3 แพ็คเกจ ครอบคลุมแบบวันเดย์ทริป เดินทางโดยรถยนต์ และเดินทางโดยเครื่องบิน เพื่อนำเสนอให้นักท่องเที่ยวต่างชาติกลุ่ม STV หลังครบกำหนดกักตัว 14 วันในไทยให้กระจายไปยังเมืองท่องเที่ยวอื่นๆ ในต่างจังหวัด ซึ่ง ททท.จะเป็นผู้สนับสนุนค่าใช้จ่าย ส่วนจะสนับสนุนในสัดส่วนเท่าไรนั้น ยังต้องหารือกันเพิ่มเติม

-เรื่องที่ 2 การปลดล็อก เงื่อนไขโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ซึ่งจะสิ้นสุดในวันที่ 31 ม.ค.2564 เพื่อกระตุ้นกระแสการเดินทางและยอดการใช้สิทธิ์จองห้องพักให้ถึงเป้าหมาย 5,000,000 คืน

-เรื่องที่ 3 ททท.จะร่วมกับสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมนิทรรศการ (ทีเส็บ) ออกแพ็คเกจใหม่สนับสนุนการจัดประชุมสัมมนาของภาครัฐ

          ศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบศ.ขอให้นำทั้ง 3 เรื่องเสนอในที่ประชุมวันที่ 2 พ.ย.2563 หากได้รับความเห็นชอบคาดเริ่มได้เร็วที่สุดวันที่ 15 พ.ย.2563