รัฐบาลชี้แจง การแสดงออกต้องอยู่ในกรอบกฎหมาย-ต่างประเทศไม่แทรกแซง

27 ตุลาคม 2563, 15:39น.


          หลังถูกกล่าวหาว่ารัฐบาลใช้กฎหมายปิดกั้นการแสดงความคิดเห็นและการนำเสนอข่าวของสื่อมวลชนนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ชี้แจงกลางที่ประชุมรัฐสภาระหว่างการอภิปรายเพื่อรับฟังความคิดเห็นจากสมาชิกรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญมาตรา 165 ว่า ข้อกล่าวหาถึงการใช้กฎหมายปิดกั้นการแสดงออกของประชาชนผ่านสื่อสังคมออนไลน์นั้น ในฐานะที่เป็นภาครัฐมีความจำเป็นต้องใช้กฎหมายอย่างจริงจัง คนท่องโลกออนไลน์ทุกวันนี้มีความหลากหลาย แต่เนื้อหากับสิ่งที่ออกมานั้นรุนแรงมาก หากเราไม่ใช้กฎหมายบ้างก็จะเกิดการยุยงปลุกปั่นทำลายสถาบันด้วยความหยาบคาย เราดำเนินการกับคนที่มีความผิดเท่านั้น ทั้งสามแสนกว่าURLเป็นตัวเลขที่เราติดตามได้จริงแต่เราก็ดำเนินคดีประมาณ 2,000 ราย ซึ่งเป็นบุคคลที่กระทำความผิดจริงๆ



          ส่วนการปิดกั้นสื่อมวลชนนั้นยืนยันว่าหลายสื่อมีเจตนาเผยแพร่ภาพข่าวทำร้ายจิตใจ จาบจ้วง และไม่ได้เปิดพื้นที่ให้กับใครเลย แบบนี้จะยอมให้เกิดขึ้นได้หรือไม่ ใครทำผิดก็ต้องอยู่ใต้กฎหมาย วันนี้สื่อทุกแขนงยังนำเสนอได้อย่างเต็มที่ เพียงแต่มีการเตือนให้อยู่ในกรอบของกฎหมายเท่านั้น เราต้องการทำให้สังคมการสื่อสารออนไลน์เป็นพื้นที่ปลอดภัยและสะอาดเพื่อให้เกิดประโยชน์โดยรวม



          ด้าน นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า เรื่องที่เกิดขึ้นในประเทศไทยโดยเฉพาะการชุมนุมประท้วงรัฐบาลนั้นหลายประเทศจับตามอง โดยเฉพาะสื่อต่างประเทศและภาคธุรกิจต่างประเทศ องค์กรระหว่างประเทศ สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 16 ต.ค.มีการอ้างอิงถึงความคิดเห็นของผู้ชำนาญการอิสระ 3 คนจากสำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (OHCHR)ขอชี้แจงว่าเป็นความคิดเห็นเฉพาะผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น ซึ่งบุคคลเหล่านี้ถูกจ้างมาทำงานเพื่อไปตรวจความเคลื่อนไหวต่างๆด้านสิทธิมนุษยชนในหลายประเทศ แต่เมื่อทูตของเราที่เจนีวาได้พูดคุยกับผู้อำนวยการใหญ่พบว่า เขารับทราบถึงการดำเนินการตามกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง  (ICCPR) ซึ่งเป็นอีกมุมหนึ่งที่อยากให้รับทราบ



          ขณะเดียวกันมุมของเอ็นจีโอ เช่น แอมเนสตี้ ฮิวแมนไรท์วอช กลุ่มเหล่านี้ออกมาเป็นประจำอยู่แล้ว อะไรที่ผิดปกติจากกิจการประจำวันก็เป็นเรื่องที่เขาไปเขียนเป็นรายงาน ถือว่าเป็นภารกิจหนึ่งของเขา แต่สิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นเลย คือ ภาครัฐของแต่ละประเทศไม่เคยมีรายงานออกมา เพราะเขาถือว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศไทยได้รับการคลี่คลายและอยู่ในกรอบสากล ทำให้มีเพียงการติดตามเท่านั้น ยกเว้นกรณีของประเทศออสเตรเลียที่ออกมาเตือนพลเมืองตัวเองให้มีความระมัดระวังในการเดินทาง หลายท่านอาจบอกว่าวันที่ 16 ต.ค.ผิดปกติและรุนแรงหรือไม่ แต่ในสายตาหลายประเทศคิดว่าไม่ใช่ เพราะในบ้านเขามันไปยิ่งกว่านั้นเยอะแยะ ดังนั้น เขาก็รับรู้เรื่องนี้อยู่

ข่าวทั้งหมด

X