ที่ประชุมคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล มีมติเห็นชอบแนวทางแก้ไขปัญหาการขายสลากเกินราคา 2 มาตรการ โดย พ.ต.อ.บุญส่ง จันทรีศรี ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยว่า สำนักงานสลากฯ จะเปิดให้ประชาชนทั่วประเทศ เข้ามาขึ้นทะเบียน มีสิทธิซื้อจองเพิ่มเติมอีก 100,000 คน เพื่อช่วยคนตกงาน คนที่ต้องการขายลอตเตอรี่ หรือผู้ค้าเดิมที่ขายอยู่แล้วแต่ไม่มีสิทธิซื้อจอง ได้เข้ามาขึ้นทะเบียนและมีสิทธิซื้อลอตเตอรี่กับสำนักงานฯโดยตรง ในราคาใบละ 70.40 บาท เพื่อไปขายใบละ 80 บาท
โดยขั้นตอนหลังจากนี้สำนักงานสลากฯ จะไปกำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไขผู้มีสิทธิลงทะเบียน และเสนอให้คณะกรรมการเห็นชอบอีกครั้งในเดือน พ.ย.คาดว่าจะเปิดขึ้นทะเบียนใหม่ได้จริงภายในปีนี้ แต่ยังระบุไม่ได้ว่าจะพิมพ์ลอตเตอรี่เพิ่มจาก 100 ล้านใบหรือไม่ แต่แนวทางนี้จะช่วยแก้ปัญหาการว่างงานช่วงโควิด-19 และทำให้ผู้ค้าสลากฯตัวจริง เข้ามาซื้อสลากฯในราคาต้นทุนโดยไม่ต้องไปพึ่งพาการซื้อสลากฯจากพ่อค้าคนกลางซึ่งถูกเก็งกำไร
นอกจากนี้ที่ประชุมยังเห็นชอบให้มีการปรับสูตรการพิมพ์และจัดจำหน่ายสลาก ให้ตัวแทนและผู้ค้ารายย่อยใหม่ เพื่อแก้ปัญหาการขายสลากรวมชุด ซึ่งเป็นต้นตอที่ทำให้ลอตเตอรี่แพง โดยจะมีการพิมพ์สลากฯ แบบคละเลขทั้งหมด 100 ล้านใบ จากเดิมที่พิมพ์แบบคละเลขอยู่ 67 ล้านใบ และพิมพ์แบบเรียงเลข 33 ล้านใบ พร้อมกับปรับสูตรการเรียงเล่ม จากเดิมใช้สูตร 2-2-1 ซึ่งจะมีสลากเลขซ้ำชุด 2 ใบ 4 เล่ม และสลากใบเดี่ยวเลขไม่ซ้ำ 1 เล่ม ปรับมาเป็น 2-1-1-1 สลากเลขซ้ำชุด 2 ใบ 2 เล่ม และสลากใบเดี่ยวเลขไม่ซ้ำ 3 เล่ม โดยมีจะมีผลตั้งแต่งวดวันที่ 16 ธ.ค.2563 เป็นต้นไป ซึ่งจะมีผลให้การทำสลากฯ รวมชุดจะทำได้ยากขึ้น รวมได้เต็มที่จะไม่เกินชุด 5 ใบ แต่หากจะรวมมากกว่านั้นจะทำได้ยากมาก ดังนั้นโอกาสที่จะเห็นสลากชุดใหญ่ 10-20 ใบ ถูกรางวัลเป็นร้อยล้านบาทก็แทบจะไม่มี โดยสำนักงานสลากฯ คาดว่า ทั้ง 2 มาตรการจะช่วยบรรเทาปัญหาสลากราคาแพงให้ลดลงได้