ทันสถานการณ์โลก 06.30 น.วันจันทร์ที่ 26 ตุลาคม 2563

26 ตุลาคม 2563, 06:23น.



ไต้หวัน เร่งหา 5 ลูกเรือไทยล่มในน่านน้ำเมืองเกาสง




          การติดตามลูกเรือไทย 5 คน จากเหตุเรือบรรทุกสินค้าซีทราน เฟอร์รี่ ล่มในน่านน้ำเมืองเกาสงของไต้หวัน เมื่อวันที่ 23 ต.ค. 2563 หลังจากที่เดินทางมาจากญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 14 ต.ค. 2563 และจะเดินทางมาที่ประเทศไทย นายธานี แสงรัตน์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า ไต้หวัน แจ้งว่าได้ใช้เครื่องบินลาดตระเวนค้นหาลูกเรือไทย 5 คน บริเวณที่เรือล่ม คณะกรรมาธิการมหาสมุทรไต้หวัน รายงานว่า ได้รับสัญญาณขอความช่วยเหลือจากเรือบรรทุกสินค้าว่าในเรือมีลูกเรือคนไทย 10 คน เกิดปัญหาด้านเครื่องยนต์จึงได้ส่งเรือลาดตระเวนทางทะเล 4 ลำ และเรือช่วยเหลือ 4 ลำ ไปให้ความช่วยเหลือ พบว่า มีลูกเรือ 5 คน สวมเสื้อชูชีพลอยน้ำอยู่จึงเร่งช่วยเหลือ พบว่าบาดเจ็บ 2 คน



พบชาวเกาหลีใต้เสียชีวิตแล้ว 48 ราย หลังได้รับวัคซีนไข้หวัดใหญ่



          พญ.จอง อึน-คย็อง ผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคเกาหลี ( เคซีดีซี ) เปิดเผยผลการตรวจหลังจากที่พบว่าชาวเกาหลีใต้ที่เข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลจากโครงการของรัฐ เสียชีวิตแล้ว 48 รายว่าผลการชันสูตรผู้เสียชีวิตเสร็จสิ้นอย่างน้อย 20 ราย ไม่พบความเชื่อมโยงระหว่างการได้รับวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่กับการเสียชีวิต



          สำนักงานนิติเวชวิทยาแห่งชาติของเกาหลีใต้ ระบุว่า ผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 13 ราย มีอาการผิดปกติเกี่ยวกับระบบหัวใจ ระบบไหลเวียนโลหิต และพบภาวะผิดปกติที่ระบบการทำงานของอวัยวะอื่น แต่ไม่เกี่ยวข้องกับการฉีดวัคซีน จึงเดินหน้าโครงการนี้ต่อ รัฐบาลกำหนดเป้าหมายให้ประชาชน 30 ล้านคน จาก 52 ล้านคนได้รับวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ และลดความเสี่ยงของการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่



         ขณะเดียวกัน พญ.จอง ขอให้ประชาชนที่เข้ารับการฉีดวัคซีน เตรียมร่างกายให้พร้อมด้วยการดื่มน้ำให้เพียงพอ หากมีโรคประจำตัว ควรปรึกษาแพทย์ก่อนว่าสามารถเข้ารับการฉีดวัคซีนได้หรือไม่และควรพักร่างกายประมาณ 15 นาที ถึง 30 นาทีก่อนเข้ารับการฉีดวัคซีน



          วัคซีนที่อยู่ในโครงการดังกล่าวมาจากผู้ผลิตในเกาหลีใต้ 4 แห่ง และจากบริษัทต่างประเทศ 1 แห่ง คือบริษัทซาโนฟีของฝรั่งเศส โดยวัคซีนในโครงการมีทั้งแบบมีค่าใช้จ่ายและไม่มีค่าใช้จ่าย นอกจากนี้ ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่าวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ที่รัฐบาลเกาหลีใต้ใช้ในโครงการนี้ มีการส่งออกไปยังประเทศใดหรือไม่ เช่นเดียวกับวัคซีนของซาโนฟี มีการส่งออกไปที่อื่นนอกจากเกาหลีใต้หรือไม่




เมียนมาเริ่มลงคะแนนล่วงหน้า! บททดสอบ อองซาน ซูจี



          เมียนมา เริ่มต้นลงคะแนนเสียงเลือกตั้งล่วงหน้าแล้วตั้งแต่เมื่อวานนี้ 25 ต.ค. 2563 ก่อนที่จะถึงวันเลือกตั้งทั่วไป 8 พ.ย. 2563 ชาวเมียนมา ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป และคนที่อยู่ห่างไกลจากหน่วยเลือกตั้งและไม่สามารถเดินทางกลับไปเลือกตั้งได้ รวมทั้งคนที่อยู่ระหว่างการกักตัวตามมาตรการป้องกันโควิด-19 สามารถใช้สิทธิ์ลงคะแนนเสียงเลือกตั้งล่วงหน้าได้จนถึงวันที่ 7 พ.ย.2563 รวมเป็นระยะเวลาทั้งสิ้น 14 วัน

          การเลือกตั้งทั่วไปของเมียนมาครั้งนี้จะเป็นการเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภาทั้งหมดที่มีการชิงชัยกันมากกว่า 1,000 ที่นั่ง ทั้งในสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา รัฐสภาท้องถิ่นของแต่ละรัฐและภูมิภาค



          แน่นอนว่าสองพรรคการเมืองใหญ่ที่เป็นที่จับตามากที่สุด คือ พรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (เอ็นแอลดี) ภายใต้การนำของนางอองซาน ซูจี กับพรรคสหสามัคคีและการพัฒนา (ยูเอสดีพี) ซึ่งรับรู้กันดีว่าเป็นพรรคการเมืองที่อยู่ใต้ร่มเงาทหาร



          นักวิเคราะห์ นักสังเกตการณ์ทางการเมือง มองว่า มีความเป็นไปได้ที่พรรคเอ็นแอลดีจะเป็นฝ่ายคว้าชัยชนะ การเลือกตั้งครั้งนี้จึงเป็นบททดสอบสำคัญสำหรับนางซูจี ว่ายังได้รับความเชื่อมั่นไว้วางใจจากชาวเมียนมาอย่างที่เคยได้รับมาอย่างท่วมท้นก่อนหน้านี้หรือไม่ ในฐานะนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยของชาวเมียนมา จากที่นางซูจี ทำให้ประชาคมโลกผิดหวังมาแล้ว กรณีการจัดการกับปัญหาชนกลุ่มน้อยชาวโรฮิงญาที่ถูกกองทัพเมียนมาปราบปรามอย่างทารุณ จนต้องอพยพหนีความรุนแรงออกไปประเทศเพื่อนบ้านอย่างบังกลาเทศ       



รองปธน.สหรัฐฯ ไม่กักตัว หาเสียงต่อ แม้ว่าผู้ช่วยคนสำคัญติดเชื้อ



         การเลือกตั้งสหรัฐฯ เหลือเวลากว่า 1 สัปดาห์เท่านั้นจะถึงวันเลือกตั้ง 3 พ.ย.2563 ผู้สมัครชิงตำแหน่งทั้งประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน และ นายโจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครต ต่างลงพื้นที่หาเสียงกันอย่างหนัก ล่าสุด มีการออกมาวิพากษ์วิจารณ์การเดินหน้าหาเสียงไม่กักตัวของรองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์ ที่ยืนยันว่า เขาและภรรยามีผลการตรวจโควิด-19 เป็นลบ และมีร่างกายแข็งแรงดี หลังจากที่ นายมาร์ก ชอร์ต หัวหน้าคณะทำงานของรองประธานาธิบดีเพนซ์ ตรวจพบติดโควิด-19





          ซาสเกีย โปเปสคู ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อของมหาวิทยาลัยจอร์จ เมสัน วิจารณ์ว่า การตัดสินใจหาเสียงต่อของรองประธานาธิบดีเพนซ์ เป็นการประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงและอันตรายไม่คำนึงถึงประชาชนที่ไปฟังการปราศรัย รวมทั้งเจ้าหน้าที่ที่เดินทางไปด้วย

          ด้านประธานาธิบดีทรัมป์ ให้ความมั่นใจกับกองเชียร์ที่เบียดเสียดกันฟังปราศรัยเมื่อสุดสัปดาห์ว่า สถานการณ์โคโรนาไวรัสกำลังจะดีขึ้นและส่วนใหญ่ไม่สวมหน้ากากอนามัย ทั้งๆที่เมื่อวันศุกร์ 23 ต.ค. สหรัฐฯมีผู้ติดเชื้อรายใหม่กว่า 83,000 คน ขณะที่โรงพยาบาลในหลายรัฐไม่สามารถรับผู้ป่วยเพิ่มได้อีก



          ขณะที่ นายไบเดน ประกาศว่า ไม่อยากเป็น ซูเปอร์สเปรดเดอร์ ระหว่างหาเสียงแบบไดรฟ์อินเมื่อวันเสาร์ที่เพนซิลเวเนีย ซึ่งเป็นการพาดพิงถึงงานเสนอชื่อผู้พิพากษาศาลสูงที่ประธานาธิบดีทรัมป์ จัดขึ้นที่โรสการ์เดนในทำเนียบขาวเมื่อปลายเดือนก.ย.และทำให้มีผู้ติดโควิด-19 กว่า 20 คน ขณะที่ประธานาธิบดีทรัมป์ ต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลทหาร 3 วันหลังติดเชื้อด้วยเช่นกัน พร้อมทั้งย้ำว่า กรณีดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงมุมมองที่แตกต่างและอันตรายของประธานาธิบดีทรัมป์ เกี่ยวกับโรคโควิด-19 ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตในสหรัฐฯจำนวนมาก



สองผู้ช่วยคนสำคัญด้านความมั่นคงของ ‘ทรัมป์’ เยือนอินเดีย คานอำนาจจีน



          นายไมค์ พอมเปโอ และนายมาร์ก เอสเปอร์ รัฐมนตรีต่างประเทศและรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ จะพบกับสองรัฐมนตรีอินเดียเพื่อหารือเรื่องยุทธศาสตร์และความมั่นคง ก่อนที่นายพอมเปโอ จะเดินทางต่อไปที่ศรีลังกา มัลดีฟส์ และอินโดนีเซีย ล้วนแต่เป็นประเทศที่ถูกดึงเข้าสู่การประลองกำลังระหว่างสหรัฐฯกับจีน



          ประธานาธิบดีทรัมป์ กล่าวว่า มีความสัมพันธ์ที่ดีกับนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดิ ของอินเดีย แต่การขึ้นเวทีดีเบตเมื่อวันศุกร์ที่ 23 ต.ค. 2563 เกี่ยวกับประเด็นการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กลับไปพาดพิงว่า อากาศอินเดียสกปรกเช่นเดียวกับจีนและรัสเซีย อาจทำให้อินเดียขุ่นเคืองใจได้



          ตั้งแต่ประธานาธิบดีทรัมป์ เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีการเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางการทหารกับอินเดียอย่างต่อเนื่อง มีการลงนามข้อตกลงการทหารมูลค่ากว่า 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และการค้าเกี่ยวกับการทหารระหว่างกันเพิ่มขึ้นจากเกือบศูนย์เมื่อปี 2008 เป็น 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯเมื่อปีที่แล้ว



          นายพอมเปโอ เปิดเผยชัดเจนว่า คณะบริหารของประธานาธิบดีทรัมป์ ต้องการโดดเดี่ยวจีน จึงเป็นเวลาสำคัญเรื่องความสัมพันธ์สหรัฐฯ-อินเดีย ขณะที่จีนแผ่ขยายอิทธิพลปกคลุมไปทั่วบริเวณที่สหรัฐฯ เรียกว่า อินโด-แปซิฟิก



          อดีตนักการทูตอินเดีย ชี้ว่า อินเดียไม่ต้องการเป็นด่านหน้าในการต่อต้านจีน แต่จะพยายามรักษาสมดุลอำนาจของจีนที่เพิ่มขึ้นในภูมิภาค

 




 

ข่าวทั้งหมด

X